ศพ ตอนที่ 311 ภาพผนึกโลง
ตอนที่ 311 ภาพผนึกโลง
ผมทำหน้าหมดคำพูด บอกซิว่าเธอเป็นแค่ผีผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าว่างมากก็ไปฝึกฝนวิชาอะไรโน้นซิ จะมาวาดภาพทำไม
ถึงเธอจะวาดภาพก็วาดไปซิ จำเป็นต้องวาดภาพร่างมนุษย์อย่างเดียวหรือไง
แถมยังต้องเป็นภาพที่ไม่ใส่เสื้อผ้าประเภทนั้นอีก ผมรู้ได้แค่เพียงตอนนี้บนหัวของผมกำลังเต็มไปด้วยเส้นสีดำ
“ แบบร่างร่างกายมนุษย์ ไม่ได้ วันนี้หนาวมาก เธอไปหาคนอื่นเถอะ !” ผมกอดเสื้อแน่น ไม่ยอมเป็นแบบให้มู่หลงเหยียน
ผลลัพธ์ม่หลงเหยียนกลับระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เธอจับคู่กันกระแทกโต๊ะ “ เจ้ากาก บอกให้ถอดก็ถอดซิ จะพูดอะไรเยอะแยะ ถ้านายยังไม่ถอด ฉันจะสั่งให้คนช่วยถอดให้เอง !”
เสียงเพิ่งเงียบลง พวกสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็เข้ามาล้อมผมทันที
หน้าแต่ละคนไร้อารมณ์ทั้งนั้น ท่าทางเหมือนกำลังรอคำสั่งจากมู่หลงเหยียนอยู่ จากนั้นพวกเธอก็จะดึงเสื้อผ้าของผมออกทันที
ขณะมองกลุ่มคนกระดาษที่อยู่รอบตัว ผมก็อยากฉีกพวกเธอเป็นชิ้นๆจริงๆ
แต่อีกฝ่ายมีคนเยอะกว่า แถมยังมีมู่หลงเหยียนคอยหนุนหลังผมก็เลยได้แต่ยอมแพ้ ไม่กล้าลงมืออีกต่อไป
“ ไม่ถอดไม่ได้เหรอ ? ”
“ กางเกงไม่ถอดก็ได้ แต่เสื้อไม่ได้ !” มู่หลงเหยียนพูดอยู่อย่างสบายๆ
แต่ในใจของผมกลับกำลังหนาวสั่น ผมขนเสื้อผ้า แถมยังแบกโลงมาให้เธอตั้งไกล
ผลลัพธ์พอมาถึงที่ มู่หลงเหยียนกลับใช้ให้ผมมาเป็นนายแบบ ในการวาดภาพร่างของเธอ
อากาศหนาวน่ากลัวขนาดนี้ ยัยนี่คิดจะทรมานผมอีกแล้วใช่ไหมเนีย
ผมรู้สึกว่ามู่หลงเหยียนเป็นโรคจิตจริงๆหรือเปล่า ? ชอบทรมานผมเพื่อความสนุกสนานอยู่เรื่อย
แต่ด้วยความอ่อนของผมในตอนนี้ นอกจากจะมีมู่หลงเหยียนที่โหดตัวแม่แล้ว
ตรงนี้ยังมีสาวใช้คนกระดาษของเธอ ที่กำลังจ้องจะเขมือบผมอยู่แถมจำนวนคนก็มีไม่น้อยอีกด้วย
ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมา ผมจะต้องขาดทุน ได้ไม่คุ้มเสียแน่ๆ
มู่หลงเหยียนเห็นผมลังเล จึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ผู้ชายอกสามศอกอย่างนาย ทำไมถึงได้เลิ่กลั่กแบบนี้ฮะ ?
ก็แค่วาดภาพให้นาย ถอดเสื้อแค่นั้น มันยากขนาดนั้นเลยเหรอฮะ ? ถ้านายยังไม่ถอดอีก ฉันจะสั่งให้พวกเธอลงมือกับนายจริงๆ แล้วนะ ! ”
“ จะวาดจริงๆเหรอ ? ”
“ ต้องวาดอยู่แล้ว อย่าพูดมาก !” มู่หลงเหยียนหยิบพู่กันขึ้นมา อีกครั้งส่งสัญญาณให้ผมถอดเร็วๆหน่อย
ส่วนยายโม่ที่หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ กลับพูดขึ้นมาในเวลานี้ “ คุณผู้ชายทำตามที่คุณหนูบอกเถอะเจ้าค่ะ ! คุณหนูแค่อยากมีภาพของคุณผู้ชายเก็บเอาไว้เท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจผมก็มีเสียงดัง “ ศึก ” ท่าทางก็เปลี่ยนไปทันที
อ่อ ! มู่หลงเหยียนทำเพราะเรื่องนี้นี่เอง อยากเก็บภาพผมเอาไว้หรือว่าอยากเก็บภาพผมเอาไว้ เพราะเห็นภาพก็เหมือนเห็นคน
เมื่อกี้ผมยังลังเลคิดไม่ตก แต่ตอนนี้ผมกลับยืดอกตัวตรง มีความสุขขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันผมก็พูดกับมู่หลงเหยียนว่า “ อ่อ แล้วทำไมไม่รีบพูดละ ?”
พอผมพูดจบ ผมก็ไม่ลังเลถอดเสื้อออกทันที เผยให้เห็นร่างกายท่อนบน
แม้อากาศจะค่อนข้างหนาว แต่ใจของผมกลับเต้นเร็วมาก
มู่หลงเหยียนค่อนข้างโหดก็จริง แต่ผมก็ชอบเธอ
ผมไม่สนใจความหนาว พูดกับมู่หลงเหยียนว่า “ ฉันพร้อมแล้วเธอจะเอาท่าไหน ”
มู่หลงเหยียนเห็นผมเป็นแบบนี้ ก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้หน้าของเธอดูสวยมาก
“ นายแค่นั่งตัวตรงก็พอแล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็ให้ผมไปนั่งบนหินที่อยู่ห่างออกไปจากนั้นเธอก็หยิบพู่กันขึ้นมา
แล้วเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การวาดภาพ
แม่เจ้า! อากาศหนาวจริงๆ
ผ่านไปไม่นานผมก็หนาวจนตัวสั่น ขนทุกเส้นตั้งหมดแล้ว และเริ่มจะจามแล้ว
แต่ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ตัวผมสั่นไม่หยุด จึงเริ่มพูดว่า “ น้องศพเสร็จ เสร็จหรือยัง ! ถ้า ถ้ายังไม่เสร็จอีกฉันจะเป็นหวัด แล้วนะ ! ”
พอพูดจบ ผมก็จามออกมาสองสามครั้ง
แต่มู่หลงเหยียนกลับยกยิ้มที่มุมปาก “ ไม่เป็นไร นายเป็นหวัด แล้วนิงั้นก็ทนต่อไปอีกหน่อยนะ !”
ผมทำหน้าหมดคำพูดอีกครั้ง ยัยนี่รู้ว่าผมเป็นหวัดแล้ว ก็ยังไม่รีบวาดอีก
ผมทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอเป็นเมียผมละ
ทันใดนั้นเองผมก็รีบใส่เสื้อผ้าทันที ผมรู้สึกอุ่นขึ้นมาไม่น้อย แต่น้ำมูกก็เริ่มไหลแล้ว เห็นได้ชัดว่าผมเป็นหวัดแล้ว
แต่ในเวลานี้เอง สาวใช้ข้างๆ กลับยกน้ำสีดำร้อนๆ เข้ามา
ยายโม่ก็มารับช่วงต่อ จากนั้นเธอก็พูดกับผมว่า “ คุณผู้ชาย รีบดื่มยาถ้วยนี้ซิเจ้าคะ ! พอตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ ”
“ คุณผู้ชายก็จะไม่เป็นอะไรสักอย่างแล้วเจ้าค่ะ ! ”
ยายโม่ยังน่ารักเหมือนเดิม ! ผมหนาวจะแย่แล้ว จึงรีบรับถ้วยยาดื่มลงไปทันที
ส่วนมู่หลงเหยียนกำลังดูภาพที่วาดเสร็จแล้วครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้หันมาพูดกับผม “ เจ้ากาก รีบมาดูซิ
ดูว่าฉันวาดเป็นยังไงบ้าง ?
ดึกดื่นปานนี้ ผมต้องนั่งรื้ออยู่ตั้งนาน จึงเป็นธรรมดาที่จะอยากเห็นว่ามู่หลงเหยียนวาดผมออกมาเป็นยังไงบ้าง
ผมรีบเข้าไปดูที่โต๊ะทันที
ใช้ได้นิ ยัยตัวแสบ ด้านบนกระดาษขาว มีรูปผู้ชายท่าทางไม่ธรรมดา และดวงตาที่แน่วแน่
นี่ไม่ใช่ใครอื่น นี่ก็คือภาพวาดของผม
ต้องยอมรับจริงๆว่า ฝีมือวาดภาพของมู่หลงเหยียนไม่เลวเลย จริงๆวาดออกมาได้คล้ายมาก
“ เป็นยังไงบ้าง ? ฝีมือวาดภาพของฉันใช้ได้ใช่ไหมละ !” มู่หลงเหยียนพูดออกมาอีกครั้ง ด้วยความมั่นหน้า
“ ไม่เลวเลยจริงๆ ต่อไปเธอก็แขวนภาพวาดของฉันเอาไว้ในห้องของเธอนะ เวลาคิดถึงฉันขึ้นมาจะได้เดินไปดูได้ !” ผมพูดอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกันผมก็คิดว่ามู่หลงเหยียนแอบรักผมมานานแล้วหรือเปล่า เพราะเธอเป็นผีหัวดื้อไม่ยอมใคร
เลยไม่รู้จะพูดกับผมยังไง จึงใช้วิธีนี้มาบอกใบ้ให้ผมรู้
ผมจินตนาการในใจ เอ๊ะ ! เหมือนมันจะเป็นไปได้นะ
ผลลัพธ์วินาทีต่อมา มู่หลงเหยียนกลับกลอกตา เหมือนเธอจะอ่านใจผมออก “ เจ้ากาก คิดอะไรอยู่นะ !
เร็วหน่อย รีบหยดเลือดลงไปในภาพ”
“ คือหยดเลือด ? ”
“ คือ หยดเลือด ! พูดอะไรเยอะแยะ รีบๆทำเข้าซิ ! ” มู่หลงเหยียนกระตุ้นต่อทันที
ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตามที่มู่หลงเหยียนบอก ใช้เข็มข้างๆ แทงนิ้วตัวเอง จากนั้นก็หยดเลือดลงบนภาพวาด
จะว่าไปแล้วมันก็แปลก หยดเลือดหยดนั้นเพิ่งสัมผัสกับภาพวาดกลับไม่มีแม้แต่คราบเลือด
มันกลับหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเข้าไปอยู่ในภาพวาดเลือด ถูกภาพวาดข้างในดูดซับไปดื้อๆแบบนั้น
ตัวผมที่อยู่ในภาพวาด เหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น มันเหมือนของจริงสุดๆ ผมเลยรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที
ในขณะที่ผมกำลังอึ้งอยู่ มู่หลงเหยียนก็หยิบภาพวาดของผม ขึ้นมาอย่างดีใจ
หลังจากนั้นก็เดินไปที่หน้าโลงเหล็กที่ผมแบกมาให้ก่อนหน้านี้
ผมยังงงอยู่ ไม่รู้ว่ามู่หลงเหยียนกำลังจะทำอะไร
ผลลัพธ์วินาทีต่อมา เธอก็นำภาพวาดของผม ไปกางเอาไว้ที่ฝาโลง
“ น้องศพ เธอเอาภาพวาดของฉันไปกางเอาไว้ที่ฝาโลงทำไม” ผมสงสัย
“ ผนึกโลงไง ! ” มู่หลงเหยียนทำหน้าจริงจัง
เมื่อคำพูดนี้ออกมา “ พรึบ ” สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที หัวร้อนแทบจะโมโหตายซะเดี๋ยวนั้น
วาดมาตั้งนานสองนาน เธอไม่ได้เอาภาพวาดของฉันมาไว้ดูเวลาคิดถึง
แต่เอามาเป็นของขับไล่สิ่งชั่วร้าย ใช้ผนึกโลง
ผมทำหน้าหมดคำพูด รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกเข้าแล้ว
แต่มู่หลงเหยียนกลับไม่สนใจท่าที่ผมเลยสักนิด กลับกันเธอยังพูดกับผมว่า “ โอเคแล้ว เรื่องแรกเสร็จแล้ว ตอนนี้นายเอาเสื้อผ้าข องฉันมาให้ดูได้แล้ว ! ”
“ ภาพ ภาพเหมือนของฉัน…” ผมอยากเอาภาพของตัวเองกลับมา ถ้าคนนอกรู้เข้า ว่าเมียผมเอาภาพเหมือนของผมไปผนึกโลงผมจะไม่อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเลยเหรอ
ผลลัพธ์ผมยังพูดไม่จบ มู่หลงเหยียนก็พูดแทรกผมทันที “ ภาพเหมือนกับโลงเหล็กก็อย่างนี้แหละ นายเลิกยืดอาดได้แล้ว รีบไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ฉันดู… ”