จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็พูดขู่ผม ผมจึงตกใจทันที
รีบหันหน้าไปมองเจ้าเด็กนี้ แต่ก็ยังเห็นใบหน้าตายด้าน กำลังมองศพที่อยู่ในโลงอย่างสงบ
“เฟิงเฉ่วหาน นายแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะมาหาฉัน” ผมอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
แต่เฟิงเฉ่วหานยังเป็นคุณชายผู้เย็นชา “นายห่วยขนาดนี้ ไม่มาหานายแล้วจะไปหาใครละ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็แทบโมโหจนกระอักเลือด คิดไม่ถึงว่าคุณชายเย็นชา จะสามารถพูดเยาะเย้ยคนอื่นได้
แต่ไม่รอให้ผมได้พูด เฟิงเฉ่วหานก็พูดต่อ “คืนนี้นายรับหน้าที่เฝ้าศพ ส่วนฉันจะจุดธูป รับประกันได้เลยนายไม่เป็นอะไรแน่!”
ผมทำหน้าเอือมระอา เจ้าเฟิงเฉ่วหานนี้ คิดจะเรียกร้องความสนใจจากผมซินะ
ในฐานะที่พวกเราเป็นลูกศิษย์ คืนนี้จึงต้องรับหน้าที่เป็นคนเฝ้าศพ
เฟิงเฉ่วหานคิดอย่างช่ำชอง ผมเป็นคนเฝ้าส่วนเขาเป็นคนจุดธูป
การจุดธูปหนึ่งครั้งจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันเชียว ตอนเย็นพวกเราก็ยังใช้ธูปดอกเดิม ผ่านไป 2 ชั่วโมงเขาถึงมีการจุดอีกครั้ง
แต่ตอนเฝ้าศพ จะต้องลืมตาตลอดเวลา และทุกๆครึ่งชั่วโมงก็จะต้องเผากระดาษเงินกระดาษทองหนึ่งครั้ง
งานนี้ใครทำงานหนักงานเบา ทุกคนคงจะมองออก
เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่เห็นด้วย จึงด่าออกไปตรงๆ “ไปไกลๆตีน!”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินคำตอบจากผม เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไร คงมีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเจ้านี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังนินทากับผมอยู่ในใจรึป่าว
ในเวลานี้ นักพรตตู๋และอาจารย์ก็ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย
สีหน้าทั้งสองคนค่อนข้างหมองหม่น พวกเขากลับมายืนตรงหน้าของคุณเหวินและภรรยาอีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “คุณเหวิน คุณผู้หญิง ลูกสาวของคุณไม่สามารถไปได้ เป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง!”
เมื่อสามีภรรยาได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ภรรยาของคุณเวินรีบพูด “ท่านนักพรตติง มัน มันคือเหตุผลอะไร! ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันตายอย่างไม่เป็นธรรมใช่ไหม”
อาจารย์ส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่ใช่ไม่เป็นธรรม ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่โลงศพนี้มีปัญหาครับ!”
ขณะที่พูด อาจารย์ก็ชี้ไปที่โลงไม้ชิงชันที่คุณหนูเวินกำลังนอนอยู่
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็หันไปมอง พวกเราต่างเผยสีหน้าที่สงสัยออกมา
ถ้าพูดในความเป็นจริง การนำไม้ชิงชันมาทำโลงศพ ก็ถือเป็นการเลือกวัสดุชั้นดี
วัสดุนี้ไม่เพียงหายากและราคาแพง หากนำมาทำโลงศพ จะมี “ผล” ทำให้วิญญาณสงบสุข
ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน การที่คนในครอบครัวสามารถนำไม้ชิงชันมาทำโลงศพได้ ก็มักจะมีแค่คนรวย หรือคนชนชั้นสูงเท่านั้น
โลงศพที่ต่อหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นสีหรือฝีมือ ต่างประณีตมาก
แต่โลงที่ดีขนาดนี้ จะมีปัญหาได้ยังไงละ
ท่าทางของคุณเหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อะไร ปัญหาอะไร นี่เป็นโลงไม้ชิงชันทองที่ผมซื้อมาด้วยเงินจำนวนมากเลยนะครับ ผมยังเชิญคนมาดูแล้วด้วย ด้านบนสลักนกฟีนิกซ์ เป็นโลงศพสำหรับผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย และยังไม่ผิดข้อห้ามใดๆนิครับ!”
เสียงพึ่งตกลง นักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆกลับพูดขึ้น “คุณเหวิน คุณอย่าพึ่งใจร้อน ถ้ามองจากภายนอก โลงไม้ชิงชันสีทองที่สลักนกฟีนิกซ์ลูกนี้เป็นของที่ดีจริงๆ แต่สิ่งที่ผมจะพูดคือ มันเป็นโลงไม้ชิงชันจริงๆเหรอครับ……”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็เข้าใจความหมายทันที นักพรตตู๋และอาจารย์อยากบอกว่า ไม้ที่ทำโลงนี้มันผิด
แต่ก็ไม่ผิดนิ! หลังจากเข้ามาในห้อง ผมยังได้สัมผัสกับโลงลูกนั้นอยู่เลย มันเป็นไม้ชิงชันอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะของที่ร้านของพวกเรา ก็ยังมีเทวรูปมากมายที่ทำมาจากไม้ชิงชัน สิ่งที่ผมคิดคงไม่ผิดหรอกมั้ง
แม้ว่าจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และยังยืนฟังอยู่ข้างๆต่อไป
“ท่านนักพรตตู๋ ท่านนักพรตติง สิ่งที่พวกคุณต้องการจะบอกก็คือ โลงนี้เป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอครับ” คุณเหวินเผยสีหน้าตกใจ เขาไม่เชื่อ
แต่อาจารย์และนักพรตตู๋กลับพยักหน้า แสดงให้เห็นว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
คุณเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้ ผมซื้อโลงนี้มาในราคาหลายแสนเลยนะครับ จะเป็นของปลอมไปได้ยังไง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบเดินไปที่โลงทันที จากนั้นก็ลูบไปที่โลงเบาๆ มองดูอีกสองสามครั้ง
อาจารย์เดินไปที่หน้าโลงช้าๆ จากนั้นก็พูดว่า “คุณเหวิน โลงนี้ทำขึ้นมาอย่างดี แม้ด้านนอกจะดูไร้ที่ติ แต่ ถ้าคุณลองดูดีๆ คุณก็จะรู้ความจริง!”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หยิบมีดหั่นศพออกมา เขาฟันลงที่มุมด้านหนึ่งของโลง
เสียง “บึก” ดังขั้น มุมหนึ่งของโลงถูกตัดออก
ทันใดนั้นมุมที่ถูกตัดออก ก็ทำให้ทุกคนตกใจทันที
เห็นได้ชัดว่า ไม้ชิงชันที่ถูกตัดออก มีด้วยกันสองสี
ทั้งสองข้างมีสีบานเย็น แต่ด้านในกลับเป็นสีขาว
ไม้ชิงชัน จะมีเนื้อสีขาวได้ยังไง
เมื่อคุณเหวินเห็นสิ่งนี้ เขาก็พูดออกมาทันที “ประกอบกัน!”
“ถูกต้องครับ โลงไม้ชิงชันนี้ถูกคนทำปลอมขึ้นมา ใช้วิธีประกบกันเป็นชั้น ด้านนอกใช้ไม้ชิงชันของจริง แต่ด้านในกลับใช้ไม้ฮวงตาน”
“ไม้ชนิดนี้เป็นของธาตุหยิน มักใช้เป็นเสาคานบ้าน น้ำหนักและกลิ่มไม่ต่างอะไรกับไม้ชิงชันมากนัก แต่คุณสมบัติไม่เหมือน มันไม่ควรเอามาทำโลงศพ”
“ถ้าคุณให้คนตายนอนในโลงที่ทำจากไม้ชนิดนี้ ก็เหมือนกับการนำไปวางในซึ้งนึ่ง แล้วเธอจะรู้สึกสบายได้ยังไงละครับ” อาจารย์พูด
ตอนนี้คุณเหวินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ด่าออกมา “แม่…ซิ ฮึกล้ามาหลอกขายให้ฉัน ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของฉัน เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆแน่ ฉันจะทำให้มันต้องทุกข์ทรมาน!”
“คุณเหวินอย่าพึ่งโกรธ เธอตายอย่างกระทันหัน และวิญญาณยังไม่สงบ ดังนั้นผมคิดว่าวันนี้ ควรเปลี่ยนโลงศพก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สงบได้ง่ายๆ!” นักพรตตู๋พูด
แม้คุณเหวินจะโกรธ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เป็นพ่อที่รักลูกสาวมาก
เขาตบหน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็รีบโทรศัพท์ สั่งให้คนไปจัดการ
ส่วนโลงไม้ชิงชันปลอมตรงหน้าที่คุณเหวินเสียเงินไปกว่าหลายแสนนั้น ก็ไม่อาจใช้ต่อไปได้แล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงร่วมมือกัน ย้ายศพของคุณหนูเหวินออกมาจากโลง
คุณหนูเหวินยังเด็กมาก และสวยมาก
แม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่เนื่องจากการแต่งหน้า
ดังนั้นในตอนนี้ เธอจึงดูเหมือนกับคนที่กำลังนอนหลับคนหนึ่ง
หลังจากย้ายศพของคุณหนูเหวินเสร็จ โลงไม้ชิงชันปลอมลูกนั้นก็ถูกโยนไปที่ลานจากนั้นก็ราดน้ำมันเบนซินและเผามันในทันที
อาจารย์และนักพรตตู๋ ก็เริ่มจัดระเบียบและตกแต่งห้องใหม่
ดูเหมือนพลังของคุณเหวินจะมีมากเลยละ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง โลงศพจากไม้การบูรก็ถูกส่งมาถึงในห้อง
หลังตรวจอย่างละเอียด ก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นพวกเราจึงย้ายร่างของคุณหนูเหวินกลับเข้าไปอีกครั้ง
หลังจากที่ทุกคนไหว้เสร็จ อาจารย์และนักพรตตู๋ก็เริ่มพิธีสวดส่งวิญญาณ
เนื่องจากคุณหนูเหวินตายโหง และยังเคยนอนในโลงไม้ฮวงตาน จึงทำให้พิธีสวดส่งวิญญาณนี้ค่อนข้างซับซ้อนและเข้มงวด
พวกเราเริ่มทำพิธีตอน 6 โมงเย็น จากนั้นก็ดำเนินมาจนถึง 5 ทุ่ม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแต่อย่างใด
จนกระทั่งเสร็จพิธี อาจารย์และนักพรตตู๋ถึงได้พักหายใจ
ตอนนี้ญาติของตระกูลเหวินต่างกลับไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงคุณเหวินและภรรยาเท่านั้น
ภรรยาของคุณเหวินเสียใจมาก เธอร้องไห้ออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
เมื่อคุณเหวินเห็นสภาพจิตใจของภรรยาแย่มาก เขาจึงประคองเธอกลับไปพัก และรบกวนให้พวกเราดูแลงานศพต่อ
เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ อาจารย์และนักพรตตู๋เห็นว่างานออกมาอย่างราบรื่น และยังไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ จึงคิดจะออกไปพัก
บอกว่าพรุ่งนี้เช้าตอน 7 โมงจะกลับมาทำต่อ คืนนี้ก็เลยมอบหน้าที่เฝ้าศพให้ผมกับเฟิงเฉ่วหาน
นี่เป็นเรื่องที่คิดไว้อยู่แล้ว ผมทั้งสองคนจึงไม่ได้พูดอะไร
จากนั้น อาจารย์และนักพรตตู๋ก็กลับไปพักผ่อน
แต่สถานที่ที่ใช้พักนั้นไม่ใช่ที่นี่ แต่เป็นคฤหาสน์ที่อยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้คุณเหวินบอกว่า บ้านที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ เขาซื้อมาให้กับลูกสาว เพื่อทำเป็นเรือนหอให้เธอในอนาคต
แต่ตอนนี้ที่นี่กลับกลายเป็นที่จัดงานศพให้กับคุณหนูเหวิน ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงไม่ใช่ที่อยู่สำหรับคนเป็นอีกต่อไป
หลังจากอาจารย์และนักพรตตู๋ออกไป ที่นี่ก็เหลือเพียงผมและเฟิงเฉ่วหานเท่านั้น
แต่อาจารย์และนักพรตตู๋พึ่งจากไป ผมก็ยืดขี้เกียจ เผยสีหน้าที่เหนื่อยล้าออกมา
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นสภาพของผมในตอนนี้ เขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “ติงฝาน นายไปหลับก่อนก็ได้นะ! เดี๋ยวคืนนี้ ฉันจะเฝ้าเอง!”