ตอนที่ 263 ยโสโอหัง
สําหรับวิญญาณชั่วร้ายที่ตื่นกามตนนี้ ผมก็ไม่มีอะไรจะ พูดด้วยดีๆหรอกก็แค่พูดคําพูดออกไปตรงๆเลย
และในตอนที่เราเดินเข้าห้องมา พวกเราทั้งสามคนเดินเข้ามาอยู่ในห้องพลังด้านมืดของภูตผีปีศาจก็ส่งกลิ่นออกมาสําหรับฝีมือและความสามารถของผีตนนี้ก็ประเมินแล้วว่า เหมือนทั่วๆไปไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายอะไรมากสุดก็ร้ายกาจมากกว่าผีที่เร่ร่อน
ถ้าหากไม่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทําอะไรที่เผยธาตุแท้ออกมาเดิมทีผมก็ไม่พูดไร้สาระมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเมื่อตะกี้ที่เดินเข้ามาในห้องตั้งใจจะทุบตุ๊กตารางทองของเจ้านั้นและทําลายไหของเขา
ดังนั้นผมทําแบบนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการเจรจาไปก่อนแล้วถ้าพูดไม่รู้เรื่องผมถึงจะใช้กําลังทีหลัง
ให้เขาตัดสินใจเองว่าจะเลือกแบบไหน
หากอีกฝ่ายเป็นรูปปั้นหิน ก็ยังดีเรื่องมันก็จะง่ายต่อการจัดการไปอีกทุกคนก็จะทําตัวสบายๆไม่อยากจะลงมือ
หากไม่รู้จักเอาตัวรอด อย่างนั่นก็อย่ามาโทษว่าพวกผมมีคนเยอะกว่าและไม่ได้ออมมือ
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากคําพูดที่ผมพูดจบลงลมพายุด้านมืดก็พัดเข้ามาปกคลุมในห้องอย่างหนาแน่น
“ พี่บพับพี่บพับ ” เสียงของผ้าม่านปลิวสะบัดเสียงดัง
ฉิงหมิงเฉ่วตกใจจนกระโดดผงะและเกาะอู่ฮียฮุยอย่างเหนียวแน่น “ ไม่ ไม่ดีแล้ว เขา เขาโกรธแล้ว !”
เมื่อฉิงหมิงเฉ่วพูดประโยคนั้นออกมาผมก็ยิ้มหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย “ แกนี่มันไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ําตาจริงๆ ! ”
พูดจบ ผมก็หยิบยันต์ที่มีคาถาลงเอาไว้ออกมาด้วยความรวดเร็ว “ ฟื้บ ” เสียงพลิกฝ่ามือและแปะยันต์ลงไปบนประตู
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วก็ไม่เฉยเมยหยิบยันต์ของตนเองขึ้นมาก่อนจะร่ายคาถาลงไปและแปะไปที่หน้าต่างทําให้บ้านทั้งหลังกลายเป็นกรงที่ปิดผนึกอย่างหนาแน่น
“ วันนี้แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นฉันอยากจะรู้พอดีว่าสุดท้ายแล้วแกจะรู้อะไรบ้าง! ”ผมเอ่ยปากและพร้อมที่จะเคลื่อนไหวลงมือจัดการมันทันที
ผลที่ตามมาคือเมื่อคําพูดของผมจบลงก็มีเสียงเศร้าๆของผู้ชายดังออกมาจากตุ๊กตารางทองที่อยู่บนโต๊ะเซ่นไหว้ “เสี่ยวเฉ่วเธอกล้าทรยศฉันไปหาพวกกลุ่มนักบวชเต่ามาจัดการฉัน ! ”
เมื่อฉิงหมิงเฉิวได้ยิน เธอก็หวาดผวาสุดๆจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ นี้ ! ผีแก่บ้ากาม รีบไสหัวออกไปเลยไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน ! ” หยางเนิ่วตะโกนออกเสียงดัง
แต่ทันใดนั้นผีผู้ชายนั้นก็หัวเราะเย้ยหยันออกมา“ ฮ่า ฮ่า ฮา !อย่าคิดว่าพวกแกจะจัดการฉันได้
อยากจะทําลายร่างทองของฉันมันก็ไม่ง่ายข นาดนั้นหรอกในเมื่อฉันถูกฉิงหมิงเฉ้วอัญเชิญมาฉันก็จะไม่ออกไปอย่างง่ายดาย ! ”
“ โอ้โห ! ผิดแล้วยังไม่ยอมรับว่าผิดดูเหมือนแกจะยังมองสถานการณ์ของตัวเองไม่ออกสินะ ? แกคงไม่รู้ความหนักเบาใช่ไหม ? ” ผมตะโกนออกไปอย่างแปลกใจ
เมื่อเห็นว่าผีบ้ากามไม่ปรากฏตัวออกมาผมก็แปะยันต์ลงไปที่ด้านหน้าโต๊ะเซ่นไหว้แล้วหยิบตุ๊กตารางทองขึ้นมา
ตุ๊กตาขนาดไม่ใหญ่ ดูเหมือนตุ๊กตาเซรามิกเพียงแค่หัวล้านและแก้มสีแดง
ผมมองดูตุ๊กตาร่างทองในมือด้วยใบหน้าที่หนักแน่นและเขวี่ยงมันลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
แต่ว่าฉากต่อไปไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเอาไว้ว่าตุ๊กตาตัวนี้จะไม่แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
น่าแปลกที่ตุ๊กตาแค่ส่งเสียง “ ป๊อก ป๊อก ” ออกมาสองที่มันไม่บุบสลายและไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว
ไม่เพียงแต่ผมที่ประหลาดใจแม้แต่เหล่าเฟิงและหยางเฉวก็แสดงความประหลาดใจออกมา
“ ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างที่พูดไปคิดจะทําลายร่างทองของฉันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ถ้าหากฉันไม่อยากไป
ใครก็ไม่สามารถมาไล่ฉันไปได้เพราะว่าเสี่ยวเฉิวที่รักเป็นคนอัญเชิญฉันมา…”เสียงของผีผู้ชายดังขึ้นมาอีกครั้งในห้องดูเหมือนว่าจะหยิ่งเป็นพิเศษ
คําพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะบาดเข้าไปในหูของพวกเราทุกคน
ผมพยายามอีกหลายครั้งไม่ว่าจะทุบลงบนผนังหรือโยนด้วยความรุนแรงยังไงมันก็ไม่ฟัง
นี่มันก็เป็นเพียงตุ๊กตาเซรามิกทั่วๆไปแต่ตอนนี้ทําไมมันกลับเปลี่ยนเป็นของแข็งราวกับเหล็ก
ผมพยายามทําลายมันอยู่นานยังไม่บุบสลายแม้แต่นิดเดีย
ฉิงหมิงเฉิวเห็นว่าพวกเราทําลายตุ๊กตานั้นไม่ได้และได้ยินคําพูดของผีผู้ชายตนนั้นที่หยิ่งผยองแบบนั้น
ดูเหมือนเธอจะหยิ่งหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นไปอีกเธอสั่นไปทั้งตัวจนเหงื่อไหลท่วมตัวไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวผีผู้ชายคนนี้และตอนนี้เธอก็กลัวว่าพวกเราจะไม่สามารถจัดการกับผีผู้ชายตนนี้ได้ สุดท้ายผีบ้ากามตนนี้ก็จะหาผลประโยชน์จากเธอมากขึ้นเหตุผลนี้จึงทําให้เธอกลัวอย่างช่วยไม่ได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
อู่ฮียฮุยก็เป็นกังวล พลางดึงปลายเสื้อของผม “ ติง ติง ฝานหรือพวกเราควรจะคุยกับเขา ! ให้เขาปล่อยเสี่ยวเฉ่วไป )
“ เอางี้ อยากจะลองทําข้อตกลงกับฉันไหม ? เงื่อนไขของฉันนั่นเรียบง่ายเพียงแค่ให้เสี่ยวเฉ่วปรนนิบัติฉันสามวันหลังจากนั้นก็เผาแบงค์กงเด็กแสนล้านหยวนให้ฉันคนรับใช้กระดาษสิบคนคฤหาสน์หนึ่งหลัง
รถหรูหราสองคัน ในขณะเดียวกันก็ต้องหาที่เซ่นไหวใหม่ให้ฉันด้วย แต่ว่าต้องเป็นสาวสวยเท่านั้น
ถ้าทําตามนี้ ฉันจะปล่อยเสี่ยวเฉ่วไป ” ผีบ้ากามตนนี้พูดความต้องการของตนเองที่ไม่สมเหตุสมผลออกมาอย่างลําพองใจ
แต่พวกเราสามคนกลับรู้สึกว่าบรรยากาศนี้หาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย เดิมที่ผมคิดว่าเจ้าผีตนนี้จะจัดการได้อย่างสบายและง่ายดาย
สุดท้ายใครจะไปรู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้พูดมาตั้งนานเจ้าผีนี่ก็ยังหลบอยู่ในกระดองไม่ยอมออกไปแม้แต่ร่างทองของมันพวกเราก็ไม่สามารถทําลายได้ผมรู้สึกอับอาย ขายขี้หน้ามากๆ
แต่ถึงยังไง ความต้องการของเจ้าผีบ้ากามนั้นก็ไม่สามารถทําให้มันได้อยู่ดี
ถ้าหากตอบตกลงไป จะยิ่งไม่เป็นการช่วยผีเลวก่อกรรมทําชั่วหรอกเหรอ ?
“ พูดเหลวไหล แกยังมีหน้ามาขอนูนขอนี่อีกสักพักฉันจะทําให้แกคุกเข่าขอความเมตตา !” ผมพูดอย่างเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ ฮ่าฮ่าฮ่า จะทําให้ฉันคุกเข่าขอความเมตตาถ้าพวกนายมีความสามารถฉันจะพูดแบบนี้ได้เหรอ ?
ร่างทองของฉันไม่ได้อยู่ในมือนายหรอกเหรอ ? ถ้ามีความสามารถก็ทุบมันต่อไปสิ !”
ผมกัดฟันกรอดๆ สงบจิตสงบใจ
นอกจากที่เจ้าผีตนนี้หยิ่งยโสแบบนั้น ความสามารถของมันก็ไม่ได้สูงมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทําให้พวกเราไม่สามารถทําลายร่างทองของมันได้
หากร่างทองไม่แตกพวกเราก็ไม่สามารถจัดการกับมันได้
แต่ว่าตุ๊กตารางทองนี้ดูเหมือนมันจะถูกหุ้มเกราะหนึ่งชั้นและเจ้าผีตนนี้ก็เป็นพี่ชั่วร้าย
ผีที่ชั่วร้ายมันกลัวอะไร ? ตามธรรมชาติแล้วสิ่งที่มันกลัวน่าจะเป็นพระอาทิตย์
ถ้าหากการโจมตีด้วยแรงไม่สามารถทําลายร่างทองได้พวกเรายังสามารถคิดวิธีอื่นได้ เช่น เผาไฟ ? ถ่วงน้ํา ? ตากแดด ? ใช้คาถาอาคม ?
หลังจากที่เงียบไปผมก็คิดถึงวิธีการเหล่านี้
ผมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับตุ๊กตาสีทองในมืออีกครั้ง “ ในเมื่อทําลายร่างทองของมันไม่ได้พวกเราก็เปลี่ยนวิธีดีไหม ?
หลังจากพูดจบ ผมก็ใช้มืออีกข้างดึงยันต์กดวิญญาณชั่วร้ายออกมา
ผมอดไม่ได้ที่จะแก้ตัวอีกรอบผมตบฝ่ามือลงไปบนตุ๊กตาสีทอง
“ ฮ่า ฮ่า แปะยันต์ลงไปมีประโยชน์อะไร ? ทําแบบนี้มากสุดก็แค่สะกดฉันเอาไว้ได้สามวัน ” เจ้าผีบ้ากามก็ยังคงไม่แยแสต่อการกระทํา
“ จริงเหรอ ? ต่อไปฉันจะทําให้แกผิดหวังที่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ !”
พูดจบ ผมก็หยิบตุ๊กตาสีทองเดินเข้าไปในครัวแล้วหยิบน้ํามันขึ้นมาแล้วเทลงไปในหม้อ
ทั้งหยางเนิ่วและเหล่าเฟิงก็ไม่รู้ว่าผมกําลังทําอะไรดูเหมือนพวกเขาจะสับสนนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรแค่ยืนดูอยู่ข้างๆ
เมื่อเทน้ํามันลงไปแล้วผมก็จุดไฟเผาทันที
ในขณะเดียวกันก็ตั้งตุ๊กตาสีทองลงไปในหม้อน้ํามันเอายันต์ตั้งขึ้นข้างบนเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันเปียก
เพียงชั่วพริบตาเดียวที่ผมใส่ตุ๊กตาสีทองลงไปในหม้อน้ํามันทันใดนั้นเจ้าผีบ้ากามก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก “นาย นายจะทําอะไร ? ทําแบบนี้ทําแบบนี้กับฉันมันก็ไม่มี…”
เห็นได้ชัดว่าน้ําเสียงของผีตนนี้สงบลงและแฝงไปด้วยร่องรอยของความตื่นตระหนก ไม่เย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วที่ยืนรออยู่ข้างๆแค่ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าใจความตั้งใจของผมและคิดได้ในทันที
เมื่อกี้นี้ผมเป็นกังวลเกี่ยวกับการทําลายร่างทอง
จนลืมที่จะหาวิธีอื่นและในตอนนี้ผมก็สงบลง ผมเพิ่งคิดได้ว่าร่างทองนี่มันก็แค่ “ เปลือกนอก ” ของเจ้าผีบ้ากามตน
ตอนนี้ผมปิดผนึกตุ๊กตาสีทองและเตรียมที่จะทอดมันในน้ํามัน
เป็นไปตามธรรมชาติที่เจ้าผีบ้ากามตนนี้จะต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการโดนทอดในน้ํามันผ่านตุ๊กตาสีทองนี้ของมัน
แน่นอนว่าตุ๊กตาสีทองตัวนี้ไม่สามารถทําลายได้และไม่สามารถฆ่ามันได้
แต่แน่นอนว่าด้วยวิธีนี้ มันก็จะทําให้ผีบ้ากามตนนี้เจ็บปวดจนพูดไม่ออกเลย
ทําให้มันรู้สึกว่าสู้ตายไปยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ซะอีก…