ตอนที่ 246 เรื่องไม่คาดที่เกิดจากการตกใจ
หลังจากยกโลงขึ้น โลงของปูคุณฉี ฉีเต๋อหวางอยู่ข้างหน้า พวกเราเดินตามอยู่ข้างหลัง
ขณะที่น้ําในโลงกําลังหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง น้ําหนักของโลงก็เริ่มเบาขึ้น จึงทําให้พวกเราแบกโลง
รู้สึกสบายขึ้นเยอะ
อาจารย์ยังสั่นกระดิ่ง “ กริ้งกริ้งกริ้ง” และโรยกระดาษหนึ่งกํามือ
ตอนแรกพวกเรายังมีพลังเต็มเปี่ยม การแบกโลงไปข้างหน้าจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
แต่หลังจากแบกมาได้ 2-3 นาที ทุกคนก็เริ่มไม่ไหว น้ําหนักของโลงทําให้คนแบกเริ่มหายใจหอบเหนื่อย รู้สึกปวดไหล่แบบผิดปกติ
พวกเรายังถือว่าดี เพราะเดิมทีก็ทํางานในสายนี้ ปกติก็ทํางานหนักกันเป็นประจํา ถึงจะทรมาน แต่พวกเราก็ยังอดทนได้
่
แต่คุณฉีและคนขับรถอีกสามคน เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
ปกติคนพวกนี้แทบไม่ได้ทํางานใช้แรงเลย และยังออกกําลังกายน้อยมาก
ตอนนี้การแบกโลงบนทางภูเขา จึงกลายเป็นการทรมานพวกเขา
แต่สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ โลงนี้จะแตะพื้นไม่ได้ ยังไงก็ต้องยกเอาไว้ตลอด วางพักไว้แม้แต่น้อยก็ไม่ได้
ถึงผมจะเป็นคนแบกโลงคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เส้นทางที่ใช้คือทางลงภูเขา
ผมอยู่ข้างหลัง น้ําหนักส่วนใหญ่อยู่ข้างหน้า ขอแค่ผมรักษาสมดุลได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากแล้ว
แต่ตอนนี้คุณและคนขับอีกคน เริ่มไม่สบายตัวแล้ว พวกเขาเซไปเซมา จนเกือบทําโลงหล่นพื้นหลายต่อหลายครั้ง
ผมเห็นคุณและคนขับรถอีกคนทนไม่ไหว ผมจึงตะโกนจากข้างหลังว่า “ คุณฉีต้องอดทนเอาไว้นะครับ
ยังต้องเดินอีก 10 นาที พอถึงที่หมายก็ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ห้ามทําโลงโดนพื้นเด็ดขาด ถ้าโดนพื้นจะไม่ใช่แค่ดูหมิ่นผู้อาวุโสฉี มันยังหมายถึงโชคลาภในอนาคตของคุณด้วยนะครับ!”
สองปีมานี้คุณฉี หลงไหลในเรื่องโชคลาภสุดๆ
ในเวลานี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาก็อีกเพิ่มขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็กลับมามีพลังอีกครั้ง
เขากัดฟัน ยกโลงขึ้น ในเวลาเดียวกันก็พูดเสียงเข้ม “ พวกนายสามคนอดทนหน่อยนะ อย่าทําผิดพลาดเด็ดขาด หลังจากย้ายหลุมศพให้ครอบครัวฉันแล้ว เดือนนี้ฉันจะให้เงินเดือน 3 เท่า !”
คนขับรถทั้งสามคนเป็นเพียงคนธรรมดาที่หาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆ ถ้าไม่ได้กลัวว่าจะตกงาน ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางมายกโลงเด็ดขาด
แต่ตอนนี้กลับได้ยินว่าคุณฉีจะเพิ่มเงินให้พวกเขาอีก ทุกคนจึงคึกคักขึ้นมาทันที
แต่ละคนต่างเรียกพลังของตัวเอง กัดฟัน และฝืนต่อไป
คนออกแรงพร้อมกันเสียง “ เฮเฮ้” ก็ดังขึ้นตลอดทาง
โชคดีที่ไม่มีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอันตรายที่สุด มันก็น่าจะเป็นการเดินลงเขาที่ลาดชัน
ตอนนี้พวกเรามาถึงเชิงเขาแล้ว และที่หลุมศพใหม่ก็ยังไม่มีอันตรายใดๆปรากฏขึ้น ผ่านไปอีกแป๊บเดียวพวกเราก็จะถึงแล้ว
ระยะทางข้างหน้าไม่ถึง 10 นาทีแล้ว แต่เสื้อผ้าของพวกเราทุกคนกลับเปียกชุ่ม และเสียงหายใจหอบเหนื่อยที่ดังก้อง
แต่หลังจากมาถึงที่นี่ อาจารย์กลับส่งสัญญาณให้หยุดเดิน บอกให้พวกเรารอก่อน เขาจะไปเอาหมาดําที่ผูกเอาไว้ตรงหลุมศพใหม่ออกก่อน
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็รีบวิ่งไปที่หลุมศพ
คุณฉีและคนอื่นๆไม่เข้าใจว่าทําไมต้องทําแบบนั้น ขณะที่แบกโลงไว้ เขาก็พูดด้วยเสียงหอบหายใจ
“ ท่าน ท่านนักพรตเสี่ยวติง ท่าน ท่านนักพรตติงผูกหมาเอาไว้ทําไม โลง โลงหนักมาก ผมกลัวว่าจะทนต่อไปได้ไม่นาน… ”
ขณะที่พูด ผมยังพบว่าเท้าทั้งสองข้างของคุณฉีกําลังสั่น เห็นได้ชัดว่าเขากําลังจะถึงขีดสุดแล้ว
ผมหายใจทางปากอยู่ ทันใดนั้นจึงตอบกลับทันที “ คุณฉี คุณอาจจะไม่รู้ หมาเห่าผี แมวเรียกศพ หลุมศพใหม่ของผู้อาวุโสฉีเพิ่งถูกสร้างขึ้น และยังไม่ได้เอาโลงลงไป ดังนั้นต้องผูกหมาดําเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผีเร่ร่อนที่ผ่านมายึดหลุมศพนั้น ตอนนี้ผู้อาวุโสลงเขามาแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ปล่อยให้มันสร้างโชคร้ายกับผู้อาวุโสทั้งสองได้ ดังนั้น ต้องเอามันออกไป ให้ผู้อาวุโสทั้งสองเข้าไป คุณฉี อดทนต่อ อีกหน่อย
อีกเดี๋ยวอาจารย์ผมก็กลับมาแล้ว !”
ผมอธิบายอย่างละเอียด เมื่อคุณได้ยิน เขาก็ตอบรับ “ อมยิ้ม” เข้าใจเรื่องนี้แล้ว
พวกเรารออยู่ในปาประมาณ 5 นาทีเต็ม ทุกคนจะหมดแรงแล้ว เท้าทั้งสองข้างสั่นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ทุกคนก็กัดฟันแน่น ไม่กล้าทําเรื่องต้องห้าม
ตอนนี้ อาจารย์วิ่งกลับมาจากที่ห่างไกล
หลังจากเขากลับมาถึงก็ไม่หยุดพักหายใจ สั่นกระดิ่ง “ กริ้งกริ้งกริ้ง” ทันที “ ประตูเอ๋ย จงเปิดทางให้ผู้อาวุโสฉีด้วย !”
อาจารย์ลากเสียงยาว ส่งสัญญาณให้พวกเราเดินต่อ
ทุกคนทนไม่ไหวแล้ว อยากให้ถึงหลุมศพเร็วๆ จะได้นําโลงลงหลุมซะที
ตอนนี้เมื่อเห็นอาจารย์ส่งสัญญาณ หัวมังกรของโลงทั้งสองจึงอดก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่ได้ ผม เหล่าเฟิง
และท่านนักพรตตู้ก็รีบเดินตามอย่างรวดเร็ว
แม้จะลําบาก แต่ทุกอย่างก็ราบรื่น และหลุมศพใหม่ก็อยู่ตรงหน้า การย้ายหลุมศพจึงใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
แต่สิ่งที่ทําให้พวกเราคิดไม่ถึงคือ ขณะที่มาถึงช่วงเวลาสําคัญ จู่ๆก็มีปัญหาเกิดขึ้น
เหล่าเฟิงและท่านนักพรตตู้เพิ่งแบกโลงนั้นออกจากป่า ทันใดนั้นพวกเขาก็เจอเรื่องไม่คาดคิด
จู่ๆงูหนึ่งตัวก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ คุณและคนขับรถแซ่ซูที่อยู่ข้างหน้าตกใจ ร้องตะโกนออกมาทันที “งู!”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็รีบเบี่ยงตัวหลบ ทันใดนั้นโลงก็เริ่มเอียงไปทางซ้าย และทําท่าจะคว่ํา
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็หน้าถอดสี รีบพูดออกมาทันที “ หยุด หยุด….”
ขณะที่พูด ผมยังรีบประคองโลงเอาไว้ พยายามทําให้มันกลับมาสมดุลดังเดิม
คนแบกโลงอย่างพวกเรา เดิมทีก็ขาดคนไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ผมคนเดียวจะดูแลโลงได้ยังไง ?
โลงเอียงลงทันที “ ปัง ” สุดท้ายโลงก็พลิกคว่ําลงกับพื้น
ส่วนพวกเราสามคน เพราะแรงเฉื่อยของโลง ทําให้พวกเราสามคนกลิ้งไปกับพื้นเช่นกัน
วินาทีนั้น ผมรู้สึกชาไปครึ่งตัว
ก่อนจะยกโลง อาจารย์และท่านนักพรตตู๋กําชับแล้วกําชับอีก ว่าตอนย้ายโลงห้ามมีปัญหาเด็ดขาด
จะต้องไม่ทําให้โลงสัมผัสกับพื้น
แต่ตอนนี้ละ ? อย่าว่าแต่สัมผัสเลย โลงทั้งโลงพลิกคว่ําเรียบร้อยแล้ว
และหลังจากที่มันพลิกคว่ํา บางอย่างที่อยู่ในโลงก็ระเบิดไอสีดําออกมาทันที
เมื่ออาจารย์ ท่านนักพรตตู๋ และคนอื่นๆได้ยินเสียงพวกเราข้างหลัง พวกเขาก็รีบหยุดเดินทันที
หลังจากที่เห็นโลงของพวกเราพลิกคว่ํา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นตกใจ
อาจารย์รีบวิ่งเข้ามาทันที “ เกิดอะไรขึ้น ? เร็ว รีบลุกขึ้น รีบยกโลงขึ้นใหม่เร็วเข้า ”
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์อารมณ์เสียมาก ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ก็โยนยันต์ออกมาสามแผ่น แล้วพูดว่า
เป็นอุบัติเหตุเป็นอุบัติเหตุ โปรดอภัยโปรดอภัย
ผมรีบลุกขึ้น และวิ่งเข้ามาข้างโลงเริ่มออกแรงดัน เพื่อให้มันกลับมาอยู่ในตําแหน่งเดิม
เพื่อจะได้ยกโลงขึ้นใหม่อีกครั้ง
แต่ผมพบว่า โลงนั้นหนักผิดปกติ ผมคนเดียวไม่สามารถดันมันให้ขยับได้เลยสักนิด
ส่วนคุณฉีและคนขับรถคนนั้น กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนกับยังมั่นอยู่
เรื่องเข้าขั้นวิกฤต ผมจึงไม่เกรงใจ ตะคอกใส่พวกเขาทันที “ จะนิ่งหาอะไร ? รีบเข้ามาช่วยกันซิ !”
เมื่อคุณฉีและคนขับรถแซ่ซูได้ยินคําพูดนี้ ถึงได้กลับมามีสติอีกครั้ง “ ฮือฮือ ” จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาดันโลงทันที
แต่สิ่งที่แปลกคือ ช่วงเวลานั้นโลงนี้กลับหนักผิดปกติ ถึงพวกเราสามคนจะร่วมมือกัน มันก็ยังขยับแค่เล็กน้อย
ไม่ใช่แค่นั้น ในเวลานี้ผมยังได้ยินเสียงบางอย่างจากในโลง เป็นเสียงหายใจเบาๆ ฮือ ฮือ ฮือ…
ทันใดนั้นในใจผมก็มีเสียงดัง “ อึก ” สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เสียง- เสียงนี่คือ… คือเสียงลมหายใจของศพ ศพในนี้… ศพในนี้เปลี่ยนไปแล้ว