ศพ ตอนที่ 301 สามปีศาจรวมตัว
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เราก็ตกใจทันที แอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว !
ตามแผนเดิมของพวกเรา เราควรจะจัดการที่ละตัวๆ ตัวแรกสุดคือผีตานีตนนี้หลังจากนั้นค่อยไปหาผีตานีของซุนเสี่ยวหลิน
ท้ายที่สุดถึงจะไปหาตนที่สาม หลังจากนั้นก็ร่วมมือกันกําจัดมันถึงกับฆ่าคนตายคาบ้านได้ จะต้องเป็นผีตานีที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ยังจัดการผีตานีตรงหน้าไม่เรียบร้อย ผีอีกสองตนกลับมาหาถึงที่
หน้าของพวกเราเปลี่ยนเป็นหนักใจขึ้นมาทันที อาจารย์ตะโกนเสียงดังลั่น “ ให้ตายเถอะ เปลี่ยนแผนไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายมาหาโดยไม่ต้องเชิญแล้ว !”
“ มาก็มาซิ เรามีหกคน อีกฝ่ายมีแค่สองเราจะต้องกลัวหรือไง ! ” เหล่าฉันโมโห พูดราวกับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
แต่ท่านนักพรตต์กลับพูดเสริมว่า “ ศิษย์พี่ พลังปีศาจของเดรัจฉานสองตัวนี้มีเยอะมาก คงไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ ทางที่ดีเราควรระวังตัวเอาไว้ก่อนดีกว่า ! ”
“ ตู้อ่าว ยังไม่ทันลงมือ แกก็กลัวแล้วอย่างงั้นเหรอ ? ยังไงตอนนี้ก็ต้องสู้กันอยู่แล้ว หรือแกจะให้เราวิ่งหนีอย่างงั้นเหรอ ? ”เหล่าฉันทําหน้าอารมณ์เสีย มองท่านนักพรตต์ด้วยความอึดอัดใจ
ท่านนักพรตติรู้จักนิสัยใจคอของเหล่าฉันดี และเขายังไม่เคยใส่อารมณ์กับเหล่าฉันมาก่อน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเถียงกับเหล่าฉิน เขาหันมาทางพวกเราแทน “พวกเธอสามคนอย่าหยุดเด็ดขาด จัดการผีตานีตัวนี้ให้เรียบร้อยก่อนพวกเราจะไปขวางเจ้าเดรัจฉานสองตัวนั้นให้ ! ”
“ ครับท่านลุงตู !”
“ รับทราบอาจารย์ ! ”
“ ค่ะ ! ”
เราสามคนขานรับ หลังจากนั้นก็ไม่สนใจผีตานีที่กําลังเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อยๆหยิบพลั่วขึ้นมาแล้วขุดต่อทันที
รากของต้นกล้วยอยู่ไม่ลึกมาก เราสามคนร่วมมือกันผ่านไปไม่นานก็ขุดเจอแล้ว
พอผมดันพลั่วลงไป ก็เจอเข้ากับของแข็งบางอย่างหลังจากนั้นก็เห็นเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากพื้น
ในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องของผีตานีในต้นกล้วยก็ดังขึ้น “อร้าย ! เจ็บมาก พี่ทั้งสอง รีบ รีบมาช่วยข้าเร็ว ! อร้าย !”
ขณะที่เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อผีตานีอีกสองตนเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว เผยสีหน้าโมโหจัดออกมาทันที
หนึ่งในนั้นตะโกนตามมาติดๆ “ หยุดเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้นพวกแกได้วิญญาณแตกสลายแน่ ! ”
พอพูดจบ เธอก็วิ่งมาทางพวกเราอย่างรวดเร็ว
พลังปีศาจที่ทรงพลังประทุขึ้นมา ท่าทางดุร้ายสุดๆ
อาจารย์เค้นเสียงดัง ฮี “ พูดจาอวดดี วันนี้ข้าจะทําให้พวกแกไม่มีวันผุดวันเกิด ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ยกดาบเข้าไปปะทะทันที
ท่านนักพรตตูและเหล่าฉันก็รีบตามไปติดๆ เตรียมสู้สุดกําลังกับอีกฝ่าย
เป็นธรรมดาที่พวกเราจะไม่หยุดลงมือ ไม่ว่ารากจะมีเลือดออกเยอะขนาดไหน พวกเราก็พยายามขุดลงไปเรื่อยๆ
ผีตานีตนนั้นก็ร้องโอดครวญไม่หยุด เสียงค่อนข้างดัง สะท้อนดังไปทั่วเขาอย่างต่อเนื่อง
แต่ต่อมา เสียงของผีตานีตนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงหายใจเห็นได้ชัดว่าเธอกําลังจะตายแล้ว..
ฝั่งอาจารย์ ตอนนี้เริ่มสู้กับผีทั้งสองตนแล้ว
พวกเขาต่อสู้ได้ดุเดือดมาก ผีตานีสองตนนี้ร้ายกาจมากมีพลังไม่จํากัด แม้แต่พวกอาจารย์สู้สามต่อสอง
ก็เห็นได้ชัดว่าลําบากมาก หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจได้รับบาดเจ็บทันที
พวกเราไม่เร่งความเร็วไม่ได้ สุดท้ายเห็นเพียงเหล่าเฟิงยกพลั่วขึ้นงัดโคนรากต้นกล้วยขึ้นมาทั้งแผง
เหง้าของต้นกล้วยต้นนี้ไม่เหมือนกับเหง้าต้นอื่น เหง้าของมันเหมือนหัวเผือกหัวมัน ตรงกลางใหญ่มาก ข้างๆมีรากฝอยจํานวนมากแพร่ออกมา
ตัวเหง้าที่เราขุดขึ้นมาได้ มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของตัวโม่
แม้จะถูกขุดขึ้นมาแล้ว แผลที่เห็นได้ด้วยตายังมีของเหลวสีแดงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่เรากลับพบว่า ตรงหน้าของเหง้า มีแสงสีเขียวจางๆกําลังส่องแสงอยู่เหมือนกับการเต้นของหัวใจ
มันอ่อนแรงมาก แต่ก็ยังเต้นอยู่
เมื่อเหล่าเพิ่งเห็นสิ่งนี้ เขาก็รีบพูดขึ้นมาทันที “ นั่นน่าจะเป็นหัวใจของยัยปีศาจนี่ ขอแค่เราทําลายตรงนั้น
ยัยนี่ก็น่าจะตายแล้ว ! ”
เมื่อได้ยินเหล่าเฟิงพูดแบบนั้น ผมก็กําพลั่วแน่น “ ได้ ฉันจะลงมือเอง ! ”
พอพูดจบ ผมก็กําลังจะลงมือ
แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆผีตานีก็พูดด้วยเสียงคร่ําครวญ “ ขอร้องเจ้าละอย่าอย่าฆ่าข้าเลย ! ข้าสามารถแปลงกายเป็นอย่างที่เจ้าต้องการได้ขอแค่ไม่ฆ่าข้าให้ข้าเป็นตัวอะไรก็ได้ ! ขอร้องเจ้าละ…”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ จู่ๆผมก็รู้สึกเวียนหัว ตรงหน้าเหมือนมีเงาของคนสองสามคนผุดขึ้นมา
คนสองสามคนนั้นมีมู่หลงเหยียน เสี่ยวม่านอู่ฮุยฮุยเหมือนผีตานี้จะกลายเป็นคนพวกนี้
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมสับสนในทันที พลั่วในมือหยุดอยู่กลางอากาศ
แต่หยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆกลับเค้นเสียงดัง ฮี “ ความตายมาเยือนแล้วยังกล้าใช้วิชามารอีก ! ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยกพลั่วขึ้น เล็งไปที่หัวใจปีศาจดวงนั้นแล้วแทงลงไปทันที
“ ไม่……”
เสียงแห่งความกลัวดังขึ้น มันปะปนไปด้วยความกลัวและความนหวัง
แต่เสียงนี้ก็ดังขึ้นเพียงชั่วขณะ หลังจากนั้นมันก็หยุดลงทันที
ในเวลาเดียวกัน ความรู้สับสนก็หายไป ผมได้สติกลับมาอีกครั้ง
พอมองไปที่เหง้าบนพื้น ผมก็พบว่ามันโดนหยางเจิ่วเจาะเป็นรูเรียบร้อยแล้ว
หัวใจผีตานีตนนั้น ถูกสับเละ พร้อมกันนั้นยังมีของเหลวสีเขียวๆไหลออกมา
ส่วนของเหลวสีแดงคล้ายเลือดเมื่อกี้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนสีแล้ว เปลี่ยนเป็นสีดําลื่นๆ แถมยังเหม็นมาก
เหมือนโคลนไม่มีผิด
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมา
ดูจากท่าทางของเหล่าเฟิง เมื่อกี้เขาก็คงเป็นเหมือนผม ต่างตกอยู่ในมนต์ของยัยผีตานี เลยมันไปชั่วขณะ
หยางเนิ่วที่มีสติอยู่เพียงคนเดียว ถึงได้ลงมือ จัดการผีตานี้แทน
หยางเฉ่วกลอกตาให้ผมและเหล่าเฟิง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ เจ้าโง่สองตัวแค่ลูกไม้เล็กๆแค่นี้ก็ยังโดนเล่นงานเข้าไปได้ ไม่มีความหนักแน่นเลยสักนิด ! ”
พอถูกหยางเจ๋วดูถูก ผมและเหล่าเฟิงก็ลําบากใจมากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อกี้เราต้องมนต์จริงๆนั่นแหละเสียสติไปชั่วคราว
โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เหลือแรงโจมตีแล้ว ไม่อย่างนั้นอาการตกอยู่ในภวังค์เมื่อกี้ อาจทําให้เราเสียชีวิตได้เลย
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ๆผีตานีสองตนที่อยู่ห่างออกไปกลับตะคอกออกมาดังลั่น
“ อร้าย ! สมควรตาย น้องจํา ”
“ กล้าฆ่าน้องสาวของฉัน ฉันจะทําให้พวกแกเหลือแต่ซากศพ !
เสียงตะคอกนี้ ดังไปทั่วผืนปา
หลังจากปีศาจทั้งสองตนตะคอกเสร็จ ผีตานีตัวหนึ่งก็ทําลายวงล้อมของอาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันสามคมออกมาได้ เธอพุ่งมาทางพวกเราอย่างบ้าคลั่ง
เมื่ออาจารย์และท่านนักพรตตู้เห็นผีตานีหลุดจากวงล้อมไปได้และพุ่งจะไปฆ่าพวกเรา พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้
“ เสี่ยวฝานระวัง ! ”
“ เสี่ยวเฟิงระวัง ! ”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็ถอยออกจากสนามรบ คิดจะมารวมตัวกับพวกเราเพื่อรับมือกับอีกฝ่าย
พวกเขากลัวว่าเราสามคนมีพลังไม่พอ ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของผี
ตานีตนนี้ได้ล้วว่าเราสามค
แต่ผีตานีอีกตนก็ร้ายกาจ ทําให้พวกเขาไม่อาจปลีกตัวออกมาได้
เมื่อได้ยินอาจารย์และท่านนักพรตต์พูด ผม เหล่าเฟิงและหยางเฉวก็หมุนตัวหันกลับไปมองทันที
เราเห็นเพียงผีตานีตนนั้นบ้าคลั่งมาก ถลึงตาโต หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาก
ขณะเดียวกันเธอก็ตะคอกออกมาอีกครั้ง “ฆ่าน้องสาวฉันแล้วฉันจะทําให้พวกแกเหลือแต่ซากศพ
เหลือแต่ซากศพ………….”
ขณะวิ่งเข้ามา นอกจากจะตะคอกไม่หยุดแล้ว ร่างกายของเธอยังเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
ระเบิดพลังปีศาจเป็นระลอก เส้นเอ็นบวมปูด เล็บกับเขี้ยวเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ
ตัวก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนพละกําลังก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
นี่เป็นเพียงเวลาแค่ครู่เดียว เธอก็กลายร่างเป็นเหมือนสัตว์ร้ายตัวเขียวไร้ขนแล้ว..