ตอนที่ 296 รู้ทัน
พวกเรายังไม่ทันหันมา จู่ๆที่หน้าประตูก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น มันจึงทําให้พวกเราใจสั่นทันที
โดยเฉพาะเสียงนี้ มันทําให้ผมตัวชาไปครึ่งหนึ่ง
เพราะเสียงที่เย็นชาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงของผีตานีตนนั้น
ผมหันไปมองด้วยความตกใจ เป็นอย่างที่คิด หน้าประตูมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยยืนอยู่หนึ่งคน
เพียงแค่ดวงตาของผู้หญิงคนนี้ เป็นสีเขียว และยังเปล่งแสงแปลกๆออกมา
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ บนร่างกายของอีกฝ่ายแพร่พลังชั่วร้ายออกมาจางๆ
กลัวอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ ผีตานีวกกลับมาเล่นงานพวกเราอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
พวกเราสองสามคนยังพอว่า เพราะเตรียมใจเอาไว้แล้ว และ หลงอ้าวเทียนก็ยังซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ
ตอนนี้นอกจากตกใจแล้ว ก็ไม่ได้กลัวจนเสียสติ
แต่คุณหลงและคุณนายหลง เป็นแค่คนธรรมดา จู่ๆก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น และยังเห็นดวงตาสีเขียวสว่างอย่างกระทันหัน พวกเขาจึงตกใจจนสติหลุดทันที
คุณนายหลงร้อง “ อร้าย” ออกมาทันที เธอถอยไปข้างหลงเรื่อยๆ หน้าเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้า
ส่วนผีตานีที่ยืนอยู่หน้าประตู กลับหัวเราะ “ ฮิฮิฮี ” อย่างน่าขนลุก ในเวลาเดียวกันเธอก็อ้าปาก แล้วบ่นพึมพําว่า “ พวกแก เอาหัวใจดวงน้อยของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้วฮะ ?”
พอพูดจบ ลิ้นสีเขียวยาวๆลื่นๆ ก็เริ่มยืดออกมาจากปาก แถมมันยังยาวขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนกับลิ้นของสัตว์ประหลาด และในขณะเดียวกันก็ยังมีน้ําสีเขียวหยดลงมาตลอด
แม้จะไม่ได้เปิดไฟ แต่พระจันทร์ในคืนนี้สว่างมาก ผีตานีตนนั้นยังยืนอยู่หน้าประตู
ดังนั้น สองสามีภรรยาสกุลหลงจึงเห็นฉากนี้เต็มสองตา
คุณหลงตกใจจนตัวสั่น วินาทีนั้นเขาพูดไม่ออกทันที
ส่วนคุณนายหลงทนไม่ไหว สุดท้ายหลังจากกลอกตา เธอก็สลบในทันที
แม้คุณหลงจะกลัว แต่เมื่อเห็นภรรยาตัวเองล้มสลบไปแล้ว ก็ยังรีบวิ่งเข้าไปประคองทันที “ คุณ คุณ….”
ผลลัพธ์หลังจากคุณหลงตะโกนออกมาสองครั้ง หลงอ้าวเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะก็เห็นแม่ตัวเองสลบไป
จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รีบพุ่งออกมาทันที
“ แม่ ! แม่…”
จู่ๆก็เห็นหลงอ้าวเทียนพุ่งออกมา ผมนี้ใจฝ่อเลยทีเดียว แอบพูดในใจว่าจบกัน
เมื่อกี้ยังมียันต์บังตาเอาไว้ ถึงผีตานีจะรู้ทันแล้ว แต่ก็ไม่มีทางหาที่ซ่อนของหลงอ่าวเทียนเจอในครึ่งชั่วโมงแน่นอน
แต่ตอนนี้ เจ้าหมอนี่กลับออกมาดื้อๆ นี่มันไม่เหมือนมาถวายตัวถึงที่เหรอ ?
เป็นอย่างที่คิด พอผีตานีตนนั้นเห็นหลงอ้าวเทียน เธอก็หัวเราะ “ ฮีฮีฮี” อย่างน่าขนลุก หลังจากนั้นก็ตามด้วยเสียงยั่วยวน “ พี่อ้าวเทียน ที่แท้พี่ก็ซ่อนอยู่ที่นี่ ให้ฉันหาตั้งนาน ! ”
หลงอ้าวเทียนเข้าไปประคองแม่ตัวเอง พอเห็นผีตานีพูดได้น่ารังเกียจแบบนั้น ก็โต้กลับทันที “ พอแม่แกซิ ! อีนางตานีสมควรตาย รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะฉันจะเอาไฟไปเผาป่ากล้วยเขตทิศตะวันออกให้หมด ! ”
เมื่อผีตานีได้ยินคําพูดนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสี ดึงหน้าลงทันที “ ไอ้คน หลายใจ ! ดูเหมือนฉันจะให้แกอยู่นานไปแล้ว ! คืนนี้ฉันจะดูดพลังหยางของแกให้หมด”
หลังจากพูดจบ ผีตานีก็ไม่สนใจผม เหล่าเฟิง และหยางเฉ่วที่ขวางอยู่ข้างหน้าเลย ลิ้นยืดยาวอันนั้น
พุ่งไปหาหลงอ้าวเทียนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นผีตานีเริ่มโจมตี ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ผมทําหน้าเข้ม แล้วพูดขึ้นทันที “ ลุย !”
พอพูดจบ พวกเราสามคนก็ลงมือพร้อมกัน ดึงดาบไม้ออกมา แล้วเล็งไปที่ผีตานีทันที
ผีตานีตนนี้ก็ร้ายกาจ วิญญาณต้นกล้วยที่บรรลุแล้ว ไม่เพียงสามารถควบคุมจิตใจคนได้ แต่ยังสามารถทําให้พ่นควันลุ่มหลงออกมาได้
หากโดนเข้าไป จะกลายเป็นเหมือนหลงอ้าวเทียนและซุนเสี่ยวหลินในตอนแรกเริ่ม ถูกควบคุมจิตใจ หรือแม้แต่ความจําเสื่อม
ผมเข้าไปปะทะคนแรก กวัดกวาดดาบใส่ผีตานี
ผลลัพธ์ผีตานีตนนั้นก็ยกมือขึ้น ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้น มือของเธอเปลี่ยนเป็นต้นกล้วยในชั่วพริบตา แถมขนาดของมันยังหนากว่าเอวผมซะอีก
ต้นกล้วยใหญ่ขนาดนี้กวาดเข้ามาในแนวนอน ผมตกใจ จึงรีบ เอาดาบในมือไปต้านเอาไว้ทันที
แต่ดาบไม้จะไปต้านต้นกล้วยที่ใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง ?
ทันใดนั้นเสียง “ ปัง ” ก็ดังขึ้น ผมสัมผัสได้แค่พละกําลังที่มหาศาล เหมือนกับโดนรถบรรทุกพุ่งชน
ตัวผมกระเด็นออกไปทันที โชคดีที่สุดท้ายไปหล่นกระแทกเข้ากับโซฟา
“ เหล่าติง ! ”
“ ติงฝาน ! ”
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วประสานเสียง พวกเขาโมโหสุดๆ รีบกวัดแกว่งดาบเข้าไปสังหารทันที
ผีตานีตนนี้ก็กล้าผิดปกติ ภายนอกดูอ้อนแอ้นบอบบาง แต่กลับแกว่งต้นกล้วยสองต้นที่ยาวกว่าสองเมตร
ได้อย่างใจคิด
พวกเราไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย ลําบากมากๆ
“ พลังอย่างพวกแก ยังคิดจะมาทําลายเรื่องดีๆของฉันอีกเหรอฮะ ? รนหาที่ตายจริงๆ ! ” ผีตานีพูดด้วยความโมโห แกว่งต้นกล้วยยักษ์ เข้ามาในบ้านอย่างบ้าคลั่ง
แม้อีกฝ่ายจะร้ายกาจ แต่พวกเราก็ไม่ได้ยอมแพ้ ต่างพยายามต่อต้านและโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ครอบครัวสกุลหลงตกใจจนเสียสติแล้ว ตอนนี้พวกเขาอุ้มคุณนายหลงไปชิดติดมุมกําแพง มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
ผีตานีตนนั้นดุร้ายมาก นอกจากแขนต้นกล้วยยักษ์กวัดแกว่งไปมาแล้ว หากพวกเราเข้าไปประชิดเธอได้
เธอก็จะพ่นควันสีเขียวออกมาทันที
พวกเราจึงจําใจต้องถอยออกมาอีกครั้ง และไม่กล้าลุยเข้าไปมั่วๆ
หลังจากสู้กันมาได้ประมาณสิบนาที่กว่า พวกเราสามคนก็ถูกผีตานีฟาดกระเด็นอีกครั้ง แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บหนัก
ส่วนผีตานีกลับหยิ่งผยองยิ่งกว่าอะไร โห่ร้องต่างๆนานา ทําท่าอย่างกับกําลังเล่นกับพวกเราก็ไม่ปาน
ยังบอกว่ารออีกเดี๋ยวจะจับพวกเรา แล้วจะดูดพลังหยางจากพวกเราที่ละคนๆ ทําให้พวกเรากลายเป็นซากศพ
แต่สิ่งที่ผีตานีคิดไม่ถึงคือ ต่อจากนั้นสิบนาที เธอกลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
เธอเริ่มหายใจหอบเหนื่อย ในเวลาเดียวกันพลังของเธอก็ถูกกดเอาไว้ เริ่มรู้สึกเจ็บปวดร่างกาย
เธอเริ่มขยับต้นกล้วยยักษ์ไม่ไหวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอกําลังทรมานมาก
เมื่อเห็นภาพนี้ ท่าทางตึงเครียดของผม เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้า
“ เป็นอะไรไป ? ไม่มีพลังแล้วเหรอ ? ทรมานมากใช่ไหมละ ? เคลื่อนพลังไม่ได้ซินะ ?” ผมเยาะเย้ย
ผีตานีถอยไปสองก้าว เธอเริ่มทรมานขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่ “ เฮือก ” กระอักเลือดออกมา
มือกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เธอเอามือกุมหน้าอกเอาไว้ จากนั้นก็หันมาจ้องเราอย่างดุร้าย
“ พวกแก พวกแกทําอะไรฉัน ? ”
“ ของที่ทําให้แกตายได้ไง !” ผมพูดอย่างเย็นชา
จากนั้นเองผีตานี ก็กวาดสายตามองหุ่นฟางที่ล้มอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นว่าบนตัวหุ่นเต็มไปด้วยผงชาด
วินาทีนั้น ผีตานีก็หน้าถอดสีทันที เผยให้เห็นใบหน้าที่หวาดกลัว “ ผง ผงชาด ! ”
“ ฮึ! รู้เอาปานนี้ก็สายไปแล้ว !” จู่ๆเหล่าเฟิงก็ตะคอกออกมา ไม่เสียเวลาพูดกับอีกฝ่ายมากนัก ต่อจากนั้นเขาก็ยกดาบขึ้นเข้าไปสังหารทันที
ผีตานีเห็นเหล่าเพิ่งจะเข้ามาฆ่าตน จึงเผยสีหน้าหวาดกลัว แล้วรีบยกมือต้านเอาไว้ทันที
ช่วงเวลาที่ยกมือขึ้น แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับไม่ใช่ต้นกล้วย แต่เป็นใบตองแทน
เธอใช้ใบตองเป็นโล่ ต้านเพิ่งเฉ้วหานเอาไว้
และใบตองที่เปราะบางในวันธรรมดา ตอนนี้มันกลับแข็งแรงผิดปกติ อย่างกับโล่จริงๆอย่างงั้นแหละ
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ ปัก ” มันสามารถกันดาบของเหล่าเฟิงเอาไว้ได้จริงๆ
แต่ผีตานีกลับตกใจจนถอยไปหลายก้าว ท่าทางแทบยืนไม่อยู่หรือแม้แต่กระอักเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าผงชาดทําให้เธอบาดเจ็บหนัก บวกกับการสู้กับพวกเรา ทําให้พิษกําเริบก่อนเวลาที่กําหนด
เมื่อผมและหยางเฉ่วเห็นสถานการณ์แบบนั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ
พวกเราก็เข้าไปซ้ําต่อทันที
แต่ผีตานีตนนี้ก็ไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าถ้ายังสู้ต่อไป ตัวเองจะไม่มีจุดจบที่ดีแน่
วินาทีที่พวกเราเข้าไป ผีตานีตนนี้ก็ตะโกนออกมาว่า “ ฉันจะกลับมาแก้แค้นพวกแกที่หลัง !”
พอพูดจบ เธอก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด หมุนตัววิ่งออกไปจากวิลล่าทันที การเคลื่อนไหวเร็วมากราวกับแสงสีเขียวเส้นหนึ่งเลยก็ว่าได้……