ตอนที่ 266 ศาสตร์เข็มทิศติดตาม
เราเองก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย แต่วันนี้กลับปล่อยให้ผีลามกตัวนึงหนีไปจากเงื้อมมือของเราได้
ถ้าเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูคนในวงการ เราจะมีหน้าอยู่ในสายงานนี้ต่อไปได้ยังไง
ไม่ว่าจะทําเพื่อหน้าตัวเอง เพื่อฉิงหมิงเฉ่ว หรือเพื่ออย่างอื่นก็ตาม
ยังไงเราก็จะปล่อยผีตัวนี้หนีไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับมันกลับมาให้ได้
แล้วก็ นักพรตจางอะไรนั่นที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังผีลามกตัวนี้ ก็ต้องโดนด้วยเช่นกัน
หยางเฉ่วประคองฉิงหมิงเฉ่ว พร้อมทําหน้าขมวดคิ้ว “แต่ผีลามกนั้นหนีไปแล้วนะ และยังเอาตุ๊กตาสีทองไปด้วยอีก ตอนนี้เราจะไปจับมันจากที่ไหนละ ?”
“ ใช่แล้ว! ตุ๊กตาสีทองไม่อยู่ ผีลามกจะไปซ่อนที่ไหนก็ได้ถ้าเรายังอยากจับเจ้าหมอนั้นอีก งั้นก็ยากแล้วละ!” เหล่าเฟิงก็พูดเช่นกัน
แต่ผมกลับฉีกยิ้ม “ พวกนายจําโหลดําบนโต๊ะบูชาได้ไหม?”
“ โหลดํา ? ” หยางเจ่วบ่นพึมพํา ทําท่าครุ่นคิด
เฟิงเฉ่วหานก็คิดย้อนกลับไป หลังจากนั้นไม่กี่วิ หยางเฉ่วก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ เหมือนจะมีโหลอยู่ใบหนึ่งจริงๆ !”
“ เจ้าโหลใบนั้นมันช่วยเราตามหาผลามกนั่นได้เหรอ ?” เหล่าเฟิงพูดต่อทันที
ผมกลับพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ ใช่ ในเมื่อโหลใบนั้นตั้งอยู่บนโต๊ะบูชาเหมือนกัน งั้นมันก็ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าผีลามก อาจารย์ของฉันกับท่านนักพรตต์ก็มีวิชาหนึ่ง ที่สามารถตามหาวิญญาณได้ ขอแค่เราใช้ประโยชน์จากเจ้าโหลใบนั้น แล้วให้พวกนายช่วยฉันอีกแรง ยังไงก็ต้องตามหาเบาะแสที่เจ้าผีลามกทิ้งเอาไว้เจอบ้างแหละ !”
เมื่อเหล่าเพิ่งได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็พูดด้วยน้ําเสียงสงสัยทันที “ นี่นายกําลังพูดถึงศาสตร์เข็มทิศตามวิญญาณเหรอ ?”
ผมพยักหน้าเบาๆ “ใช่ ศาสตร์เข็มทิศตามวิญญาณ นั่นแหละ ! ”
แต่เหล่าเฟิงกลับเลิกคิ้ว “ มีแค่อาจารย์ของฉันเท่านั้นที่ ทําเป็น หรือว่า ? หรือว่านายก็ทําได้แล้วเหรอ ? ”
มุมปากผมยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ ใช่ ฉันใช้คาถานี้เป็นแล้ว ! ”
เหล่าเฟิงเห็นผมพูดแบบนั้น ก็ทําท่าตกใจทันที วิชานี้ไม่ได้เรียนง่ายๆ เขาเรียนมาปีกว่าแล้วก็ยังควบคุมมันไม่ได้เลย
แต่ผมเพิ่งเข้าสายงานมาได้เท่าไหร่กัน ? เพิ่งครึ่งปีเท่านั้น ถึงกับสามารถใช้วิชานี้ได้แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะตกใจสุดๆ
“ นายนี่มันจริงๆเลย ถึงกับเรียนจนใช้วิชานี้ได้แล้ว ! งั้นก็อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ลงมือกันเลยเถอะ”
หลังจากตกใจแล้ว เหล่าเฟิงก็พูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ได้ ฉันยังไม่พร้อม ต้องเตรียมของให้ครบก่อน หยางเฉ่วกับเหล่าเฟิงประคองฉิงหมิงเฉ่วกลับไปพักก่อน ฉันจะไปหาซื้อของหน่อย !”
หยางเฉ่วและเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ลังเล พยักหน้ารับ แล้วบอกให้ผมรีบไปรีบกลับ
ต่อจากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกัน
ผมตรงไปที่เมืองภาพยนตร์ เหล่าเฟิงและคนอื่นๆกลับไปที่ห้องเช่าของฉิงหมิงเฉิว
ที่นี่คือเมืองภาพยนตร์ มีอุปกรณ์ประกอบฉากเยอะแยะ มากมาย หรือจะเรียกได้ว่ามีของแทบทุกอย่าง
ของที่ผมจะซื้อ เป็นพวกกระดาษเหลือง ผงชาด เข็มทิศดูฮวงจุ้ยและดาบไม้
ขอแค่มีของพวกนี้อยู่ในมือ เราสามคนก็สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว
ผ่านไปไม่นานผมก็ถามหาร้านที่ขายของพวกนี้เจอ แม้ของพวกนี้จะเป็นของประกอบฉากไม่ได้พิเศษอะไร ไม่ได้มีพลังปราบสิ่งชั่วร้ายมากกว่าอาวุธที่บ้าน
แต่ขอแค่มีของพวกนี้อยู่ จะมากหรือน้อยมันก็มีประโยชน์ทั้งนั้น
และสิ่งที่พวกเราสู้ด้วยก็เป็นแค่ผีธรรมดาตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? เพียงแค่ตอนนี้หาไม่เจอเฉยๆ ขอแค่ได้เจอหน้ากันถึงจะไม่ใช้ดาบไม้ พวกเราสามคนก็มั่นใจว่าจะต้องจัด การมันได้อย่างแน่นอน
ผ่านไปไม่นาน ผมก็เตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงรีบเดินตรงไปที่ห้องเช่าทันที
ตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ําแล้ว ผมเลยหอบพวกอาหารกลับไปด้วย
เมื่อขึ้นมาข้างบนแล้ว ผมก็เห็นทุกคนอยู่ครบ ฉิงหมิงเฉ่ว เองก็ฟื้นแล้ว
เพียงแค่ก่อนหน้านี้เธอโดนผีสิง ตอนนี้ก็เลยยังมีนๆอยู่ๆ มีธาตุหยางค่อนข้างน้อย หน้าค่อนข้างซีด
พอทุกคนเห็นผมกลับมาแล้ว ก็หันมามองผมกันหมด
อู่ฮียฮุยเป็นคนแรกที่เริ่มคุยกับผม “ติงฝาน นายหาซื้อของที่ต้องการได้ไหม ? ”
“ ซื้อมาแล้ว รอให้กินข้าวเสร็จแล้ว เราค่อยไปคิดบัญชีกับเจ้าผีลามกนั่น !” ผมพูดออกไปตรงๆ จากนั้นก็ยื่นกล่องข้าวให้ทุกคนทันที
อู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่วไม่มีอารมณ์กิน พวกเธอเลยกินไป แค่นิดเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางขึ้นขมของพวกเธอ พวกเราก็พูดปลอบใจสองสามประโยค บอกให้เธอไม่ต้องกังวล
พวกเราจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้รู้จากปากหยางเฉ่วและเหล่าเฟิงว่าโหลดใบนั้น ใส่เส้นผมเอาไว้สองสามเส้น
และยังมีตุ๊กตาอีกหนึ่งตัว
เส้นผมไม่กี่เส้นนั้น ก็ผูกเอาไว้กับตุ๊กตาตัวนั้น
พวกเราเลยนั่งดูมันอยู่พักหนึ่ง แล้วลงความเห็นว่านี่คือ “สุสานอีก้วนจ่ง” ที่นักพรตจางคนนั้นทําเอาไว้ให้เจิงต้าจือ
เพราะเพิ่งต้าจือไร้ญาติขาดมิตร และไม่มีสุสาน
นี่จึงทําให้หลังจากตายไปแล้วเขาก็กลายเป็นผีเร่ร่อนนักพรตจางคนนี้อยากจะสร้างร่างตุ๊กตาสีทองให้เขา
จึงต้องสร้าง “สุสานอีก้วนจ่ง” ให้ก่อน เพื่อให้เป็นที่ “รวบรวมดวงวิญญาณ ” และยังทําให้ผู้สร้างควบคุมวิญญาณ ได้สะดวกกว่าเดิม
ด้วยเหตุนี้ นักพรตจางจึงมองผ่านเพิ่งต้าจือ หาเส้นผมเจอเพียงไม่กี่เส้น
หลังจากนั้นก็ทําตุ๊กตา และยังมีสุสานอีก้วนจึงเป็นโหลดําใบนี้
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว นักพรตจางก็สามารถใช้สุสาน อีก้วนจ่งนี้ ควบคุมเพิ่งต้าจืออย่าง อ้อมๆ ทําให้เขาต้องทําตามทุกอย่าง
ส่วนเรื่องทําไมต้องควบคุมผีธรรมดาตัวนี้ พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่โชคดีคือ ขอแค่มีตุ๊กตาและเส้นผมพวกนี้อยู่ พวกเราก็สามารถนําของพวกนี้ตั้งขึ้นโต๊ะบูชา
และหาเบาะแสของผีลามกตัวนี้ได้
เมื่อเติมท้องเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวจะลงมืออีกครั้ง
สําหรับศาสตร์เข็มทิศผมยังไม่เคยใช้มาก่อน แต่ตัวคาถาผมเข้าใจมันแล้วแน่นอน
ผมตั้งโต๊ะบูชาก่อน หลังจากนั้นก็นําตุ๊กตาและเส้นผม ทําเป็นตัวนํา แล้วก็เริ่มร่ายคาถาทันที
หลังจากร่ายคาถาท่อนยาวออกมาแล้ว มือทั้งสองข้างก็ประสานเข้าด้วยกัน เป็นรูปดาบ แล้วตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ชี้ไปที่เข็มทิศฮวงจุ้ย
ทันใดนั้นเอง เข็มทิศก็เริ่มหมุนเสียง “ ติ๊ดติ๊ดติ๊ด ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนจ้องไปที่เข็มทิศตาไม่กระพริบ
ความเร็วของเข็มค่อยๆช้าลงมา และสุดท้ายก็หยุดลง มันชี้ไปข้างนอก ไม่กระดิกไปที่อื่นอีกเลย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ดีใจในใจ สําเร็จแล้ว
“ ดีละ กําหนตําแหน่งเรียบร้อยแล้ว ขอแค่เราเดินตามเข็มทิศ จะต้องหาเจ้าผีลามกนั่นเจออย่างแน่นอน !” ผมรีบพูด
เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วไม่รอช้า รีบหยิบอาวุธ หันไปบอกอู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่วว่าให้รออยู่ในห้อง
พวกเราไปเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็กลับ
เพียงเท่านี้ พวกเราก็เดินลงจากตึก มองทิศทางให้แน่ชัดแล้วเดินไปตามที่เข็มทิศบอก
เข็มทิศชี้ไปทางเหนือตลอด และทิศเหนือของเมืองภาพยนตร์ก็คือป่าไผ่ผืนหนึ่ง
หลังจากเดินผ่านป่าไผ่มาแล้ว ผมก็กวาดตามองรอบๆ พบว่าดึกดื่นปานนี้ก็ยังมีกองถ่ายอยู่ที่นี่
แต่ก็ไม่ได้หยุดดูนานนัก หลังจากเดินอ้อมคนพวกนี้แล้ว พวกเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากเดินมาได้ 20 นาที พวกเราก็มาถึงภูเขาด้านหลัง
สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามา เพราะไม่มีการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น ในเวลาปกติจึงไม่ปล่อยให้กองถ่ายหรือแขกที่มาเยี่ยมชมเข้ามาที่นี่ ไม่มีทางเดินแบบเป็นรูปเป็นร่างให้ เห็นกันเลยทีเดียว
เพื่อให้หาผีลามกตัวนั้นได้เร็วๆ พวกเราสามคนจึงต้องทนทุกข์ เดินไปที่ภูเขาทั้งๆแบบนั้น
ไม่พูดไม่ได้ เจ้าผีลามกนี่ซ่อนตัวได้ไกลจริงๆ
แม้จะมาถึงภูเขาลูกนี้แล้ว พวกเราก็ยังต้องเดินไปอีกครึ่งชั่วโมง
โชคดีที่พวกเราเปิดตาแล้ว ไม่อย่างงั้นสถานที่ที่มืดมิดแบบนี้ การก้าวเดินต่อไปข้างหน้าจะต้องยากลําบากมากแน่ๆ
ตอนนี้พวกเราเข้ามาลึกมากแล้ว แต่ก็ยังหาเบาะแสของเจ้าผีลามกนั่นไม่เจอ
แต่ทุกคนก็ไม่แสดงท่าทีว่าจะยอมแพ้ ยังคงเดินตามที่เข็มทิศบอกต่อไป เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
หลังจากนั้นประมาณห้านาที พวกเราก็เดินขึ้นมาบนเนินเล็กๆลูกหนึ่ง
และก็เป็นตอนที่พวกเราเดินขึ้นมาบนเนินนั้นเอง จู่ๆพวกเราก็ได้ยินเสียงบางอย่างเบาๆ
หัวใจของเราสามคนจึงเต้นแรง รีบหยุดเดิน ตื่นตัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็มองสํารวจรอบๆอย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ พี่เก้า นี่ก็จะถึงเวลาที่ต้องส่งงานของเดือนนี้แล้ว แต่ข้าต้องทําไม่สําเร็จแน่ๆ พี่ต้องช่วยข้านะ ! ถ้าวันนี้ข้าไม่ฉลาดวิ่งหนีออกมาได้ทัน ปานนี้คงโดนเจ้านักพรตสามคนนั้นฆ่าตายไปแล้ว……”