ศพ – ตอนที่ 308 ค่าตอบแทนสูง

ตอนที่ 308 ค่าตอบแทนสูง

 

จู่ๆก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องเงิน ทุกคนจึงเงียบในทันที

 

สําหรับเรื่องนี้ ทุกคนยังไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่

 

และส่วนใหญ่ นายจ้างจะให้เท่าไหร่พวกเราก็รับไว้เท่านั้น

 

จํานวนเงินมีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ขอแค่ให้ก็พอ เราจะไม่พูดว่าเท่าไหร่

 

แต่เรื่องในวันนี้ไม่ค่อยเหมือนปกติ ครั้งนี้ลูกชายทั้งสองบ้านเป็นคุณชายทั้งหมด ปกติก็ไม่ค่อยเห็นทําอะไรดีอยู่แล้ว

 

อย่างที่สองคือ พวกลูกผู้ดีพวกนี้เป็นคนเรียกผีตานีออกมาเอง

 

และยังทําให้เราเสียแรงไปไม่น้อย เหล่าเฟิงก็เกือบแขนหัก

 

นอกจากดาบจักรพรรดิที่ตกลงกับคุณหลงเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

 

อย่างน้อยที่สุด ค่าตอบแทนส่วนต่างก็จะได้ไม่ต่ํากว่าห้าหมื่น

 

อย่างแรกระดับความยากของเรื่องนี้สูงพอสมควร พวกเรามากันเยอะ ห้าหมื่นถือเป็นขั้นต่ําที่สุดแล้ว

 

สู้ถวายชีวิตขนาดนี้ ยังไงแต่ละคนก็น่าจะได้ส่วนแบ่งคนละห้าพัน

 

แน่นอน พวกอาจารย์เป็นคนคุย ผมจะกล้าออกปากได้ยังไง

 

พวกอาจารย์สามคนหันมามองตากัน หลังจากนั้นถึงได้ยินเหล่าฉินล้างคอ “ อะแฮ่มอะแฮ่ม ! เรื่องเงินคุยกันง่าย ”

 

เมื่อคุณหลงและครอบครัวของคุณซุนได้ยินเหล่าฉันพูดแบบนั้นก็พยักหน้ารับทันที “ ครับครับครับ

 

ท่านนักพรตฉินเชิญพูด หากอยู่ในขอบเขตของเรา เราจะไม่ทําให้ท่านนักพรตทุกท่านมาเสียเที่ยวอย่างแน่นอนครับ ! ”

 

เหล่าฉินเหลือบตามองพวกเรา จากนั้นก็ลากเสียงยาว “ ความสามารถของพวกเราพวกคุณก็คงเห็นแล้ว

 

งานก็จัดการเรียบร้อยแล้ว สําหรับเรื่องเงิน คือขอฉันคิดดูก่อนนะ……

 

พอคุณหลงและคุณซุนได้ยินเหล่าฉันพูดว่า “ คิดดูก่อน ” พวกเขาก็หน้าเสียทันที

 

ในฐานะที่พวกเขาเป็นนักธุรกิจ จึงเข้าใจผิดคิดว่าเหล่าฉันกําลังโลภมากอยากได้เงินเพิ่ม จึงถ่วงเลาไม่ยอมพูดออกมาทันที

 

แต่พวกเราไม่ใช่พวกนักพรตต้มตุ้น เป็นนักพรตสายขาวต่างหากถึงจะต้องการตั้งราคาก็ไม่มีทางโลภเกินควร ยังไงราคาต้องออกมาสมเหตุสมผลอย่างแน่นอน

 

เหล่าฉันเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ อย่าเครียดขนาดนั้น ราคาของเรายุติธรรม สถานการณ์ของพวกคุณค่อนข้างพิเศษ และก็รับมือค่อนข้างยาก นอกจากค่ารักษาพยาบาลของห ลานชายฉันแล้ว

 

พวกคุณสองบ้านก็ให้มาหนึ่งแสนก็แล้วกัน ! บ้านละห้าหมื่น ”

 

ช็อก คิดไม่ถึงว่าเหล่าฉันจะเรียกราคาหนึ่งแสน แบบนี้ทุกคนก็จะได้คนละหมื่นพอดี

 

ก่อนหน้านี้ผมยังกลัวเหล่าฉันจะเรียกราคาสามพันห้าพันอยู่เลยถ้าเป็นอย่างนั้นตอนถึงเทศกาลกวงกันผมจะต้องไม่มีเงินไปซื้อของในรถเข็นให้มู่หลงเหยียนแน่ๆ

 

ราคาเพิ่มจากที่ผมเดาเอาไว้ถึงหนึ่งเท่า สําหรับคนธรรมดาแล้วตัวเลขจํานวนนี้ถือว่าเยอะมากแล้ว

 

ต้องทํางานหลายปีกว่าจะเก็บได้ถึงหนึ่งแสนหยวน

 

แต่พวกเรากลับใช้เวลาแค่สามวัน เพียงสามวันก็ได้เงินหนึ่งแสนมาครองแล้ว

 

เฉลี่ยแล้วทุกคนจะได้คนละหนึ่งหมื่นหยวน ผมค่อนข้างพอใจพอสมควรเลยละ

 

แต่พอกลับไปมองทางคุณหลงและครอบครัวคุณซุน พวกเขาทุกคนนิ่งอึ้งในทันที ตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง

 

พวกเขาไม่ได้คิดว่ามันเยอะเกินไป แต่เป็นน้อยเกินไปจนน่าตกใจ หรือจะเรียกได้ว่าพวกเขาตกใจแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

 

สําหรับพวกเขา การจัดงานเลี้ยงในบางครั้ง ยังต้องใช้ค่าประชาสัมพันธ์ต่างๆมากกว่าแสนหยวนด้วยซ้ํา

 

และมันยังไม่นับว่าเป็นอั่งเปาอะไรด้วยซ้ํา

 

และสําหรับทั้งสองบ้าน แค่ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของหลงอ่าวเทียนและซุนเสี่ยวหลินในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ยังเสียไปกว่าหลายแสน

 

บวกกับตอนเริ่มแรก อาจารย์บอกกับคุณหลงอย่างชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ค่อนข้าง “ แพง ”

 

พวกเขาเลยคิดว่าคําว่า “ แพง ” คํานี้ อย่างต่ําก็น่าจะประมาณหนึ่งล้าน

 

ก่อนหน้านี้คุณหลงยื่นข้อเสนอซื้อวิลล่าแบบเดียวกันนี้ให้กับเราซึ่งมันมีมูลค่าเป็นหลักล้าน

 

เพียงเพราะอยากให้พวกเราช่วยชีวิตลูกชายของเขา

 

แต่สุดท้ายละ พอพวกเราทําภารกิจสําเร็จ พวกเหล่าฉันไม่เพียงไม่ต้องการวิลล่าแบบนี้ แต่ยังบอกราคาสุดถูกกับอีกฝ่าย รับเพียงแค่เงินหนึ่งแสนหยวน

 

การกระทําแบบนี้ทําให้คนรวยอย่างพวกเขาไม่อยากเชื่อเท่าไหร่คุณหลงจึงพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“ แสน แสนเดียว จะเอาแค่แสนเดียวจริงๆเหรอครับ ? ”

 

แต่ท่านนักพรตตู้ที่อยู่ข้างๆกลับโต้กลับทันที “ อย่าเทียบเรากับพวกนักพรตต้มตุ้นที่ต้องการราคาสูงๆพวกนั้น สําหรับพวกคุณเงินหนึ่งแสนอาจฟังดูน้อยไปหน่อย แต่สําหรับพวกเรามันสมเหตุสมผลแล้ว

 

ต่อไปทําดีสะสมบุญเยอะๆเข้าไว้ พอตายแล้วก็เอาเงินพวกนี้ไปไม่ได้อยู่ดี และถ้าพวกคุณมีเวรกรรมติดตัวแล้ว ถึงจะมีเงินหลายพันล้านไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ”

 

คุณหลงและครอบครัวคุณซุนพยักหน้ารัวๆ รู้แล้วว่าครั้งนี้ได้มาเจอกับคนที่สูงส่งตัวจริง และยังเอาไปเทียบกับพวกนักพรตต้มตุ๋นที่เอาแต่แบมือขอเงินพวกนั้นไม่ได้เลยสักนิด

 

คุณนายหลงรีบพูดต่อทันที “ ท่านนักพรตต์พูดถูก ต่อไปพวกเราจะเดินในทางที่ถูกที่ควรค่ะ ”

 

ต่อจากนั้น ครอบครัวซุนและครอบครัวหลงก็สั่นสะท้านเพราะพวกเราชั่วขณะ

 

พวกอาจารย์ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงเตือนพวกเขาสองสามประโยคเท่านั้น

 

ในเวลาเดียวกัน ผมก็เตือนอยู่ข้างๆ ว่าอย่าลืมเอาของที่เกี่ยวข้องกับดาบจักพรรดิให้เหล่าเฟิง

 

คุณหลงไม่พูดกลับกลอก สําหรับครอบครัวเขา การใช้เงินไม่กี่แสนซื้อความปลอดภัยให้คนในครอบครัวได้ถือว่าคุ้มมากแล้ว

 

อย่าว่าแต่ดาบจักรพรรดิเล่มนั้นเลย ถึงให้เขาซื้ออีกสองเล่มเขาก็ไม่มีทางขมวดคิ้วหรอก

 

ดังนั้น เรื่องค่าตอบแทนเลยจบลงเพียงเท่านี้

 

ค่าตอบแทนหนึ่งแสน รวมกับดาบจักรพรรดิที่มีมูลค่ากว่าหลายแสน

 

นี่เป็นธรุกิจที่คุ้มที่สุด เท่าที่ผมเคยติดตามอาจารย์มาเลย

 

หลังจากเคลียร์เรื่องนี้เรียบร้อย ทุกคนก็เริ่มง่วงกันแล้ว ภายใต้การจัดเตรียมของคุณหลง พวกเรานอนพักกันในบ้านหลังนี้

 

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว

 

ตอนกลางวันเรายังได้รับคําเชิญจากคุณซุนและคุณหลง ให้ไปกินมื้อเที่ยงที่โรงแรมในเมือง พวกเขาจัดโต๊ะให้พวกเราเดี่ยวๆ

 

ในช่วงเวลานี้ เงินหนึ่งแสนได้เข้าบัญชีของเราแล้ว

 

ยึดตามจํานวนคน แต่ละคนจะได้เงินประมาณหมื่นหกพันหยวน

 

แต่พอมาถึงจุดนี้ อาจารย์กลับหักเงินผมเล็กน้อย บอกว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้ผม ผมเลยเหลือเงินแค่หนึ่งหมื่น

 

แต่เงินหนึ่งหมื่นก็พอให้ผมใช้แล้ว ผมเลยขี้เกียจไปเถียงกับอาจารย์

 

หลังจากกินข้าวเที่ยงที่โรงแรมแล้ว เราก็เตรียมตัวจะเดินทางกลับ

 

ผลลับตอนกําลังจะออกไป คุณซุนและคุณนายซุนยังพาซุนเสียวหลินที่ผอมแห้งเหลือแต่กระดูก

 

แต่อย่างน้อยอาการของเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว มามอบอั่งเปาให้พวกเราคนละซอง และยังพูดขอบคุณพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า

 

อั่งเปาพวกนี้หนามาก น่าจะมีเงินอยู่ไม่น้อย

 

นอกจากอั่งเปาของพวกอาจารย์จะใหญ่กว่าหน่อย ก็มีเงินใส่เอาไว้หนึ่งหมื่นหยวนแล้ว

 

ในซองอั่งเปาของผม เหล่าเฟิง และหยางเฉ่ว ก็มีเงินใส่เอาไว้แปดพันหยวน

 

ผมใจเต้นแรงทันที งานครั้งนี้ไม่เพียงทําออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังได้อะไรหลายๆอย่างกลับมามากมาย ผมดีใจเป็นพิเศษเลยละ

 

หลังจากบอกลาครอบครัวของคุณหลงและคุณซุนแล้ว ในเวลาเดียวกันเราก็บอกลาหยางเฉ่ว จากนั้นก็นั่งรถกลับตําบลชิงฉือทันที

 

พอกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง ผมก็รู้สึกสบายไปทั้งตัว

 

ผมยังทําเหมือนปกติ เดินไปจุดธูปให้มู่หลงเหยียนและปูหลิวก่อน หลังจากนั้นถึงได้ถืออั่งเปาออกมาพูดกับมู่หลงเหยียนที่หน้าป้ายวิญญาณ “ น้องศพ ดูซินี่คืออะไร ? อั่งเปาก้อนโตจากงานนอกแหละ ของในรถเข็นของเธอรอการเซ่นไหว้ได้เลย ! ”

 

ผมพูดอย่างภาคภูมิใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมหาเงินมาได้ 18,000 หยวน

 

และนี่ก็ไม่ได้มาจากการขโมยมา แต่เป็นการใช้ชีวิตและกําลังของเราแลกมา

 

ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบ สายลมอันเยือกเย็นก็พัดเข้ามา

 

ต่อจากนั้นเสียงของมู่หลงเหยียนก็ดังขึ้นที่ข้างหูผม “ เจ้ากาก ดูนายจะขี้อวดใช้ได้นะ ฉันไปเห็นอะไรบางอย่างมาอีกแล้ว ฉันใส่ลงไปในรถเข็นให้นายแล้วนะ อย่าลืมเซ่นไหว้มาให้ฉันละ !”

 

ในใจผมมีเสียงดัง “ กึก ” รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที

 

ผลลัพธ์ผมกลับพบว่าหน้าจอถูกปลดล็อคแล้ว และเปิดเถาเปาเอาไว้เรียบร้อย

 

เมื่อแตะดูที่รถเข็น ผมถึงได้รู้ว่ายัยนี่เอาอีกแล้ว ยอดรวมจากเดิมพันต้นๆ ตอนนี้มันได้ไต่ไปถึงแปดพันหกร้อยกว่าแล้ว

 

เทศกาลเฮงซวย ยัยตัวแสบสมควรตาย

 

แต่ตอนผมเลื่อนดู กลับพบว่าของที่มู่หลงเหยียนเพิ่มมาสองสามอย่าง มีบางอย่างที่เป็นของแปลกๆด้วย

 

มันไม่ใช่ของแต่งตัวของเด็กผู้หญิง แต่เป็นโลงเหล็กหนึ่งโลง.

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset