เมื่อได้ยินคุณหลงพูดถึงขนาดนี้ พวกเราสามคนก็ตกตะลึงในทันที
ดาบขององครักษ์จักรพรรดิ องครักษ์จักรพรรดิทําอะไรละ?นั่นคือคนคุ้มครองข้างกายฮ่องเต้เลยนะ
คนประเภทนี้ไม่เพียงต้องมีวิชาการต่อสู้สูงส่ง แต่ดาบที่พกติดตัวก็ต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
หากดาบแบบนี้อยู่ในฝึกก็นับว่าเป็นแค่อาวุธชิ้นนึงเท่านั้นแต่เมื่อใดที่ออกจากฝักแล้วมันจะถูกขนานนามว่าอาวุธสังหารทันที
สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ คนแบบนี้กับดาบแบบนี้ อยู่รอบตัวโอรสสวรรค์ทั้งวัน
ในสมัยโบราณโอรสสวรรค์ถูกเรียกว่าฮ่องเต้ ชีวิตของจักรพรรดิได้รับมาจากสวรรค์ ราษฎรจึงต้องกราบไหว้กันตามความเชื่อ
พูดกันตามโชคชะตา คนประเภทนี้จะมีลมหายใจของมังกรติดตัววิญญาณร้ายไม่กล้าย่างกราย
ดาบเล่มนี้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นมาหลายปี จึงเป็นธรรมดาที่มันจะต้องมีกลิ่นอายติดมาบ้าง
ดังนั้น ชาวบ้านจึงมีการบูชาดาบหรือสร้างศาลให้ดาบประเภทนี้
หนึ่งในดาบที่ผู้คนนิยมตามหามากที่สุด ก็คือดาบจักรพรรดิหรีอดาบพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าคุณหลงเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้น ซื้อดาบพิเศษมาเก็บเอาไว้ดูเล่น
เพราะก่อนหน้านี้เขาบ้าบินเกินไป ทําเสียเรื่อง ตอนนี้เพื่อรักษาชีวิตเขาจึงต้องยอมนําดาบพิเศษที่ตัวเองเก็บรักษาเอาไว้มาให้พวก
เรา
หนึ่งเพื่อขอโทษพวกเรา สองหวังว่าดาบพิเศษเล่มนี้จะช่วยเราให้จัดการผีตานตัวนั้นได้ง่ายกว่าเดิม
พวกเราลองดูดาบในกล่องอย่างละเอียดสองสามครั้ง ดาบมีความยาวประมาณหนึ่งเมตร สะท้อนแสงแวววาว ด้านบนสลักคําว่า “ จักรพรรดิ ”เอาไว้สองคํา
ผมจับขึ้นมาวัดน้ําหนักครู่หนึ่ง ค่อนข้างหนักพอสมควรและให้สัมผัสที่เย็นด้วย
คุณหลงเห็นพวกเราจ้องดาบ เลยพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ท่านนักพรตเสี่ยวติงดาบจักรพรรดิเล่มนี้ผมไปประมูลมาในราคาหลายแสนถึงดาบจะดูโทรมไปบ้าง แต่ก็ผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมาแล้ว
รับรองว่าเป็นของจริงแน่นอนครับ ”
“ ราคาไม่ได้ดูมีค่ามาก แต่ดาบเล่มนี้เป็นถึงจักรพรรดิเลยนะครับมีลมหายใจของมังกรติดอยู่ ผมเก็บเอาไว้ก็เป็นได้แค่ของตกแต่งเท่านั้นถ้าพวกคุณเอาไป ต้องมีโอกาสชนะผีตานีมากกว่าเดิมแน่ ! ดังนั้นได้โปรดรับเอาไว้เถอะนะครับ !”
คําพูดของคุณหลง เหมือนเห็นเงินหลักแสนเป็นของไร้ค่าแต่ดาบเล่มนี้ก็มีที่ติจริงๆนั่นแหละมันหักไปมุมหนึ่ง
แน่นอน ว่าเป็นอย่างที่คุณหลงพูด ดาบเล่มนี้มีลมหายใจของมังกรปนเปื้อนอยู่จริงๆ มีประโยชน์กับคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเราสิ่งที่พวกเราให้ความสําคัญก็คือจุดนี้นี่แหละ
แต่ผมและหยางเฉวไม่ได้สนใจดาบเล่มนี้เท่าไหร่ จึงหยิบขึ้นมาดูเล่นครู่นึ่งเท่านั้น แต่เหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆกลับมีแววตาส่องประกายดูท่าทางจะชอบมันมาก
ดังนั้น ผมเลยส่งดาบเล่มนี้ให้เหล่าเฟิง “ นายเอาไปดูซิ !”
เหล่าเฟิงรับเอาไว้ทันที เขาใช้มือลูบตัวดาบ สังเกตดูรอบๆหรือแม้แต่ดึงผมตัวเอง ออกมาลองคมดาบ
ส่วนผมเส้นนั้น เมื่อสัมผัสเข้ากับคมดาบก็ขาดเป็นสองท่องทัน
จากนั้นเหล่าเฟิงก็ลองเอาดาบมาเฉือนนิ้วตัวเองหยดเลือดลงบ
นดาบ
แต่เลือดหยดนั้น กลับไหลตามตัวดาบ แล้วหยดลงพื้นทันที
เมื่อเห็นภาพนี้ พวกเราก็อึ้งไปทันที
ถึงจะไม่นับว่าเป็นดาบที่สมบูรณ์ แต่เหตุการณ์ตรงหน้านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าดาบเล่นนี้เป็นดาบพิเศษ
ผมขาดทันที เลือดไม่เปื้อนดาบ นี่เป็นดาบพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย
เหล่าเพิ่งทําหน้าชอบใจ ตะโกนด้วยความดีใจ “ดาบดีเป็นดาบดีจริงๆ ! คุณคิดจะยกดาบเล่มนี้ให้เราจริงๆเหรอ ?”
คุณหลงเห็นเฟิงเฉิวหานชอบ เขาเองก็ดีใจเช่นกัน “ ดาบดีต้องคู่กับวีระบุรุษขอแค่ท่านนักพรตชอบ
ผมยกให้แน่นอน ผมหวังแค่ว่าท่านนักพรตจะเอาดาบเล่มนี้มาช่วยปกป้องชีวิตของครอบครัวผม
ถ้าท่านนักพรตคิดว่ายังไม่พอ อย่าว่าแต่ดาบเล่มนี้เลยผมยกบ้านแบบนี้ให้คุณหนึ่งหลังก็ยังได้ ! ”
ถนนเส้นนี้ บ้านแบบนี้ ถ้าไม่มีเงินแปดเก้าล้านก็เลิกคิดไปได้เลย
แต่พวกเราก็ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น และไม่ได้โลภขนาดนั้นด้วย
ดังนั้น พวกเราและคุณหลงเลยเข้าใจตรงกัน
ขอแค่พวกเราจัดการผีตานีได้ ปกป้องครอบครัวของเขา
ดาบเล่มนี้พร้อมหลักฐานการประมูล และยังมีหนังสือครอบครองตามกฎหมายเขาก็จะยกให้เหล่าเฟิงทั้งหมด
พวกเราคิดว่า การได้ดาบจักรพรรดิมาครอง ไม่เพียงทําให้มีอาวุธที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น
แต่ยังมีกําลังรบเพิ่มขึ้นอีกด้วย
แต่หากกลับไปมองในมุมของครอบครัวสกุลหลง สําหรับพวกเขาในบ้านหลังนี้ ดาบเล่มนี้ก็เป็นเพียงแค่ของตกแต่งเท่านั้น ราคาก็แค่ไม่กี่แสนหยวนน้อยกว่าภาพวาดที่แขวนอยู่ในบ้านเขา หรือ พวกแจกันราคาแพงด้วยซ้ํา
สามารถใช้ชีวิตแลกกับมันได้ พวกเขาไม่ต้องคิดเลยสักนิดยินดีซะยิ่งกว่าอะไร หรือแม้แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบพวกเราด้วยซ้ํา
แต่สําหรับคนที่รักดาบอย่างเหล่าเฟิง คุณค่าที่มีกลับไม่เหมือนกันอาวุธที่มีประโยชน์ชิ้นหนึ่ง ไม่อาจใช้เงินวัดค่าได้
เพราะในสายงานของพวกเรา ต้องเดินอยู่บนคมดาบไม่รู้ว่าจะตายตอนไหนดังนั้นอาวุธที่มีประโยชน์ชิ้นหนึ่งสามารถเทียบได้กับ
ชีวิต
เหล่าเฟิงจับดาบเล่มนี้ไม่ยอมปล่อย แถมยังลองกวัดแกว่งดาบสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังมาก
ดูท่าทางเข้าท่าเลยทีเดียว ขณะเดียวกันเขาก็ชมว่าดาบดีไม่หยุดจะเห็นได้ว่าตอนนี้เขากําลังตื่นเต้นมากแค่ไหน
ตอนนี้ดีกมากแล้ว หลังเก็บดาบเล่มนี้เสร็จ เราก็บอกให้ครอบครัวหลงกลับไปนอนพักที่ห้อง
พ่อแม่ลูกสกุลหลงสามคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อพวกเขาจึงพยักหน้ารับทันทีจากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบน
พอครอบครัวหลงไปแล้ว ผมก็โทรหาพวกอาจารย์อีกครั้งแต่กลับติดต่อไม่ได้ดูท่าคงต้องโทรใหม่อีกทีในวันพรุ่งนี้แล้ว
พวกเราสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกวิเคราะห์เรื่องผีตานีสั้นๆหลังจากนั้นก็เอนตัวนอนหลับบนโซฟาครึ่งคืน
ตอนผมลืมตาขึ้นมาอีกที เสียงโทรศัพท์ก็ปลุกให้ผมตื่นเต็มตา
เมื่อเห็นอาจารย์โทรมา ผมก็ไม่ลังเลแต่อย่างใดกดรับสายทันที
“ เสี่ยวฝาน เมื่อคืนแกโทรมาหาฉันเหรอ ? เกิดอะไรขึ้น ? ” อาจารย์ถามผมตรงๆ
ผมก็รีบดีดตัวนั่งทันที “ อาจารย์ เกิดเรื่องแล้วยัยผีนั่นรู้ทันเรา
แล้ว………..”
“ อะไรนะ ? รู้ทันแล้ว ? ” อาจารย์พูดด้วยความตกใจ
ผมเองก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าเหตุการณ์ที่คุณหลงและภรรยาบุกเข้ามากลางดึกทําเสียเรื่อง จนถึงตอนที่ผีตานีวนกลับมารู้ความจริงให้อาจารย์ฟังรอบหนึ่ง
อาจารย์ก็ด่าคุณหลงและภรรยาว่าปัญญาอ่อนในโทรศัพท์แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วจึงทําอะไรไม่ได้อีก
ได้แต่ยึดตามสิ่งที่คุยกันเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ทําตามแผนสอง
ต่อจากนั้น ผมก็ถามอาจารย์ว่าสถานการณ์ของฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง
ผลลัพธ์อาจารย์ก็ถอนหายใจ บอกว่าเมื่อคืนพวกเขาก็ทําพลาดเหมือนกัน
แม้จะไม่โดนจับได้ แต่คิดจะใช้ผงชาดเล่นงานอีกฝ่าย ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว
อาจารย์บอกให้ฝั่งพวกเราเตรียมตัวให้ดี บอกว่าเราจะไปออกรบกันคืนนี้จะไปที่ปากล้วยทางตะวันออก
ทําให้พวกผีตานี้ได้เห็นฤทธิ์เราบ้าง
หลังฟังคําแนะนําจากอาจารย์เสร็จ ผมก็พยักหน้ารัวๆ จากนั้นก็นัดกันเรื่องเวลาและสถานที่
พอวางโทรศัพท์แล้ว ผมก็นําคําพูดของอาจารย์ไปบอกกับเหล่าเฟิงและหยางเนิ่ว
เหล่าเฟิงสงบมาก เขาเพียงหยักหน้าเล็กน้อย
แต่หยางเฉ่วกลับกําหมัด ท่าทางตื่นเต้นมาก บอกว่าสู้กับผีร้ายจนเบื่อแล้วได้เวลาออกไปเปลี่ยนรสชาติพอดี
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราพักอยู่ในบ้านคุณหลงชั่วคราว ในเวลาเดียวกันก็อธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าคืนนี้เราจะไปสู้เสี่ยงชีวิตกับพวกผีตานีพวกเขาก็กังวลมากแต่ก็ยังให้กําลังใจพวกเรา
ตอนบ่ายพวกเราหลับกันยาวๆ ทําตัวให้พร้อมรับศึก หลังทานอาหารเย็นเสร็จก็ถึงเวลาออกเดินทางพอดี
เพราะปากล้วยทางตะวันออกหารถไปได้ยาก คุณหลงและหลงอ่าวเทียนเลยขับรถไปส่งพวกเราด้วยตัวเอง
เดินทางไปทางตะวันออก ก็จะถึงปากล้วยแล้ว และพวกอาจารย์ก็รอเราอยู่ที่ชายปา
พอบอกลาครอบครัวหลงแล้ว เราก็ผ่านก่อหญ้าไปทางทิศตะวันออก
เดินมาได้ประมาณสิบนาที ผมก็เห็นอาจารย์ท่านนักพรตต์และเหล่าฉินจากที่ไกลๆ
ตอนนี้พวกเขากําลังยืนคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งพวกเราเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหาพวกเขาทันที
จากนั้นพวกเราก็ทักทายพวกเขาที่ละคนๆ ขณะเดียวกันตาเฒ่าทั้งสามคนพยักหน้าตอบรับเรา
หลังจากนั้นเราก็ได้ยินอาจารย์ผมพูดว่า “ ในเมื่อมาครบแล้วงั้นพวกเราก็เข้าไปกันเถอะ !”
พอพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปยังปากล้วยรกทึบที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก………….