ตอนที่ 248 ผีดิบแพ็คคู่
คนขับรถแซ่ซูก็เป็นคนธรรมดา จู่ๆมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้เข้าไป ก็ตกใจจนวิ่งหนีก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้ศพของฉีโย่วฉายเปลี่ยนไปแล้ว ในเวลานี้เขาได้กลายเป็นผีดิบแล้ว ผิวหนังเน่าเฟะ อ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยว กรงเล็บแหลมคม มีขนสีขาวปกคลุมทั่วตัว
ถึงแม้จะเห็นแค่แวบเดียว มันก็ทําให้คนกลัวได้แล้ว
ตอนนี้เมื่อเห็นคนขับรถแซ่ซูวิ่งออกไป พวกเราก็ไม่มีเวลาสนใจไปวิ่งตามเขา พวกเราจ้องผีดิบที่เพิ่งลุกขึ้นตรงหน้า เพราะการกระทํานี้ทําให้ผีดิบที่กําลังดมกลิ่นอยู่ พร้อมที่จะโจมตีทันที
แต่ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆ ที่แบกโลงออกไปก่อนหน้าก็ได้ยินเสียงของคนขับรถแช่ซูตะโกน
พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้ จึงหันกลับมามองตามสัญชาตญาณ
เมื่อหันมามอง ทุกคนก็เห็นผีดิบยืนอยู่ในโลงพอดี
แม้จะเห็นไม่ชัด แต่มันก็ทําให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
ในเวลาเดียวกัน คนขับรถแซ่ซูยังตะโกนออกมาว่า “ พี่หม่า เหล่าเฉิงรีบหนีเร็ว รีบหนีเร็ว ผีดิบมาแล้ว !”
หลังจากพูดจบ คนขับรถแซ่ซูกติดเกียร์หมาวิ่งนําอยู่หน้าสุดแล้ว
เมื่อคนขับรถอีกสองคนได้ยินดังนั้น และยังเห็นภาพแบบนั้น พวกเขาก็ตกใจ หน้าถอดสี หัวใจเต้นแรง
เมื่อท่านนักพรตตู๋เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดปลอบใจทันที “ ไม่เป็นไรไม่เป็นไร อย่าปล่อยมือ แบกโลงต่อไป !”
คนขับรถสองคนเผชิญกับเรื่องสยองขวัญ เท้าของพวกเขาจึงแข็งที่อ
ส่วนผีดิบตนนั้น ตอนนี้กําลังดมกลิ่นลมหายใจของพวกเราอยู่ มันหันมาอย่างรวดเร็ว มองมาที่พวกเรา
กางกรงเล็บที่แสนแหลมคมของผีดิบออก จากนั้นก็คําราม “ โฮก ” ออกมา “ ปัง” ทันใดนั้นมันก็กระโดดออกจากโลงทันที
ผมและอาจารย์ยังถือว่าดี เพราะเตรียมใจเอาไว้แล้ว
แต่คุณฉี วินาทีนั้นเขาตกใจ ถอยไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ล้มลงกับพื้น ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทางหวาดกลัวอย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้เป็นความเข้าใจของเขาไปแล้ว ใบหน้าเน่าเฟะ ผีดิบขนสีขาว นั่นยังใช่พ่อของเขาที่ไหนละ ?
เขาตกใจจนพูดจาติดๆขัดๆ เท้าดันตัว ให้ถอยไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง “ อย่า อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา… ”
แต่เหมือนผีดิบตนนั้นจะรู้จักคุณฉี เมื่อเล็งคุณฉีเรียบร้อย เขาก็ขยับเท้า กระโดดไปหาคุณฉีทันที
ฉากแบบนี้ ทําให้คนขับรถอีกสองคนที่หลอนอยู่แล้ว ถึงกับสติแตก
“ ผี ผีดิบ ใช่ ใช่ผีดิบจริงๆ !”
เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นคนขับรถอีกคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาทันที “ พระเจ้าช่วย! รีบวิ่งเร็ว ”
ตอนนี้เขาระงับความกลัวไม่อยู่แล้ว ถ้าไม่มีชีวิตแล้ว เงินเดือนสามเท่าพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไร ?
หลังจากพูดจบ เขาจะแบกโลงต่อได้ยังไง เขาไม่สนเรื่องต้องห้ามบ้าบออะไรแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ไม่ลังเล ปล่อยไม้คานจากบ่าของเขาทันที
เมื่อท่านนักพรตตู๋เห็น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ตะโกนออกมาทันที “ ไม่ ไม่ต้องกลัว! อย่าทําโลงแตะพื้น ”
แต่ท่านนักพรตตู๋จะห้ามเขาได้ยังไง ? ชายคนนั้นกลัวและคิดจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้
เขาไม่คิดมาก หลังปล่อยคานเสร็จ เขาก็วิ่งออกไปทันที
เมื่อคนแบกน้อยลงหนึ่งคน “ ปัก ” ทันใดนั้นโลงก็เสียสมดุลสัมผัสโดนพื้น สุดท้ายก็ตรงกับข้อห้ามที่เคยพูดเอาไว้..
ท่านนักพรตตู๋ยึดเอวขึ้น มองดูโลงที่สัมผัสกับพื้น จากนั้นกขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหล่าเฟิงก็หยุดยืน มองดูโลงเช่นกัน ขณะเดียวกันก็บ่นออกมาทันที “ จบกัน ! ”
ส่วนคนขับรถคนสุดท้าย ก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อ เขาเองก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และตะโกนใส่คนขับรถอีกสองคนที่อยู่ข้างหน้า “ เหล่าหม่า เหล่าซูรอ รอฉันด้วย… ”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบวิ่งไปข้างหน้าทันที
ตอนนี้ จึงเหลือเพียงคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเราสี่คนและคุณฉีที่ตกใจจนลุกไม่ไหวแล้ว
หลังจากคนขับรถสามคนหนีไป โลงของปู่คุณฉี ฉีเต๋อหวาง ก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้น
เหมือนกับโลงของฉีโย่วฉาย ตอนแรกมีเสียงหายใจ หลังจากนั้นก็เป็นเสียงเล็บข่วนโลง
แม้ผีดิบจะเป็นสัตว์ประหลาดที่จัดการได้ยาก แต่ท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานร่อนเร่มาหลายปี
จึงไม่ได้เคยเจอมาแค่ครั้งเดียว
ตอนนี้ผีดิบสองตัวจะออกมาลืมตาดูโลกพร้อมๆกันแล้ว คนขับรถสามคนก็วิ่งหนีไปแล้ว ถึงอยากจะผนึกศพไว้ในโลงก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทําได้เพียงสู้กันเท่านั้น ทําลายพลังที่หน้าอกของผีดิบทั้งสอง ถึงจะแก้ไขเรื่องนี้ได้
หลังจากท่านนักพรตตู๋ตกตะลึงเล็กน้อย เขาก็อ่านสถานการณ์ตรงหน้าออก จึงส่งสัญญาณให้เหล่าเฟิง
หยิบอาวุธ เตรียมตัวโจมตี
ส่วนผมและอาจารย์ ตอนนี้เมื่อเห็นผีดิบกระโดดไปทางคุณฉี ก็เป็นธรรมดาที่พวกเราจะให้เขาเข้าใกล้ไม่ได้
อาจารย์ยกดาบไม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว เค้นเสียงดัง ฮึ “ ใน เมื่อนอนอยู่ในโลงแล้ว ก็ไม่ต้องลุกขึ้นมาอีกซิ !”
ขณะที่พูด อาจารย์ก็พุ่งเข้าไปหาผีดิบแล้ว
ผมเองก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปทันที
ผมเห็นอาจารย์กระโดด แทงดาบไปที่คอของผีดิบ
ผีดิบตนนั้นรู้สึกถึงอันตราย มันจึงหันมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นอาจารย์และผมพุ่งเข้ามา “ โฮก ” มันก็คํารามออกมาทันที คายกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจากปาก ใช้แขนผีดิบของมันกวาดมาที่ดาบไม้ของอาจารย์
ด้วยพลังที่มหาศาล ทําให้ดาบไม้ของอาจารย์กระเด็นออกไปทันที
ผมตามมาติดๆ คิดจะลอบโจมตีด้านข้าง
แต่หลังจากที่ผีดิบปัดอาจารย์ออกไป มันก็หมุนตัว ไม่กลัวดาบผมเลยสักนิด
ยกกรงเล็บทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที
ผมรีบแทงเข้าไป ที่หน้าอกของมัน
แต่ผมรู้สึกเหมือนแทงโดนก้อนหิน ไม่สามารถแทงทะลุร่างของมันได้เลยสักนิด
แต่ผีดิบตนนั้นโกรธมาก มันคําราม “ โฮก ” ใส่ผมทันที กระโดดมาข้างหน้า ทําให้ผมต้องถอยทันที
แต่ปากของมันยังเข้ามากัดผมอย่างต่อเนื่อง
ผมถอยหลังตามสัญชาตญาณ สุดท้ายผมก็ถอยมาติดต้นไม้ต้นหนึ่ง
ผีดิบตนนั้นยังตามมาติดๆ อ้าปากจะกัดผมให้ได้
เมื่ออันตรายอยู่ตรงหน้า อาจารย์ก็เข้ามาโจมตีจากทางด้านหลัง เขาจับผมผีดิบเอาไว้ แล้วกระฉากไปทางด้านหลัง “ ออกมา !”
เมื่อผีดิบตนนั้นถอยไปข้างหลัง มันก็ล้มลงกับพื้นทันที
ผมเห็นโอกาส จึงรีบถอยให้ห่างจากมัน
“ ระวัง เจ้าผีดิบเฒ่านี้ถูกดองมาหลายสิบปี ถึงจะเพิ่งออกมา แต่ก็ไม่เหมือนกับผีดิบครั้งที่แล้ว !”
อาจารย์มาอยู่ข้างๆผม เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมก็รู้สึกได้ ไม่ว่าจะเป็นพละกําลังของผีดิบตนนี้หรือความรวดเร็ว ก็ต่างจากของศพคุณหนูเหวินมาก
และถึงผีดิบตนนี้จะล้ม แต่เขาก็ทําแขนทั้งสองข้างตั้งตรง และลุกขึ้นยืนทันที
จากนั้นก็คํารามออกมาอีกครั้ง และพุ่งเข้ามาหาพวกเราทันที
อีกทางด้านหนึ่ง โลงของฉีเต๋อหวางก็กําลังส่งเสียงดังปัง ศพของปู่คุณฉี ก็เปลี่ยนไปแล้ว และกลายเป็นผีดิบเหมือนกัน
ท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานเห็นผีดิบออกมา พวกเขาก็ไม่ลังเล ถือดาบเข้าไปแทงทันที
ระหว่างนั้นพวกเราทั้งสองฝั่งก็เริ่มต่อสู้เป็นวงกลม
ด้านกําลังคน พวกเราสู้สี่ต่อสอง ยังไงก็ได้เปรียบ แต่เรื่องพละกําลัง กลับแตกต่างกันไม่มากนัก
ตามที่อาจารย์พูด ผีดิบสองตนนี้ถูกดองมา 10 ปี กลายเป็นผีดิบเฒ่าแล้ว หนังหนา กระดูกแข็งเหมือนเหล็ก เมื่อตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับ “ กําลังเติบโต ”
ถึงแม้ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์จะเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายฝีมือดี แต่ก็รับมือกับพวกมันได้อย่างลําบาก
จึงไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเราจะสามารถกําจัดพวกมันได้ทันที
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผีดิบเฒ่าสองตนนี้ก็จะกลายเป็น “ ผีดิบเต็มตัว ” ได้เร็วขึ้นและก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
จะมีร้ายกาจขึ้น เร็วขึ้น และร่างกายแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ว่าพละกําลังหรือความเร็ว ในเวลานี้ยังมากขึ้นกว่าตอนออกจากโลงมาก
และขนสีขาวที่ผิวของพวกเขา ก็ยังหนาขึ้นมาก พลังชั่วร้ายที่ร่างกายปล่อยออกมา ก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าพวกเราจัดการ ผนึกผีดิบสองตนนี้ก่อนที่จะพวกมันกลายเป็น “ ผีดิบเต็มตัว ” ไม่ได้ งั้นพวกเราก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันแล้ว……