ตอนที่ 257 กลับมา
หลังจากฟังเหล่าเฟิงพูดจบ ผมก็เรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด และคิดว่ามีเพียงทางแก้เดียวเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่า ระหว่างเหล่าเฟิงและพี่เฟิง จะมีข้อตกลงส่วนตัวแบบนี้อยู่ด้วย
ถ้าหาแก่นหยินแดงนี้ไม่เจอภายใน 3 เดือนข้างหน้า พี่เฟิงจะต้องไม่รามือ เขาต้องคอยหาโอกาสกดเหล่าเฟิงเอาไว้แล้วยึดร่างมาเป็นของตัวเองแน่ๆ
แม้พี่เฟิงจะช่วยผมเอาไว้หลายครั้ง และนอกจากเขาจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
แต่ ผมก็ยังเทใจให้เหล่าเฟิงมากกว่า
เพราะร่างกายนี้ เดิมทีก็เป็นของเหล่าเฟิง
ถึงแม้ตอนนี้วิญญาณของพวกเขาจะอยู่ด้วยกัน ใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่เหล่าเฟิงเป็นเจ้าของร่างอย่างชอบธรรม
ส่วนเรื่องที่พี่เฟิงคิดจะมาเป็นเจ้าของซะเอง ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
แต่ผมเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่เอาใจพี่เฟิงได้ก็คือต้องหาแก่นหยินแดงให้เจอ
เฟิงเฉิวหานกลับถอนหายใจ เขาพูดต่อ “ พี่ฉันอยู่กับฉันมาตั้งแต่เด็ก แถมเคยช่วยฉันเอาไว้เยอะมาก
แต่เขาชอบคิดว่าฉันอ่อนแอเกินไป ไม่สิ โคตรอ่อนแอเลยต่างหาก ดังนั้นพี่เลยอยากเป็นคนคุมร่างแทน
ทําให้พวกเราแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม แต่ นี่เป็นร่างกายของฉัน ฉันเลยไม่อยากให้เขาเป็นคนคุม ! ”
เมื่อเหล่าเฟิงพูดคํานี้ออกมา ถึงน้ำเสียงของเขาจะฟังดูหนักแน่น แต่มันก็ฟังดูค่อนข้างผิดหวังด้วย
เนื่องจากแก่นหยินแดงไม่ใช่ผักกาดขาว ที่จะหาซื้อจากไหนก็ได้ แถมพี่เฟิงยังแข็งแกร่ง ถ้าเขาคิดจะแย่งร่างจริงๆ เหล่าเฟิงอาจควบคุมไม่อยู่ก็ได้
ผมตบไหล่ของเฟิงเฉิวหานเบาๆ “ เหล่าเฟิง ยังมีเวลาอีก 3 เดือนไม่ใช่เหรอ ? ในช่วง 3 เดือนนี้พวกเราก็ออกไปหาด้วยกัน ไม่แน่อาจได้เจอผีชุดแดง แล้วได้แก่นหยินแดงมาครองก็ได้นะ ! ”
เป็นธรรมดาที่เฟิงเฉิวหานจะรู้ว่าผมกําลังปลอบใจเขาอยู่ แต่เขาก็ยังยิ้มให้ผม “ ชั่งมันเถอะ ! ถึงจะไม่มีแก่น
หยินแดง ฉันก็ไม่มีทางให้พี่ทําสําเร็จ ”
หลังจากพูดจบ เฟิงเฉิวหานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาว่า “ พอเถอะ ฟ้าจะสว่างแล้ว พวกเรานอนกันหน่อยเถอะ !”
ขณะที่พูด เหล่าเฟิงก็ล้มตัวลงนอน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดถึงมันอีก
สําหรับเหล่าเฟิง เขามีความลับอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องในอดีตของเขา
เรื่องนี้ แม้แต่ท่านนักพรตตู๋เองก็ไม่รู้
เหล่าเฟิงไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงไม่รู้ที่มาของเหล่าเฟิง
ว่ามีอะไรเกิดอะไรขึ้น กับเขาและพี่เฟิง แล้วอะไรกันที่ทําให้วิญญาณของพวกเขามาอยู่ด้วยกัน
เหล่าเฟิงไม่ยอมพูด ผมเองก็ไม่เคยถามมาก่อน
เมื่อเห็นเหล่าเฟิงนอนหลับ ผมก็กลับไปนอน หลังจากนั้นไม่นานผมก็หลับไป
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงของวันใหม่แล้ว
ในห้องเหลือแค่ผมคนเดียว เหล่าเฟิงตื่นแล้ว เขาออกไปยืดเส้นยืดสาย ผมถึงได้แต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก
เมื่อออกมาจากห้อง ก็พบว่าอาจารย์และคนอื่นๆอยู่กันครบ แต่คนที่หายไปคือครอบครัวคุณ
ตอนนี้ท่านนักพรตตู๋กําลังทําแผลให้อาจารย์ พันแผลที่ขาของเขา
“ เสี่ยวฝาน ตื่นแล้วเหรอ ! ” อาจารย์ทักผม
“ ตื่นแล้ว อาจารย์ ขาดีขึ้นบ้างรึยังครับ ? ” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
“ ยังพอได้อยู่ เช้านี้เหล่าตู้ล้างพิษให้ฉันอีกรอบ ใช้ขี้เถ้าหญ้าทาซ้ำ อีกไม่กี่วันก็คงดีขึ้นแล้วละ !”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อดถอนหายใจไม่ได้ อาจารย์เป็นญาติคนเดียวของผม ขอแค่เขาไม่เป็นอะไร
ผมก็สบายใจแล้ว
“ คือใช่ ทําไมไม่เห็นคุณฉีละ ? แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะกลับกัน ? ” ผมพูดต่อ
ท่านนักพรตตู๋กลับตะโกน “ พวกเขากลับกันตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ฉันเห็นทุกคนเหนื่อยมาก เลยบอกพวกเขาว่าจะไม่กลับด้วย พวกเราจะพักผ่อนกันก่อนแล้วค่อยกลับไป ”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ผมสงสัยที่คุณฉีกลับตั้งแต่เช้าตรู่ ก็คงเพราะอยากสะสางเรื่องสวมเขาของตัวเอง
แถมเรื่องนี้ ยังไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งได้
ผลลัพธ์จะเป็นอะไรได้ละ ? ภรรยาคุณฉีก็ได้แต่ยอมรับกรรมที่ตัวเองก่อ เพราะคนทําสวรรค์เห็น
เวรกรรมหมุนเวียน เรื่องที่เคยทํา สักวันมันก็จะกลับมาเข้าตัวเอง
แม้คุณฉีจะกลับไปแล้ว แต่เขายังเตรียมการทุกอย่างหลังจากนี้ เอาไว้ให้พวกเราอย่างดี
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็เก็บของออกจากบ้าน
เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้าน พวกเราก็พบว่าคนขับรถสองคนที่วิ่งหนีไปเมื่อคืน กําลังยืนรอพวกเราอยู่
ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเราเดินเข้ามา พวกเขาก็รีบเข้ามาต้อนรับ พูดยกย่อความสามารถของพวกเราทันที
บอกว่าเมื่อคืนพวกเขาตกใจ เลยวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต ต่อมาคุณฉีก็โทรศัพท์มาหาพวกเขา
พวกเขาถึงได้กลับมา หลังจากนั้นก็รออยู่หน้าหมู่บ้านเพื่อขับรถพาพวกเรากลับไป
เนื่องจากทั้งสองเป็นแค่คนขับรถธรรมดา พวกเราจึงไม่ได้ต่อว่าอะไร
พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านคนธรรมดา เมื่อคืนเห็นผีดิบ การตกใจจนวิ่งหนี ก็เป็นสัญชาตญาณปกติอยู่แล้ว
หลังจากคุยกันแป๊บนึง พวกเราก็ออกจากหมู่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงตัวตําบล ทุกคนก็นั่งรถยนต์กลับมาที่ตําบลชิงฉือ
พวกเราหาอะไรกินที่ตําบลนิดหน่อย หลังจากนั้นก็แยกกลับร้านใครร้านมัน
ระหว่างนั้นพวกเรายังได้รับโทรศัพท์จากคุณฉี คุณฉีพูดเรื่องค่าตอบแทน เขาบอกว่าอีกสองวันจะส่งมาให้พวกเราเป็นจํานวนเงิน 1 ล้านหยวน
ถึงพวกเราจะเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย แต่ก็ต้องใช้เงิน
ออกไปคราวนี้ ได้เงินถึง 1 ล้าน พวกเราสองครอบครัวแบ่งกันคนละ 500,000 ผมดีใจสุดๆเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อน
เนื่องจากอาหารที่กินที่อยู่การเดินทางต่างๆ ล้วนต้องใช้เงินทั้งหมด
และเมื่อผมลองคํานวณดูแล้ว ตามส่วนแบ่งกําไรที่ร้านเราได้ในเงิน 500,000 นี้ผมยังได้เงินตั้ง 50,000
เมื่อคิดถึงเงิน 50,000 ในมือ ผมก็ตื่นเต้นสุดๆ
ถึงเวลานั้นผมก็เอาโทรศัพท์เน่าๆนี่ ไปซื้อ “ ไอโพน 10 ” ตอบแชทคุยกับเพื่อน แค่คิดผมก็มีความสุขแล้ว
หลังกลับมาถึงร้าน ฟ้าก็มืดแล้ว แต่ร่างกายของผมกลับรู้สึกดีสุดๆ
สองวันนี้ผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ข้างนอก โชคดีที่เรื่องร้ายกลายเป็นดี และได้ค่าตอบแทนที่เลิศสุดๆ
ไม่อยู่บ้านสองสามวัน ตอนนี้กลับมาแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ผมจะจุดธูปให้มู่หลงเหยียนและตระกูลหู
อาจารย์ไม่สนใจ เขาทิ้งสัมภาระลงดื้อๆ จากนั้นก็ไปแปรงฟันแล้วนอนทันที
หลังจากพักมาครู่หนึ่ง ผมก็จุดธูปให้ตระกูลหูก่อน หลังจากนั้นค่อยจุดให้มู่หลงเหยียน
ผมไม่รู้ว่าเธอยังโกรธอยู่รึเปล่า ผมกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ ที่จุดธูปแล้วไม่ติด
ผมทําอย่างระมัดระวัง ค่อยๆจุดธูปและเทียนให้เธอ
แต่ครั้งนี้ผมพบว่า ไม่ว่าจะเป็นธูปหรือเทียน มันก็ดูราบรื่นทั้งนั้น แถมยังไม่มีสัญญาณว่าจะดับก่อนด้วย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็อดดีใจไม่ได้
ดูเหมือนมู่หลงเหยียน จะหายโกรธแล้ว
แต่ผมเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเปลวไฟของเทียนหน้าป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียนก็สบัดสองสามครั้ง
“ พรึบพรึบพรึบ ”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ “ พรึบ” สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไป พูดในใจด้วยความหวาดกลัว อย่าดับ อย่าดับ…..
ขณะที่พูด ผมก็เอื้อมมือไปป้องไฟ
แต่มือของผมเพิ่งเข้าไปป้องไฟเอาไว้ ทันใดนั้นเสียง ฮึ ก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ ไอ้กาก สองสามวันผ่านไปถึงจุดธูปให้ฉันเหรอฮะ ? อยากตายรึไง ?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ใจผมก็เต้นแรง และแอบดีใจ
ผมหันไปมองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้บนโซฟาที่อยู่ห่างออกไป มีสาวสวยคนหนึ่งกําลังนั่งอยู่
เธอใช้ชุดสีขาว ดวงตาเป็นประกาย สวยเหมือนนางฟ้า
ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ จะมีเทพหรือผีตัวไหนเข้ามาที่นี่ ? นอกจากมู่หลงเหยียนแล้ว เธอจะเป็นใครได้อีก ?