ตอนที่ 249 ตาข่ายปราบสิ่งชั่วร้าย
จู่ๆศพก็มีการเปลี่ยนแปลง ทําให้พวกเราคิดไม่ถึง
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่พวกเราจะปล่อยมันผ่านไปโดยไม่แยแสไม่ได้
ถ้าปล่อยเจ้าตัวนี้ไป หมู่บ้านในหุบเข้าน้อยๆแหล่งนี้จะต้องทุกข์ทรมานแน่ๆ
ดังนั้นพวกเราและพวกอาจารย์จึงต้องคิดวิธีกําจัดผีดิบสองตนนี้ให้เร็วที่สุด แต่ความแข็งแกร่งของผีดิบ สองตนนี้ค่อนข้างเกินความคาดหมายของเรา
ถึงจะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่นอน แต่พวกมันถูกดองมา 10 ปี แล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นผีที่ดุร้ายสุดๆ
และมีพลังชั่วร้ายเยอะมาก
ร่างกายมีความแข็งเท่ากับเหล็ก ตอนนี้แม้แต่ดาบไม้ที่เป็นอาวุธวิเศษปราบสิ่งชั่วร้าย ก็ยังทําร้ายพวกมันไม่ได้
และจากพลังชั่วร้ายที่ผีดิบปล่อยออกมา ทําให้ผีดิบทั้งสองตนนี้มีเวลาทําให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้อาจารย์พยายามป้องกันการโจมตีของผีดิบด้วยดาบ หลังจากนั้นก็หันไปตะโกนทางที่ท่านนักพรตตู๋อยู่ “ เหล่าตู๋ เจ้าผีดิบนี่ค่อนข้างตึงมือ นายมีวิธีอะไรบ้างไหม ? ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยิน เขาก็หันมามอง “ ตอนนี้ฉันมีตาข่ายขังพวกชั่วอยู่ น่าจะสามารถปราบพวกมันได้ แต่ตาข่ายมีแค่ผืนเดียว และมันก็ค่อนข้างเล็ก ต้องคิดวิธีทําให้พวกมันเข้ามาอยู่ติดกัน ! ไม่อย่างนั้นตาข่ายของฉันจะรัดเอาไว้
ไม่อยู่”
เมื่อยินคําพูดนี้ ทันใดนั้นผมก็พูดแทรกทันที “ ท่านลุงตู๋ อาจารย์ ตรงนั้นมีเนินดินไม่ใช่เหรอ ? แถมมีร่องค่อนข้างแคบด้วย !”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินผมพูดแบบนั้น พวกเขาก็หันไปมองตรงที่ผมชี้ทันที
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นใกล้ๆมีร่องดินแคบๆอยู่ร่องหนึ่ง ทั้งสองข้างล้วนเป็นเนินเขาที่ลาดชัน
แม้ว่าผีดิบจะทรงพลัง หนังหนาแทงเข้ายาก แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วขนาดนั้น
ถ้าล่อผีดิบให้เข้าไปติดในร่องดินนั้น และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ก็น่าจะกางตาข่าย รัดพวกมันเอาไว้ได้
ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์เห็นพื้นที่นั้นไม่เลว พวกเขาจึงไม่ลังเล ท่านนักพรตตู๋ตอบกลับทันที
“ ดีงั้นก็ลงมือตรงนั้น !”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงก็เริ่มถอยหลัง ล่อผีดิบให้เข้าไปติดกับ
ผมและอาจารย์ก็ไม่รอช้า พวกเราถอยหลังเช่นกัน ทําให้ผีดิบตามมาทันที
ส่วนคุณฉี ตอนนี้เขาตกใจจนพูดไม่ออกแล้ว ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ และไม่กล้าโพล่หัวออกมามองด้วยซ้ํา
พวกเราก็ไม่ได้สนใจคุณฉี ทุ่มเทกายใจในการกําจัดผีดิบอย่างเดียว
ผีดิบตัวนี้ก็หน้ามืดตามัว เมื่อเห็นพวกเราถอยหลังไม่หยุดมันก็คําราม “ โฮกโฮก ” ออกมา ยกแขนขึ้น
แล้วกระโดดตามมา แบบเร็วสุดๆ
แต่ถึงจะเร็วก็ยังเร็วไม่เท่าพวกเรา ผ่านไปไม่นานผีดิบทั้งสองตัวก็มาถึงปากร่อง
พวกเราและพวกท่านนักพรตต์ต่างควบคุมเวลากันดีสุดๆ ทุกคนเกือบมาถึงร่องดินพร้อมกัน
ตอนนี้เมื่อได้มารวมตัว ทุกคนก็มองหน้ากัน จากนั้นก็กระโดดลงไปในร่อง
ผีดิบทั้งสองตนกระโดดๆ ตรงมาโดยไม่ได้คิดอะไรเลย
แม้แต่ตอนที่อยู่ตรงปากร่อง ผีดิบทั้งสองตนก็ยังเข้ามาชนกันเอง
และในวินาทีนั้นเอง ที่ท่านนักพรตตู๋หยิบตาข่ายออกมา ผมเคยเห็นตาข่ายนี้มาก่อน
ครั้งก่อนตอนไปปราบผีทารก เหล่าเฟิงก็ใช้มัน
เมื่อถูกตาข่ายรัดเอาไว้ ผีทารกตนนั้นก็ขยับแทบไม่ได้ มันร้ายกาจมาก แต่ไม่รู้ว่าสําหรับผีดิบสองตนนี้
มันจะได้ผลแบบนั้นไหม
ตอนนี้ผีดิบทั้งสองตนไม่ได้เอะใจเลยสักนิด เมื่อเห็นพวกเราอยู่ข้างใน พวกมันก็ยังคําราม “ โฮกโฮกโฮก ” ออกมาและกระโดดเข้ามาข้างใน
ผลลัพธ์พวกมันเพิ่งได้เข้าใกล้พวกเรา ท่านนักพรตตู๋ก็กางตาข่ายในมือออก แล้วโยนใส่ผีดิบสองตนจากหัวลงมาทันที
ตาข่ายผืนนี้ทําจากด้ายดํา และถูกฉุบด้วยเลือดหมาดํา บวกกับเคยผ่านการปลุกเสก ทําให้มันมีพลังในระดับพิเศษ
ตอนนี้ผีดิบเพิ่งถูกครอบเอาไว้ ท่านนักพรตตู๋ก็ประสานมืออย่างรวดเร็ว กลายเป็นรูปดาบ เขาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็ตะโกนออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง รัด ! ”
เมื่อคาถาดังขึ้น ตาข่ายปราบสิ่งชั่วร้ายผืนนั้นก็รัดทันที มันบีบผีดิบสองตัวให้เข้ามาติดกัน
ส่วนผีดิบสองตัวนั้น ก็ทรมานอย่างเห็นได้ชัด ปากร้อง “ โฮกโฮก ” ออกมาไม่หยุด ตัวดิ้นทุรนทุรายไปมา
แต่พลังของผีดิบสองตัวมีเยอะเกินไป นอกจากจะควบคุมไม่ให้อีกฝ่ายเป็นอิสระได้แล้ว มันก็ไม่สามารถปราบอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ และยังมีโอกาสที่อีกฝ่ายอาจหลุดออกมาได้
ดังนั้นถ้าคิดจะจัดการทั้งสองตน พวกเรายังต้องใช้อีกวิธี
เมื่อผมและเหล่าเฟิงเห็นแบบนั้น เราก็พุ่งเข้าไป บิดดาบไม้ แทงผีดิบทั้งสองตนอย่างบ้าคลั่ง
ผลลัพธ์พวกเรากลับพบว่ามันงี่เง่า ดาบไม้ไม่สามารทําร้ายพวกมันได้เลยสักนิด
เมื่อท่านนักพรตตู๋เห็นก็อดไม่ได้ที่คิดหนัก มือประสานรูปดาบสั้นอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามควบคุมตาข่ายเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผีดิบหลุดออกมาได้
แม้แต่พลังระดับท่านนักพรตตู๋ ก็ยังดูตึงมือถึงขนาดนั้น
“ เหล่าติง ผีดิบสองตัวนี้มีพลังมากกว่าที่เราคิด ฉันคิดว่าอาจใช้ตาข่ายหยุดพวกมันเอาไว้ได้ไม่นาน นายรีบใช้ยันต์ทําลายพลังชั่วของพวกมันเร็วเข้า ! ” ท่านนักพรตตู๋รีบพูด
หลังจากที่อาจารย์ได้ยิน เขาก็พยักหน้ารัวๆ
ไม่พูดจาไร้สาระ หยิบยันต์อัญเชิญเทพติงเจีย 12 องค์ปราบวิญญาณร้ายออกมาหนึ่งแผ่นจากนั้นก็รีบแปะไปที่ผีดิบทั้งสองตัว
แต่ดูเหมือนผีดิบทั้งสองตนจะรู้ว่ายันต์ของอาจารย์นั้นร้ายกาจขนาดไหน ขณะที่ยันต์เข้าไปใกล้พวกมัน ช่วงเวลาลงมือ พวกมันก็ดิ้นรนต่อสู้กับอาจารย์ทันที
ผีดิบหนึ่งในนั้นคํารามดัง “ โฮก ” พร้อมกับพ่นควันสีเหลืองอ่อนออกมา
ส่วนอีกตนก็อ้าปากอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปกัดอาจารย์
อาจารย์ตกใจ คิดไม่ถึงว่าผีดิบตนนี้ยังสามารถพ่นควันพิษออกมาได้
ถ้าคนเป็นสัมผัสโดนแค่นิดเดียว ก็จะติดพิษทันที ถ้าปล่อยเอาไว้นานๆ มันก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน อาจารย์ทําได้เพียงถอยหลังอย่างรวดเร็ว ใช้ประสบการณ์หลายสิบปี
หลบควันพิษได้สําเร็จ
แต่เขาช้าไปนิดเดียว ขาของเขากลับถูกผีดิบอีกตนกัดจนเป็นแผล
เลือดสดๆหยดไหลไปตามขา
“ อาจารย์ ! ” ผมตกใจ !
นี่มันเป็นผีดิบเลยนะ ถ้าถูกมันกัดหรือข่วน ก็จะติดพิษทันที
ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของอาจารย์ จึงกระโดดถีบผีดิบตนนั้นทันที
ร่างกายของผีดิบตนนั้นถูกมาก ทําให้เท้าน้อยๆของผมชาเลยทีเดียว แต่มันก็ยังถูกผมเตะกระเด็น
“ อาจารย์ ! พวกเราไปกันเถอะ ” ผมเป็นห่วงมาก ประคองอาจารย์ให้ถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพื่อเว้นระยะห่างจากผีดิบสองตนนั้น
อาจารย์ถูกผีดิบกัดจนบาดเจ็บ ถ้าไม่รีบรักษา อาจารย์จะไม่ได้ตายอย่างเดียว ศพของเขายังอาจเปลี่ยนสภาพเจ็ดวันหลังจากนั้นเนื้อของอาจารย์จะเน่าเฟะ
อาจารย์มองขาของตัวเอง มันเป็นแผลยาว 5 เซนติเมตร จากลึกแล้วตื้น ภายในระยะเวลาสั้นๆ
เนื้อรอบๆก็เริ่มเป็นสีม่วง เป็นอาการที่เกิดจากการติดพิษ
เมื่อกี้ยังมีเลือดสีแดงสดไหลอยู่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเลือดสีเข้มแล้ว
“ เหล่าติง เป็นยังไงบ้าง ? ” ท่านนักพรตตู๋ก็เป็นห่วง แต่เขายังต้องควบคุมตาข่ายอยู่ จึงไม่สามารถขยับไปไหนได้ และปล่อยมือไม่ได้ ทําได้เพียงมองดูอาจารย์จากที่ห่างไกล
อาจารย์กวาดสายตามองแผลของตัวเองแป็บหนึ่ง จากนั้นก็ด่าออกมาทันที “ บ้าเอ้ย ทํางานนี้มา 20 ปี กลับมาล่มในร่องมืดๆนี่ ไม่ต้องห่วงฉันไม่ตายหรอกน่า นายจับเจ้าสองตัวนั้นเอาไว้ก่อนนะ ฉันจะพักหน่อย อีกเดี๋ยวจะกลับไปฆ่าพวกมัน !”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หยิบข้าวเหนียวออกมาจากกระเบ้ามหาสมบัติของเขา แล้วโรยลงบนบาดแผลของตัวเอง
ข้าวเหนียวเพิ่งสัมผัสกับเลือดสีดําบนบาดแผล ทันใดนั้น เสียง “ ซ่าซ่าซ่า ” ของการ “ เผา ” ก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้นยังมีควันค่อยๆลอยออกมา
อาจารย์เจ็บจนต้องกัดฟัน เสียงฟันกระทบกันดัง “ กึกกกกก ” แต่เขากลับไม่ยอมร้องออกมา
หลังจากล้างพิษอย่างง่ายแล้ว ข้าวเหนียวก็กลายเป็นสีดํา
อาจารย์ถอนหายใจออกมาสองครั้ง หลังจากนั้นก็พูดกับผมที่อยู่ข้างๆและเฟิงเฉิวหานด้วยเสียงหอบ
“ เสี่ยวฝาน เสี่ยวเฟิง ผีดิบสองตัวนี้มีพลังมากกว่าที่เราคิดเอาไว้ ถ้าอยากกําจัดพวกมัน ต้องทําลายพลังชั่วร้ายของพวกมันก่อน ! ”
เมื่อเห็นอาจารย์ชี้แนะ ผมก็รีบพูดทันที “ อาจารย์พูดมาเลย พวกเราต้องทํายังไง ?”
อาจารย์สูดหายใจเข้า แล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ หมาดําใช้เลือดหมาดํา เมื่อกี้หมาดําที่ผูกเอาไว้ที่หมุนศพ
ฉันเอาไปผูกไว้ที่หน้าหมู่บ้าน พวกแกสองคนไปเอาเลือดมันมา ขอแค่มีเลือดหมาดํา การกําจัดผีดิบสองตัวนี้ก็จะง่ายขึ้นเยอะ ”