ศพ – ตอนที่ 238 ดูหลุมศพ

ตอนที่ 238 ดูหลุมศพ

 

หลังฟังเรื่องของคุณฉีจบ ผมก็แอบกรอกตา

 

เป็นคนดีจริงๆ ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็เป็นผู้รับเหมาหน้าเงิน ตั้งแต่ผู้รับเหมารายเล็กจนร่ำรวยถึงตอนนี้

 

เขาก็เอาแต่เห็นน้ําขึ้นก็รีบตัก

 

สะสมความมั่งคั่ง ไม่น่าแปลกใจที่ในระยะเวลาแค่ 10 ปี เขาจะร่ำรวยได้ถึงขนาดนี้

 

สําหรับคุณแล้วเงินหนึ่งล้านตรงหน้า ก็คงไม่ระคายผิว เขาด้วยซ้ำ

 

ถ้าพวกเราสามารถสร้างโชคให้เขาต่อจริงๆ อย่าว่าแต่เงินหนึ่งล้านเลย แม้จะบอกให้เขาเอาเงินมาร้อยล้าน เจ้าหมอนี้ก็คงไม่ลังเลเลยสักนิด

 

แน่นอน พวกเราจะยังไม่พูดถึงเรื่องที่จะทําได้ไหม หรือโชคลาภนี้จะสานต่อได้รึเปล่า

 

ถ้าดูจากนิสัยของเจ้าหมอนี่อย่างเดียว แม้จะทําให้เขามีโชคลาภต่อได้ พวกเราก็จะไม่ทําแน่นอน

 

เมื่อกี้เขาก็พูดแล้ว หลายปีมานี้เขาทําเรื่องเลวทรามเอาไว้มากมาย แม้แต่ค่ารักษาพยาบาลของคนงานตัวเอง เขาก็ยังไม่ให้สักแดง ถ้าให้เจ้าหมอนี่มีโชคลาภต่อไป พวกเราก็คงได้ทําบาปกันพอดี

 

คุณเห็นพวกเราเงียบ เขาจึงพูดออกมาว่า “ ท่านนักพรตทั้งสอง ช่วงปีแรกผมทําแต่เรื่องดีๆนะครับ”

 

แต่ตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องเวรกรรมแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมยังได้บริจาคเงินจํานวนมากให้กับโรงเรียนบนภูเขา ถ้าท่านนักพรตทั้งสองช่วยได้ ผมจะตอบแทนพวกท่านอย่างดี ใช่แล้ว ท่านนักพรตทั้งสองสามารถเสนอราคาได้นะครับ ถ้า ไม่พอใจในค่าตอบแทนของผม พวกเราสามารถคุยกันใหม่ได้นะครับ !”

 

แต่ท่านนักพรตตู๋กลับโบกมือ “ คุณฉี พวกเราเป็นนักพรตธรรมดา ถ้าเป็นเพียงแค่ย้ายหลุมศพธรรมดา

 

มันย่อมเป็นไปได้แน่นอน แต่คุณให้พวกเราเปลี่ยนเรื่องโชคลาภ เรื่องนี้พวกเราคงทําให้ไม่ได้

 

และไม่ทําให้ด้วย !”

 

เสียงของท่านนักพรตตู๋เพิ่งเงียบลง อาจารย์ก็พูดต่อทันที “ใช่ คุณไปหานักพรตที่เก่งกว่านี่เถอะ !”

 

ขณะที่พูด อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ก็ลุกขึ้นพร้อมกัน หมุนตัวจะเดินออกไปทันที

 

ผมและเฟิงเฉ่วหานไม่รอช้า รีบเดินตามหลังทันที

 

ช่วยเจ้าผู้รับเหมานี่ให้มีโชคต่อไป ก็พาลแต่จะหาเงินให้เราได้กินอิ่มเยอะหน่อยเท่านั้น

 

คุณฉีเห็นพวกเราลุกขึ้น เขาจึงกระวนกระวาย รีบขวางพวกเราเอาไว้ทันที “ ท่านนักพรต นักพรตทุกท่านช้าก่อน ! ผมเคยได้ยินว่า ท่านนักพรตทั้งสองเป็นผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้า ถ้า ถ้าทําให้ผมมีโชคต่อไม่ได้ งั้นก็ได้โปรดช่วยพ่อกับปผมด้วยเถอะ ! ใกล้จะครบ 10 ปีแล้ว ถ้าพวกเขายังถูกฝังอยู่ที่นั้น พวกเขาจะนอนตายตาไม่หลับ เมื่อคืนผมยังฝันเห็นพ่อกับปอยู่เลย พวกเขาบอกว่าตอนนี้ทรมานมาก อึดอัด และยังด่าผมอกตัญญ…”

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คุณฉีผู้ชายอกสามศอกกลับร้องไห้ออกมาดื้อๆ

 

และยังบอกว่าตอนมีชีวิตเขาไม่เคยกตัญญดีๆกับพวกเขาเลยสักครั้ง ตอนนี้ตายแล้วก็ยังให้พวกเขาอยู่อย่างทรมาน เขาไม่อยากให้คนอื่นมาลําบากเพราะตัวเอง

 

เมื่ออาจารย์และท่านนักพรตตู๋ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็หันมามองหน้ากัน

 

ถ้าแค่ช่วยให้เจ้าหมอนี่มีโชคต่อไป มีเงินเพิ่มขึ้นอีกพวกเราก็คงไม่ทํา

 

แต่ถ้าเรื่องช่วยเหลือคนตาย นั้นเป็นหัวใจหลักของพวกเรา

 

หาหลุมศพธรรมดา แล้วย้ายหลุมศพ ทําให้ผู้ตายได้จากไปอย่างมีความสุข นั่นเป็นเรื่องที่พวกเราควรทํา

 

เมื่อเห็นคุณร้องไห้ขี้มูกโป่ง และได้ยินเรื่องหลุมฝังศพที่ร้ายกาจแบบนั้น อาจารย์ก็หันมาพูดกับคุณฉีว่า “ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันขอไปดูหลุมศพหน่อยได้ไหม ! ถ้าสามารถช่วยพ่อและปู่ของคุณได้ พวกเราก็จะช่วย”

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที “ เยี่ยมเลย ถ้าท่านนักพรตเต็มใจช่วย ผมก็สบายใจแล้ว !”

 

“ คุณฉี ไม่ทราบว่าหลุมศพของพ่อคุณอยู่ที่ไหน ” ท่านนักพรตตู๋ถามอีกครั้ง

 

หลุมศพของพ่อและปู่อยู่ที่บ้านเก่า ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ตอนนี้ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ไปถึงก็คงมืดพอดี เอาแบบนี้ดีกว่า ตอนนี้ท่านนักพรตทั้งสี่ท่านพักที่บ้านผมก่อน พอถึงพรุ่งนี้เช้า พวกเราค่อยเดินทางไปพร้อมกัน !” คุณฉีพูด

 

เมื่อได้ยินคุณพูดแบบนั้น พวกเราก็พยักหน้าเล็กน้อย แสดงความเห็นด้วย

 

เพราะมืดแล้วจะตามหาหลุมศพได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสังเกตฮวงจุ้ยได้ลําบาก

 

เมื่อคุณฉีเห็นพวกเราตกลง ก็เห็นได้ชัดว่าเขาดีใจมาก และยังบอกว่าถ้าอาจารย์ ผมและท่านนักพรตตูออกโรง จะต้องหาหลุมศพดีๆให้กับพ่อและปูของเขาได้อย่างแน่นอน

 

หลังจากนั้น พวกเราสี่คนก็พักอยู่ในคฤหาสน์ของ คุณฉีหรือฉีเหลยหนึ่งคืน

 

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราสี่คนบวกกับครอบครัวคุณ สามคนและคนขับรถสามคน ได้แบ่งกันนั่งรถสามคันแล้วขับตรงไปสู่ชนบททันที

 

การเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อถึงตอนเที่ยง พวกเราเพิ่งได้เข้ามาในตัวตําบล

 

แวะกินข้าวกัน หลังจากนั้นก็เริ่มออกเดินทางเข้าไปใน ภูเขา

 

บ้านเดิมของคุณทุรกันดาลจริงๆ และยังไม่มีถนนตัดผ่า

 

พวกเราต้องเดินต่ออีก 1 ชั่วโมง ถึงได้เข้ามาในหมู่บ้านของพวกเขา

 

แต่สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นสถานที่ที่มีเขาสวยน้ําใสอยู่อากาศก็บริสุทธิ์

 

บ้านเดิมของคุณ อยู่ที่เชิงเขาของหมู่บ้าน

 

คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านล้วนออกไปทํางานหาเงิน ตอนนี้ จึงเหลือเพียงคนแก่เท่านั้น

 

หลังจากคุณฉีเยี่ยมเยือนคนเฒ่าคนแก่เสร็จ เขาก็พาพวกเราขึ้นเขาไปดูหลุมศพของพ่อและป

 

เมื่อมาถึงสถานที่ พวกเราก็พบว่าตัวเองอยู่ท่านกลางภูเขาที่แห้งแล้ง และมีหลุมศพที่หรูหราตั้งอยู่สองแห่ง 

 

ที่ฝังอยู่ในนี้ ก็คือพ่อและปู่ของคุณฉี

 

เมื่อคุณฉีมาถึงที่นี่ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะพาครอบครัวมากราบไหว้เผากระดาษและจุดธูป

 

ผมและเฟิงเฉ่วหาน ตามอาจารย์และท่านนักพรตตู๋สำรวจรอบๆ สังเกตฮวงจุ้ยของที่นี่

 

เพิ่งสํารวจได้ไม่นาน อาจารย์ก็เอ่ยชมทันที “ ที่ดี ที่ดี เป็นฮวงจุ้ยขุมทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ถามด้วยความสงสัย “ อาจารย์ ที่นี่มันดีตรงไหนเหรอ ?”

 

แต่อาจารย์กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมพูดออกมาทันที “ เสี่ยวฝาน แกดูตําแหน่งของหลุมศพนี้นะ

 

มันเหมือนเนินเขาไหม ?”

 

ผมมองไปรอบๆพักหนึ่ง มันค่อนข้างเหมือน ภูเขาของที่นี่ไม่สูงมาก แต่เขาลูกนี้กลับมีเนินสูงขึ้นมาลูกหนึ่ง เหมือนกับเนินเขาจริงๆ

 

“ อือ เหมือนอยู่ !”

 

“ เหมือนใช่ไหมละ เดิมที่นี่เรียกว่าแท่นบูชา มีหมู่บ้านอยู่ด้านล่าง ทุกครั้งที่ชาวบ้านทํากับข้าว ควันที่ลอยออกมาจากในหมู่บ้าน จะกลายเป็นเครื่องเซ่นไหว้นับหมื่น เมื่อถึงตอนกลางคืน ทุกครอบครัวก็จะจุด

 

ตะเกียงดวงน้อย เหมือนกับแสงเทียนนับหมื่นดวง ไม่น่าแปลกใจที่ที่นี่ถูกเรียกว่าภูเขาเทพอวยพรร้อยตน สามารถฝังอยู่ที่นี่ได้ ถือว่าได้รับการกราบไหว้นับหมื่น เป็นธรรมดาที่คนรุ่นหลังจะร่ำรวย !” อาจารย์ชื่นชม เพราะสถานที่ดีๆแบบนี้หาดูได้ยาก

 

เมื่อผมได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ก็มองที่นี่ให้ละ เอียดอีกพักหนึ่ง พบว่ามันเป็นแบบที่เขาพูดจริงๆ

 

แต่คุณฉีเคยบอกว่า ภูเขาไปโช่วลูกนี้มีชื่อว่าภูเขาชวงเลิ่นไปโช่ว แล้วคําว่าชวงเลิ่นนี้มาจากไหน

 

อาจารย์และท่านนักพรตต์ก็มองไม่ออก พาพวกเราเดินดูรอบๆภูเขาหนึ่งรอบ

 

เมื่อมาถึงหลังเขา อาจารย์และท่านนักพรตต์ถึงได้เข้าใจที่มาของคําว่าชวงเลิ่น

 

ที่แท้ด้านหลังของภูเขาลูกนี้ก็เขียวขจี เป็นหน้า ผาครึ่งหนึ่ง ตัวหน้าผาเป็นหินแกรนิตทั้งหมด ไม่มีพืชขึ้นเลยสักต้น ว่างเปล่ามีแต่หินโล่งๆ

 

เพราะฮวงจุ้ยของหน้าผานี้ ทําให้ภูเขาไปโช่วกลายเป็นชวงเลิ่น

 

อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ต่างเข้าใจ ตอนนี้พวกเขาเห็นทุกอย่างแล้ว

 

อดีตที่ยากลําบากของคนรุ่งก่อน ส่งผลต่อคนรุ่นถัดไป แต่มีดีก็ต้องมีเสีย กําแพงที่แตกก็อาจพังทลายได้

 

ตอนนี้วันเวลาเปลี่ยนไปทุกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันในหมู่บ้านไม่มีคนอยู่แล้ว เครื่องเซ่นไหว้ก็ขาดหาย ข้อดี และข้อเสียจึงเริ่มเอนเอียง ฮวงจุ้ยเองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

 

นี่ก็คือสาเหตุ ที่นักพรตคนนั้นบอกให้คุณฉีคอยทําดีสะสมบุญบารมีตลอด

 

เมื่อสิบปีก่อน สถานการณ์ค่อยข้างดี ในหมู่บ้านยังมีชาวบ้านอยู่มากมาย ทุกๆวันจึงมีควันจากอาหาร

 

คอยเซ่นไหว้ไม่หยุด

 

แต่ตอนนี้ คนส่วนใหญ่ไปอยู่ในเมืองหมดแล้ว จากสิบเหลือหนึ่ง และคนที่เหลือยังเป็นพวกคนแก่

 

เมื่อรูปแบบนี้ถูกทําลาย ที่ดินล้ำค่าก็ไม่ใช่ที่ดินล้ำค่าอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหน้าผาหลังเขายังเริ่มผุพัง

 

ตอนนี้หลุมศพจึงเปลี่ยนเป็นหลุมขยะ

 

เป็นธรรมดาที่โชคลาภเมื่อก่อนหน้านี้ ก็จะหายไป ผู้ที่ถูกฝังอยู่ในนี้ ย่อมได้รับความทุกข์อีกครั้ง

 

เมื่อคนตายไม่เป็นสุข แล้วคนรุ่นหลังที่มีชีวิตอยู่ จะมีชีวิตสุขสบายได้ยังไง

 

เป็นธรรมดาที่เรื่องเลวร้ายทุกประเภทจะเข้ามา หาพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset