ตอนที่ 292 อํานาจของแพทย์
เหมือนพ่อแม่ของซุนเสี่ยวหลินคว้าฟางเส้นสุดท้ายได้ หลังฟังอาจารย์พูดจบ เขาก็ไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น
รีบไปรินน้ํามาทันที
อาจารย์ยื่นยันต์ให้ผม บอกให้ผมเป็นคนทํา
ส่วนตัวเขาและท่านนักพรตตู๋ก็ไปปรึกษากันกับเหล่าฉินที่ข้าง หน้าต่างแล้ว เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไป มีคนที่ต้องช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แรงกดดันเลยเพิ่มมากขึ้น
แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว
ผมถือยันต์และรับแก้วน้ํามาถือเอาไว้ เลียนแบบท่าทางของอาจารย์ ท่องคาถาออกมาสองสามประโยค จากนั้นก็เผายันต์ ผสมลงในน้ํา
หลังทําสิ่งเหล่านี้เสร็จ ผมก็ยื่นน้ํามนต์ให้คุณนายซุน บอกให้เธอนําสิ่งนี้ให้ซุนเสี่ยวหลินดื่ม
แต่ในตอนนี้เอง ทีมแพทย์กลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในห้อง พวกเขามีประมาณเจ็ดแปดคนได้
หลังเข้ามาในห้อง จู่ๆก็เห็นในห้องมีคนกลุ่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาจึงหยุดเดินทันที เมื่อคิดได้ว่าพวกเราอาจเป็นญาติผู้ป่วยก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ในเวลาเดียวกัน หมอวัยกลางคนที่เดินอยู่ข้างหน้าสุด กําลังฟังพยาบาลคนข้างๆรายงานอาการผู้ป่วย
“ ท่านผู้อํานวยการโจว วันนี้ผู้ป่วยยังไม่ฟื้นเหมือนเดิมค่ะ ทางโรงพยาบาลได้ประกาศแล้วค่ะว่าอาการของผู้ป่วยเข้าขั้นวิกฤต ! ”
คนที่ถูกเรียกว่าผู้อํานวยการโจวพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาพูดกับพวกเราว่า “ ญาติทุกท่าน ! แม้ทางโรงพยาบาลจะประกาศว่าเข้าขั้นวิถูกตแล้ว ! แต่พวกคุณ ! ไม่ต้องกังวล ทีมแพทย์ของเรารวมคนที่เก่งที่สุดจากทั่วทั้งประเทศ ตัวผมเองก็เป็นหมอระดับโลก พวกเราจะพยายามรักษาชีวิตคนไข้สุดความสามารถ !
เพื่อคนไข้ เราจะสร้างปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ขึ้นมา ”
หมอคนนี้พูดได้น่าฟังมาก แต่ทุกคนเข้าใจในทันที เขาไม่มีทางช่วยซุนเสี่ยวหลินได้แล้ว ตอนนี้ได้แต่ดูอาการวันต่อวัน พวกเขาได้แต่ยื้อชีวิตซุนเสี่ยวหลินอย่างสุดความสามารถ และหวังว่าวันหนึ่งจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเท่านั้น
สีหน้าของคุณซุนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่หลังจากผู้อํานวยการโจวพูดเสร็จ เขากลับพบว่าคุณนายซุนกําลังจะป้อนน้ําสีดําให้ซุนเสี่ยวหลิน
เขาจึงอดตกใจไม่ได้ จากนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที “ ญาติผู้ป่วย คุณกําลังทําอะไรอยู่ ? คนไข้ยังไม่หายดี
และมีอาหารเหลวแล้ว ไม่จําเป็นต้องดื่มน้ํา อีกอย่าง ทําไมน้ําของคุณถึงเป็นสีดําละ?”
คุณนายซุนมองผู้อํานวยการโจว “ นี่คือน้ํามนต์ ท่านนักพรตบอกให้ดื่มน้ํานี่ ลูกฉันก็จะตื่น ! ”
เมื่อแพทย์และพยาบาลในห้องได้ยินแบบนั้น ก็ตะลึงกันทันที
ในเวลาเดียวกัน ผู้อํานวยการโจวที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดก็ทําเสียงดุขึ้นมาทันที “ เหลวไหล ญาติผู้ปวยคุณต้องเชื่อในฝีมือหมอของเราเชื่อในวิทยาศาสตร์และเชื่อทีมแพทย์ของผม ไสยศาสตร์พันนี้ ทําได้แค่ทําให้คนไข้อาการแย่ลงเท่านั้น เสี่ยวหลี่ เอาเจ้านั่นไปเททิ้งซะ ! “
หลังจากพูดจบ หมอหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจะไปคว้าแก้วน้ํามนต์
เหล่าเฟิงกลับออกมาขวางเอาไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ ไสหัว ไปทางโน้น ! ”
หมอหนุ่มคนนั้นจึงหยุดยืนนิ่งอึ้งในทันที และไม่อาจเถียง หรือใช้กําลังได้ เขาจึงหันไปมองผู้อํานวยการโจวด้วยความลําบากใจ
ผู้อํานวยการโจวกลับพูดต่อ “ ญาติผู้ป่วย พวกคุณจะทําอะไรได้ สาระแบบนี้ไม่ได้นะ มันจะทําให้อาการแย่ไปกว่าเดิมนะ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณไปหานักพรตที่ไหนมา แต่พวกคุณต้องเชื่อผม ผมเป็นถึงหมอที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยไอโอวาของอเมริกาเลยนะ”
“ ถึงจะเป็นญาติ พวกคุณก็ต้องฟังผมผู้อํานวยการโจวคนนี้ พวกคุณทําเรื่องเหลวไหลแบบนี้ จะทําให้คนไข้ทรมานกว่าเดิม หรือแม้แต่เป็นอันตรายถึงชีวิตนะ !”
“ ใช่ ผู้อํานวยการโจวของพวกเราจบจากมหาวิทยาลัยไอโอวา นั่นเป็นมหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ระดับโลกเชียวนะ !”
พวกหมอและพยาบาลในห้อง ต่างพูดพล่ามกันไม่หยุด แต่คนละต่างบอกให้พวกเขาหยุดทําเรื่องเหลวไหล ให้คุณนายซุนวางแก้วน้ํามนต์นั่นลงซะ
คุณนายซุนก็ทําอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรให้ลูกดื่มดีไหม
อาจารย์และคนอื่นๆที่อยู่ตรงริมหน้าต่าง ก็หยุดคุยกันเช่นกัน
ท่านนักพรตตู๋ดึงหน้าลง แล้วด่าขึ้นมาทันที “ หมอตะวันตก เข้าใจกับผีนะซิ บรรพบุรุษทิ้งวิชาไว้ไม่เรียน
ได้เรียนวิชาแพทย์ขี้หมาเข้าหน่อยก็ปีกกล้าขาแข็งโวยวายเป็นวักเป็นเวน ! คุณนายซุน ไม่ต้องสนเขา รีบให้เขาดื่มเร็วเข้า ! ”
ผู้อํานวยการโจวคนนี้ภูมิใจในตัวเองที่สุด แต่พอเจ้าแพทย์มหาวิทยาลัยไอโอวาอะไรนี่ โดนท่านนักพรตตู๋ด่าว่าเป็นของไร้ค่า เขาเลยอารมณ์เสียขึ้นมาทันที
นี่เป็นการดูถูกใบปริญญาของเขา เหยียบย้ําศักดิ์ศรีของเขา และ ดูหมิ่นอํานาจทางการแพทย์ของเขา
บวกกับน้ํามนต์นั้น เป็นสีดําขุ่น ในสายตาคนปกติ คนปวยไม่อา จดื่มของสิ่งนี้เข้าไปได้จริงๆ
ผู้อํานวยการโจวก็ดึงหน้าลง เห็นคุณนายซุนกําลังจะให้คนไข้ดื่ม จริงๆ เขาจึงตะโกนออกมาทันที
“ ยังยืนมื้ออยู่ทําไม ? รีบเข้าไปห้ามพวกเขาซิ แล้วก็เรียก รปภ.มาด้วย ”
หลังจากพูดจบ หมอสองสามคนที่อยู่ข้างๆผู้อํานวยการโจวก็พุ่งเข้าไปทันที
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้บุกเข้ามา ผมและเหล่าเฟิงก็เข้าไปขวางเอาไว้ทันที เข้ามาหนึ่งคนเราก็จะผลักออกไปหนึ่งคน
ช่วงเวลานั้นในห้องวุ่นวายขึ้นมาทันที มีปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ผมและเหล่าเฟิงลงมือเบามาก เพียงแค่ผลักพวกเขาล้มไปเท่านั้น ไม่ได้ทําให้พวกเขาบาดเจ็บเลยสักคน
ในสังคมปัจจุบัน จะให้ทุกคนเชื่อเรื่องวิชาอาคม เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ความคิดของพวกเขาไม่ใช่เรื่องผิด จุดเริ่มต้นก็ดีเช่นกัน แต่พวกเราไม่มีเวลามานั่งอธิบาย มีเพียงผลลัพธ์เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีที่สุด
ย้อนกลับไปมองคุณนายซุน เมื่อเห็นพวกเราห้ามพวกหมอเอาไว้ และมีคุณนายหลงคอยช่วยและกระตุ้น
เธอก็ป้อนน้ํามนต์ให้ซุนเสี่ยวหลินดื่มในที่สุด
ผู้อํานวยการโจวคนนี้เห็นซุนเสี่ยวหลินดื่มน้ํามนต์เข้าไปแล้ว จึงโมโหควันออกหูทันที
“ พวก พวกคุณมันเป็นพวกงมงายไสยศาสตร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ทางโรงพยาบาลของเรา ทางโรงพยาบาลของเราจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น !”
มุมปากผมกลับยกยิ้ม “ ผู้อํานวยการโจวใช่ไหม ! มีโรคบางอย่าง ที่หมออย่างพวกคุณไม่สามารถรักษาได้ น้ํามนต์ของเราจะได้ผลไหม อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง !”
“ น้ํามนต์ของพวกคุณ พูดแบบนี้งั้นพวกคุณก็ไม่ใช่ญาติผู้ป่วยน่ะซิ พวกคุณเป็นนักพรตงมงายพวกนั้นซินะ ? ” ผู้อํานวยการโจวทําสีหน้าสงสัย ที่นี่เขาเป็นใหญ่ แต่กลับโดนกลุ่มนักพรตของเราท้าทาย
และยังทําร้ายลูกน้องของเขา ทําให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก
ผมยกมือขึ้นสองข้าง “ ใช่แล้ว พวกเราเป็นนักพรต ส่วนงมงายหรือไม่ นั่นมันเป็นคําพูดของคุณ !”
ผมพูดแบบสบายๆ แต่ผู้อํานวยการโจวกลับจ้องพวกเราตาไม่กระพริบ “ พวกแกรอก่อนเถอะ ผมเรียกรปภ.แล้ว อีกเดี๋ยวจะเอาตัวพวกแกออกไปสถานีตํารวจให้หมด………….”
ผลลัพธ์เสียงของผู้อํานวยการโจวเพิ่งเงียบลง คุณซุนและ คุณนายซุนที่อยู่ข้างเตียงก็ตะโกนขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ ตื่นแล้วตื่นแล้ว ลูกเราตื่นแล้ว !”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ทุกคนก็หันไปมอง และแล้วทุกคนก็เห็นซุนเสี่ยวหลินที่ไร้ทางเยียวยานอนหลับไหลมาโดยตลอด ได้ตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ
แววตาของผู้อํานวยการโจวมีแสงสว่างวาบ เผยท่าทางตกใจ
“ แม่ พ่อ ! พวก พวกพ่อแม่ร้องไห้ทําไม ? ” หลังจากตื่นขึ้นมา ซุนเสี่ยวหลินก็พูดออกมาอย่างงงๆทันที
เมื่อคุณซุนและคุณนายซุนได้ยินถึงตรงนี้ พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงซุนเสี่ยวหลินจะตื่นขึ้นมา แต่เขาก็เหมือนคนไม่มีสติ พูดจาเพ้อเจ้อ
ไม่เคยตื่นมาพูดจาเป็นปกติแบบนี้มาก่อน
ในเวลานี้เมื่อได้ยินซุนเสี่ยวหลินพูดแบบนี้ แม้น้ําเสียงจะอ่อนแรง แต่มันก็ทําให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ดีใจมาก ส่วนพวกเราคิดว่าซุนเสี่ยวหลินต้องโดนผีตานีเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัย
“ แม่ แม่กําลังดีใจ ในที่สุดลูกก็ตื่นขึ้นมา !”
“ ใช่แล้วเจ้าลูกชาย แกตื่นขึ้นมาก็ดี ! มีนักพรตทุกท่านอยู่ แกจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”
“ แม่พ่อ ! นี่มันที่ไหน ? ทําไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ 2 เหมือนผมจะฝันไปนานมาก นานมากนานมาก……”
ซุนเสี่ยวหลินพูดต่อ
ผู้อํานวยการโจวที่ยืนอยู่ตรงประตู เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ คนไข้ฟื้นแล้ว นี่เป็นผลงานของโรงพยาบาลและทีมแพทย์ของเรา รีบให้ผมดูเร็วเข้า ! ”
หลังจากพูดจบ ผู้อํานวยการโจวก็คิดจะเข้ามา
ผลลัพธ์คุณซุนกลับเข้าไปขวางผู้อํานวยการโจวเอาไว้ทันที “ ไสหัวออกไป ไอ้หมอลวงโลก ฉันจ่ายเงินให้ที่นี่ตั้งเท่าไหร่ พวกแกกลับบอกว่าลูกชายฉันเป็นบ้า และยังบอกว่าลูกของฉันหมดทางช่วยแล้ว
พวกแกเห็นแล้วใช่ไหม ? แค่ดื่มน้ํามนต์ของท่านนักพรต ลูกชายของฉันก็ตื่นแล้ว ”
“ ญาติผู้ป่วย เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน คุณต้องเชื่อเรา..”
“ บังเอิญกับผีนะซิ รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ! ”
หลังจากพูดจบ คุณซุนก็เดินเข้าไปด้วยความโมโห ไล่ผู้อํานวยการโจวและแพทย์พยาบาลคนอื่นๆ ออกไปทันที
เหตุการณ์นี้ทําให้เราลําบากใจไม่น้อย มันไม่ใช่ว่าผู้อํานวยการโจวและทีมแพทย์กลุ่มนี้ไม่มีความสามารถ
พวกเขาสามารถทํางานในโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเก่งขนาดไหน
เพียงแต่ปัญหาคือ ซุนเสี่ยวหลินไม่ได้ป่วย แต่โดนผีดูดพลังไปก็เท่านั้น
นี่ไม่ใช่สิ่งที่หมอหรือวิชาแพทย์ธรรมดาจะรักษาได้ ดังนั้นพวกเราเลยอธิบายให้คุณซุนฟังสั้นๆ
บอกให้เขาไม่ต้องหัวเสียขนาดนั้น จึงบอกสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ไป
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋ และคนอื่นก็มาอยู่ที่เตียงซุนเสี่ยวหลิน แล้วทําความเข้าใจ
“ อาการป่วย ” ของเขา
ในเวลาเดียวกันก็อยากทําความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา จะได้สะดวกต่อการวางแผนต่อไป…..