ศพ – ตอนที่ 297 จนปัญญา

ศพ ตอนที่ 297 จนปัญญา

ผีตานีคิดจะหนี เป็นธรรมดาที่พวกเราจะไม่ปล่อยให้เธอทําสําเร็จ ผมสามคนรีบวิ่งตามไปทันที

ผลลัพธ์เพิ่งไล่ตามมาจนถึงสวนหย่อม เราก็ไม่เห็นเงาของยัยนั่นแล้ว

เธอวิ่งเร็วจนเราตามไม่ทัน

“ สมควรตาย ยัยปีศาจนั่นเร็วจริงๆ !” หยางเฉ่วตะโกน

“ เฮ้อ ! แผนเราโดนเปิดโปงแล้ว ตอนนี้ดูเหมือน ต้องใช้แผนสองแล้ว !” เหล่าเฟิงก็ถอนหายใจ

ผมขมวดคิ้วแน่น “ ยัยผีตานีนั่นโดนผงชาดเข้าไปเยอะขนาดนั้น ไม่แน่มันอาจอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้เช้าก็ได้

อาจตายเพราะพิษกําเริบซะก่อน ! ”

เมื่อเหล่าเฟิงได้ยิน กลับสายหัวไปมา “ พูดยาก! ถ้าเป็นตอนแรก เธอไม่รู้ตัวและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ตั้งตัว แบบนั้นมันคงกลายเป็นหายนะของยัยผีตานี ถึงตอนนั้นเราก็แค่ไปเก็บกวาดที่ป่ากล้วยตะวันออกก็ได้แล้ว! แต่ตอนนี้คงทําแบบนั้นไม่ได้แล้ว…”

เหล่าเฟิงทําหน้าหนักใจมาก ผมเองก็เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

ตอนนี้ผีตานี้รู้แล้วว่าตัวเองโดนผงชาดเล่นงาน แม้จะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว แต่ก็ยากที่จะเอาชีวิตเธอได้

 

ทําได้เพียงทําให้เธอบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น หากต้องการสังหารอีกฝ่าย ตอนนี้ยังดูลําบากอยู่บ้าง

บวกกับฝั่งเราโดนเปิดโปงแล้ว อีกฝ่ายจะต้องทําทุกวิถีทาง เพื่อกําจัดหลงอ้าวเทียนที่เข้าไปดึงตัวเธอออกมาแน่นอน

 

เพราะพวกเขาสองคนมีเชือกแดงเชื่อมกันเอาไว้ หากฆ่าหลงอ้าวเทียนแล้ว จะไม่เพียงได้พลังชีวิตและอาหารบํารุงมาครอง ผลลัพธ์ที่ได้ยังดียิ่งกว่าการหาอาหารบํารุงจากการฆ่าคนสิบยี่สิบคนซะอีก

ดังนั้น ต้องทําตามแผนสองแล้วอย่างไม่สงสัย และยังต้องลงมือให้เร็วด้วย

แต่แผนสองต้องไปสู้เป็นตายกับปีศาจร้าย ชีวิตของครอบครัวสกุลหลงก็คือชีวิต แล้วชีวิตของพวกเราไม่ใช่ชีวิตเหรอ ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็หัวร้อนขึ้นมาทันที แผนมาล้มตอนท้าย ท้ายที่สุดพ่อแม่ของหลงอ้าวเทียนก็ทําเสียเรื่อง

ผมและเหล่าเฟิงโมโหทั้งคู่ อารมณ์เดือดพล่านสุดๆ ความรู้แบบนั้นมันหงุดงหงิดสุดๆ

สิ่งดีงามทุกอย่าง ความลําบากยากเข็นที่ทุกคนพยายามร่วมกันมาสามวัน

เดิมที่จะสําเร็จอยู่แล้ว แต่แล้วคนของตัวเองก็ดันมาทําเสียเรื่องไม่กลัวศัตรูที่เก่งดุจเซียน ก็ต้องกลัวสหายที่โง่เหมือนหมู

 

สิ่งที่ทําได้อย่างเดียวในตอนนี้คือ ไปสู้ที่ปากล้วยทางตะวันออก และในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย

 

ยังไงเราก็ต้องไป

ผมหงุดหงิดมาก หรือแม้แต่อยากจะตบสองสามีภรรยาสกุลหลงสองสามครั้งเพื่อระบายความโกรธเลยทีเดียว

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทําไปก็เท่านั้น ตอนนี้ได้แต่หมุนตัวกลับที่ตัวบ้าน แล้วปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อเท่านั้น

เราเพิ่งมาถึงหน้าประตู พ่อของหลงอ้าวเทียนก็รีบเดินเข้ามา

คุณหลงมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาพูดด้วยน้ําเสียงหวาดกลัว “ ท่านนักพรตเสี่ยวติง ท่านนักพรตเสี่ยวเฟิง

ตอนนี้ ตอนนี้เราจะทํายังไงดี? ”

“ จะทํายังไงได้ละ คุณยังกล้าถามเราว่าจะทํายังไงอีกนะ ตอนกลางวันเราบอกกับคุณว่าอะไร ?

ใครใช้ให้พวกคุณบุกเข้ามาในตอนกลางคืนฮะ…” ผมโมโห ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว เพียงรอให้เวลาผ่านไปอีกแค่สองชั่วโมง ก็จะถึงเวลาไก่ขันแล้ว และเรื่องทุกอย่างก็จะจบลง

แต่ผลลัพธ์กลับออกมาตรงข้าม จู่ๆสองสามีภรรยาสกุลหลงก็ออกมาสร้างปัญหา ทําลายพิธีจนหมดสิ้น

คุณหลงก็ทําหน้าไปไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทํายังไงดี

แต่ไม่รอให้เขาได้พูดอีกครั้ง เหล่าเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “ พวกคุณทั้งครอบครัว รอความตายอยู่ที่บ้านเถอะ !”

คุณหลงหน้าเสียทันที ขณะเดียวกันก็ร้อง “ ฮะ ” ออกมาหนึ่งครั้ง

 

เขากลืนน้ําลาย หลังจากนั้นก็พูดกับพวกเราต่อด้วยความหวาดกลัวสุดๆ “ ก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจ

คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ พวกคุณมีวิชาสูงส่ง จะต้อง จะต้องมีวิธีแก้ไขใช่ไหม ? ”

คุณหลงตัวสั่น ตกใจจนเหงื่อออก

* ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วซิ ? ตอนบุกเข้ามาในบ้าน ก็ไม่เห็นจะมีความรู้สึกแบบนี้นะ ?” ผมพูดอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

 

คุณหลงเผยสีหน้าหวาดผวา จากนั้นก็หันไปมองหน้าเหล่าเฟิง “ เป็น เป็นเพราะเมียผมนั่นแหละ ถ้าเธอไม่ดึงดันจะเข้ามาให้ได้ เฮ้อ ! แต่ แต่ท่านนักพรตเฟิง ตอนนี้ ตอนนี้พวกเราควรทํายังไงดี ! ถ้า ถ้าท่านนักพรตยอมช่วย ผมจะ จะจ่ายให้สองเท่าเลย! ”

 

สิ่งเดียวที่คุณหลงมี ก็คือมีเงินเยอะ

 

ผลลัพธ์หยางเฉ่วที่เงียบมาโดยตลอดตะโกนออกมาทันที “ มีเงินแล้วมันทําอะไรได้ฮะ ? เก็บเอาไว้ซื้อโลงให้ตัวเองเถอะ!”

เมื่อคุณหลงได้ยินคําพูดนี้ ในใจก็มีเสียงดัง “ อึก ” ตัวชาไปครึ่งนึง

ส่วนพวกเราก็ท้อพอสมควร จึงเดินไปนั่งที่โซฟา แล้วทําหน้าอ่อนล้า และเหนื่อยใจ

 

ในเวลาเดียวกัน หลงอ้าวเทียนก็เข้ามาหาคุณหลง เมื่อเห็นพวกเราแสดงท่าทางปล่อยวางไม่สนใจ

เขาเองก็ตกใจเช่นกัน

พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ตอนนี้มีทั้งเงินทั้งอํานาจ พวกเขายังไม่อยากตายด้วยเงื้อมมือของผีตานี

 

ทั้งสองคนคุยกันสองสามประโยค หลังจากนั้นก็เห็นหลงอ้าวเทียนมายืนอยู่ตรงหน้า

เขาพูดกับเราด้วยท่าทางจริงใจสุดๆ “ ท่านนักพรตติง ท่านนักพรตเฟิง พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจต้องขอโทษ

ขอโทษด้วยจริงๆ ”

หลังจากพูดจบ เจ้าชายเจ้าสําราญคนนี้ก็ก้มหัวคํานับพวกเรา

 

ไม่พูดไม่ได้ แม้เจ้าลูกผู้ดีคนนี้จะออกไปทําตัวเสเพข้างนอก แต่สําหรับพ่อแม่เขายังถือว่าเป็นลูกที่กตัญญอยู่บ้าง

หลังจากคํานับเสร็จ หลงอ้าวเทียนก็พูดต่อทันที “ พวกคุณได้โปรดช่วยคิดวิธีช่วยพวกเราด้วย! พวกเรา พวกเราจะต้องตอบแทนพวกคุณอย่างแน่นอน! ถ้า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ได้โปรดหาวิธีปกป้องพ่อแม่ผมด้วย

ไม่ให้ยัยปีศาจนั่นทําร้ายพวกเขาก็พอ!”

 

คุณหลงตะลึงทันที คิดไม่ถึงว่าพอมาถึงจุดนี้ ลูกชายเจ้าสําราญของตัวเองจะคิดถึงพวกเขาขนาดนี้

ในฐานะคนเป็นพ่อ เป็นธรรมดาที่คุณหลงจะไม่ปล่อยให้ลูกตัวเองรับภาระ เขาเองก็พูดตามมาติดๆ

“ ท่านนักพรตเสียวติง ท่านนักพรตเสี่ยวเฟิง อย่าไปฟังคําพูดเหลวไหลของลูกผม ถ้าปกป้องพวกเราสามคนไม่ได้จริงๆ งั้นพวกคุณหาวิธีปกป้องลูกชายผมเถอะ! เราสองคนผัวเมียเป็นคนก่อเรื่องเอง เราสองคนก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ขอแค่ลูกชายผมไม่เป็นอะไรก็พอแล้วครับ ! ”

“ พ่อ ! ” หลงอ้าวเทียนก็ตะโกนด้วยความซาบซึ้ง แต่คุณหลงกลับพยักหน้าอย่างหนักแน่น สีหน้าเด็ดเดี่ยวเกินใคร

 

แม้ผมและเหล่าเฟิงจะหงุดหงิด แต่ก็แค่อยากขี่พวกเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะปล่อยให้ตายกันจริงๆ

เมื่อเห็นทั้งสองคนเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาตอนความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมก็ไม่คิดจะกระตุ้นพวกเขาอีกต่อไป

 

ต่อจากนั้นเสียงผมก็ดังขึ้น “ ช่างเถอะ ไม่มีใครตายทั้งนั้นแหละ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ยังไงเราก็ต้องหาทางจัดการอยู่แล้ว!”

เมื่อหลงอ้าวเทียนและคุณหลงได้ยินผมพูดแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป เผยสีหน้าประหลาดใจในทันตา

ทั้งสองคนรีบพูดขอบคุณรัวๆ ในเวลาเดียวกัน ก็เห็นคุณหลงพูดด้วยความตื่นเต้น “ ท่านนักพรตเสียวติง ท่านนักพรตเสี่ยวเฟิง ขอแค่ ขอแค่ช่วยพวกเราได้ พวกเราจะต้องขอบคุณพวกคุณอย่างดี! ใช่ จริงด้วย

พวกคุณรอแป๊บนึงนะ….”

พอพูดจบ คุณหลงก็หมุนตัววิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที เราเองก็ไม่รู้ว่า เขาจะทําอะไรกันแน่

 

เลยไม่ได้สนใจมากนัก จากนั้นผมก็ปรึกษาเรื่องผีตานีกับเหล่าเฟิงและหยางเนิ่วต่อ

แผนแรกลุ่มแล้ว ยังไงก็ต้องทําตามแผนสอง

แต่จากข้อมูลในตอนนี้ ที่ปากล้วยตะวันออก มีผีตานีอยู่ทั้งหมดสามตน

 

ถ้าทําตามแผนสองจริงๆ งั้นก็ต้องรบกวนอีกสองตนอย่างแน่นอน ผลที่ตามมาไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยละ

ตอนนี้ก็ติดต่อพวกอาจารย์ไม่ได้ ดังนั้นเราต้องคิดให้รอบคอบ และยังต้องปรึกษาและวางแผนกันให้ดีๆ

คุยกันได้ไม่นาน คุณหลงก็รีบวิ่งลงมาจากชั้นบน

แต่ตอนที่เขาลงมาข้างล่าง ในมือกลับถือกล่องไม้หนึ่งใบด้านนอกดูวิจิตร แต่ก็ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้

จากนั้นคุณหลงก็นํากล่องมาวางตรงหน้าพวกเรา แล้วพูดด้วยเสียงหอบหายใจ “ ท่านนักพรตเสียวติง

ท่านนักพรตเสี่ยวเฟิง เรื่องในคืนนี้พวกเราผิดเอง นี่เป็นของโบราณที่สกุลหลงเก็บสะสมเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน บอกว่าเป็นดาบขององครักษ์จักรพรรดิในสมัยก่อน ผมผมยกให้พวกคุณ ถือเป็นการขอโทษ………..”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset