ศพ – ตอนที่ 24 ตาข่าย

บ้าเอ้ย เป็นผีชั่วอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

ผมยังไม่ทันตั้งตัว ก็โดนเจ้านี้ลากลงไปในน้ำแล้ว

ดีที่เตรียมตัวไว้ก่อน แม้ว่าหลังจากจมลงไปในน้ำแล้วผมจะสำลักออกมา แต่ผมก็ยังคงรักษาสติเอาไว้ได้ตลอด

ผมรีบกลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นตัวผมเองต้องจมน้ำตายแน่

แต่ผีชั่วนั้นเร็วมาก อยู่ในน้ำมันก็เหมือนปลาตัวใหญ่  มันพยายามลากเท้าของผมตรงไปยังเขตน้ำลึกทันที

เพียงชั่วพริบตา เชือกรอบเอวของผมก็เหยียดตึง แต่ตำแหน่งของผมในตอนนี้ ได้มาอยู่ในระดับน้ำลึกถึง 3 เมตรแล้ว

ผมพยายามดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง อยากหยิบดาบเหรียญที่อยู่ในเอวออกมา

 

แต่เมื่อเจ้าผีชั่วพบว่าไม่สามารถลากต่อไปได้ มันจึงโมโหทันที พูดในน้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ขุ่นเคือง “ฮึ! แค่ลูกไม้กระจอกๆ ยังกล้าเอามาเล่นต่อหน้าฉันอีกนะ!”

หลังจากพูดจบ เจ้าผีชั่วนี้ก็หมุนหัวที่เหมือนปลา เข้ามาอยู่ด้านหลังของผมทันที

เขาเห็นเชือกที่พันอยู่รอบเอวของผม ทันใดนั้นก็อ้าปากออกอย่างดุร้าย และกัดลงไปบนเชือกทันที

แต่เจ้านี้ไม่รู้ว่าเชือกเส้นนี้ทำมาจากขนหมาดำ ของเล่นชิ้นนี้ไม่ใช่ว่าวิญญาณร้ายอย่างแกจะกัดมันได้ง่ายๆ

เมื่อผีชั่วนี้กัดลงไป ฟันของมันก็แทบจะหัก

มันกรีดร้องออกมาทันที “อ้า! ขนหมาดำ ในนี้มีขนหมาดำอยู่!”

 

ผีชั่วดูเจ็บปวดทรมาน ถึงจะอยู่ในน้ำแต่เขาก็ได้รับผลกระทบ เขาแลบลิ้นออกมาข้างนอกอย่างต่อเนื่อง ดูท่าทางทรมานมาก

ผมมองสภาพของเขา แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ผมยังคงค้นหาดาบเหรียญอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากร่างกายของผมถูกกระฉากอย่างฉับพรัน จึงทำให้ดาบเหรียญไหลลงไปที่ต้นขา

ดังนั้นผมจึงดึงมันออกมา ได้ค่อนข้างยาก และใช้เวลาค่อนข้างเยอะ

ผีชั่วตนนั้นกลับมาทำหน้าตาสยองขวัญอีกครั้ง “ฮึ ถ้าอยู่ในน้ำ ฉันมีวิธีเป็นร้อยที่จะสามารถฆ่าแกได้!”

หลังพูดจบ ผีชั่วตนนั้นก็เข้ามาโจมตีผมอีกครั้ง เขาเร็วมาก จนผมมองไม่เห็นโอกาสที่จะหลบหนี

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “แควก” เสื้อผ้าของผมกำลังถูกผีชั่วฉีกทิ้ง

 

ดูเหมือนผีชั่วคิดว่า ถ้าเขาข่วนกรงเล็บลงไป มันจะทำให้หน้าอกของผมฉีกขาด และถึงผมจะไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส

แต่ เขาไม่รู้ว่า เสื้อคอกลมที่ผมกำลังใส่นั้นมีผ้ายันต์ติดอยู่

กรงเล็บของเขา ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายผมได้ ในทางกลับกันเขายังข่วนโดนผ้ายันต์ด้วย

นี่ไม่ใช่เรื่องตลก มันเป็นของที่ท่านปรมาจารย์ซานชิงเหลือทิ้งเอาไว้ แต่วิญญาณพวกนี้จะสามารถรับรู้ได้อย่างไร

ตอนนี้ดูเหมือนกรงเล็บของเขาจะได้สัมผัสกับเหล็กร้อน ตอนที่ข่วนโดน เขาก็ผงะออกไปทันที

 

นอกจากนั้นเขายังพูดเหมือนเมื่อกี้ จากนั้นก็แผดเสียงออกมาอีกครั้ง “สมควรตาย แกมันสมควรตาย ไม่ใช่แค่ยันต์ ยังเป็นชุดยันต์อีกงั้นเหรอ!”

ผมในตอนนี้ ได้จับดาบไว้แล้ว ขณะที่กำลังจะดึงดาบเหรียญออกมา

ทันใดนั้น ผมก็คิดได้ว่าในเวลานี้ควรเยาะเย้ยผีชั่วนี้สักหน่อย

ไอ้บ้าเอ้ยคิดว่าเรื่องจะเป็นไปตามที่ตัวเองคิดจริงๆงั้นเหรอ วันนี้ที่ฉันเอาชีวิตมาแขวนก็เพราะจะคิดบัญชีกับแกต่างหาก คิดว่าฉันเป็นพวกไก่อ่อน ไร้สมองจนไม่วางแผนก่อนมาซินะ

แต่ผมยังไม่ทันได้พูด จู่ๆบนหัวของผมก็มีเสียงดัง “ฉึบ…” และแล้วภาพตาข่ายสีเหลืองขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของผม มันกำลังตรงดิ่งเข้ามาที่หัวของพวกเรา

 

แม้จะอยู่ในน้ำ แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงของนักพรตตู๋และอาจารย์เบาๆ

“ตาข่าย จงจับผีนั้นซะ!”

“เสี่ยวฝานอยู่นิ่งๆ อาจารย์มาช่วยแกแล้ว!”

ผีชั่วมองไปรอบๆตัว เขาเผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา

แต่หลังจากนั้นก็กลับมาจ้องผมอีกครั้ง “ไอ้เด็กเวร แกคิดจะมาล้อเล่นกับฉันซินะ ดีตอนนี้ฉันจะฆ่าแกซะ!”

ขณะที่พูด เจ้าผีชั่วก็ตรงเข้ามาที่ด้านหน้าของชุดยันต์ จากนั้นมันก็เบี่ยงตัวพุ่งเข้ามากัดคอของผมทันที

ในเวลานี้ผมรู้สึกไม่ไหวแล้ว แต่ขณะที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ผมก็ยังยืนนิ่ง และจับดาบเหรียญเอาไว้แน่น

 

ตอนนี้ผีชั่วตนนั้นห่างจากผมไม่มาก เพียงชั่วพริบตาก็จะมาถึงแล้ว

แต่เขาไม่รู้ว่าที่เอวของผมมีของอะไรอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าผมกำลังจับดาบเหรียญอยู่ด้วย

เมื่อเขาเข้ามาในระยะเผาขน ปากที่เต็มไปด้วยหยดเลือด ก็เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคม และยังคำรามเสียง “โฮกโฮก” เห็นได้ชัดว่าเขากำลังแสดงความโกรธแค้นออกมา

ผมเบิกตากว้าง ไม่กล้าลีลาอีกต่อไป ผมดึงดาบเหรียญขึ้นมา และแทงเข้าไปที่ตัวผีชั่วทันที

ผีชั่วตนนั้นคิดไม่ถึงว่าผมจะโจมตีแบบนี้ สติของเขาเพ่งมาที่คอของผมอย่างเดียว บวกกับระยะเผาขน

ดังนั้นจึงทำให้ผีชั่วไม่สามารถหลบได้ และดาบเหรียญในมือผมเล่มนี้

 

ยังเป็นดาบที่ทำจากเหรียญทองแดง 108 เหรียญ ได้ยินอาจารย์บอกว่า เป็นของที่สืบทอดจากปรมาจารย์มาสู่อาจารย์ และยังมีพลังหยางแรงโคตรๆ

เมื่อแทงออกไป ตัวดาบนั้นก็พุ่งทะลุเข้าไปในร่างของผีชั่วนั้นทันที

สีหน้าของผีชั่วเปลี่ยนดัง “พรึบ” เดิมที่ก็เจ็บปวดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขายิ่งบิดเบี้ยวหนักกว่าเดิม ในปากยังกรีดร้องอย่างโหยหวน เขาเผยรูปร่างที่ประหลาดออกมา

ขณะนั้นเอง ตาข่ายขนาดใหญ่ก็ได้มาถึงตัวของพวกเรา

แต่สิ่งที่แปลกคือ ตาข่ายใหญ่ขนาดนั้น แต่กลับดูเหมือนแม่เหล็ก พวกมันต่างพุ่งเข้าไปห่อหุ้มร่างของผีชั่วที่อยู่ตรงหน้าของผมทันที

 

ไม่รอให้เขาได้ขัดขืน ตาข่ายนั้นก็ห่อเขาไว้จนแน่น

จากนั้นมันก็ค่อยๆถูกดึงขึ้นไปทีละนิด ในเวลานี้ผมเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มีฟองอากาศออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง ผมรีบว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

เมื่อหัวโผล่พ้นน้ำ ผมก็รีบอ้าปากหายใจทันที และในใจยังมีความรู้สึกดีหลังจากยังมีชีวิตอยู่ด้วย

อาจารย์และเฟิงเฉ่วหานกำลังว่ายน้ำเข้ามา เมื่อเห็นหัวของผม พวกเขาก็รีบเข้ามาประคองผมทันที

อาจารย์รีบพูด “เสี่ยวฝาน แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

ผมหัวเราะ “ไม่เป็นอะไรครับอาจารย์ ผีชั่วนั้นยังไม่ตาย พวกเรารีบไปขึ้นฝั่งกันเถอะครับ!”

 

ขณะที่พูด ผมสามคนก็รีบว่ายเข้าไปในเขตน้ำตื้น

หลังจากเข้าเขตน้ำตื้น ผมก็พบว่านักพรตตู๋และเหล่าฉินกำลังดึงเชือกเส้นยาวๆอยู่ มันค่อยๆถูกดึงขึ้นมาทีละน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องใช้แรงเยอะมาก

ส่วนปลายเชือกอีกเส้นหนึ่ง กำลังห้อยอยู่ในน้ำ ดูเหมือนในนั้นจะมีปลาตัวยักษ์ติดอยู่ และมันกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำอย่างต่อเนื่อง

“เหล่าติง เข้ามาช่วยเร็ว ไอ้ชั่วนี้ยังมีฤทธิ์อยู่!” เหล่าฉินพูดอย่างเยือกเย็น

เมื่ออาจารย์และพวกเราได้ยิน ก็รีบเข้ามาช่วยทันที

ไม่ต้องพูดถึง ผีชั่วนี้มีพลังเยอะจริงๆ ขนาดโดนดาบของผมเข้าไป มันยังมีฤทธิ์มากถึงขนาดนี้

 

แต่เมื่อพวกเราร่วมมือกัน ในที่สุดการดึงทีละนิดก็สามารถทำให้เจ้านี้ขึ้นมาจนถึงเขตน้ำตื้นได้ และสุดท้ายก็มาถึงบนฝั่ง

เมื่อมาถึงฝั่ง พวกเราก็เห็นผีชั่วตัวเปียกโชก ถูกตาข่ายรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่เขี้ยวที่แหลมคมของมัน ยังแสดงความดุร้ายออกมา

นอกจากนี้ที่ลำตัวของเขายังมีดาบเหรียญเสียบอยู่ ผมพบว่าการแทงครั้งนั้นไม่ได้โดนจุดสำคัญ แต่มันโดนที่ซี่โครงข้างซ้าย จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

เมื่อเหล่าฉินเห็นเจ้านี้ท่าทางดุร้าย เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “สมควรตายจริงๆ คงคิดไม่ถึงละซิว่าแกก็จะมีวันนี้!”

 

หลังจากพูดจบ เขาก็เตะไปที่ตัวของผีชั่วนั้น

“แกกล้าเตะฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!” ผีชั่วยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตาย ในเวลานี้มันยังกล้าแหกปากร้องตะโกนออกมา

อาจารย์เลิกคิ้วขึ้นอย่างท้าทาย ดึงดาบไม้ออกมาทันที “ชั่วแบบนี้ อย่าอยู่เลยดีกว่า!”

ขณะพูด เขาก็จ้องผีชั่วและแทงลงไปทันที

แต่วินาทีที่แทงผีชั่ว จู่ๆมันก็อ้าปากขึ้น และพ่นควันพิษสีดำใส่อาจารย์

โชคดีที่อาจารย์เคลื่อนไหวเร็ว เขาหมุนตัว หลบได้โดยตรง

 

เมื่อนักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆเห็นเข้า เขาก็ทำสีหน้ามืดมน “รนหาที่ตาย!”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกแขนขึ้น หยิบยันต์ออกมา และแปะไปทีหน้าผากของผีชั่ว

ผีชั่วตนนั้นไม่แสดงความกลัวออกมาเลยสักนิด กลับกันยังทำหน้าตาสยดสยอง “ในอนาคตพวกแกจะต้องมาชดใช้ให้ฉัน! ไอ้ธาตุน้ำไร้ราก แกอย่าคิดว่าจะอยู่ได้นาน……”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset