ศพ – ตอนที่ 320 พลังของกระดิ่งทองแดง

ศพ ตอนที่ 320 พลังของกระดิ่งทองแดง

ผมเอากระดิ่งทองแดงไปพุ่งชนกับผีผู้หญิง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้ตั้งใจ หรือจะเรียกได้ว่าผมทำเพื่อเอาชีวิตรอดล้วนๆ

แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้ากระดิ่งทองแดงอันนี้มันจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้

หลังจากกระดิ่งทองแดงพุ่งออกไป ยัยผีตัวนี้แค่เอาเล็บมือมาแตะโดนตัวกระดิ่งเท่านั้น เธอก็โดนฤทธิ์ของกระดิ่งทองแดงขัดกระเด็นออกไปแล้ว

ในเวลานี้เธอกำลังนอนอยู่ห่างออกไปหลายเมตร ท่าทางเหมือนยังทรมานอยู่ร่างกายยังกระตุกไม่หยุด

แม้แต่เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วที่กำลังเข้ามาใกล้ ก็เหวอทันที

หยางเฉ่วมองผีผู้หญิงที่กำลังนอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็หันมามองท่าต่อยของผมที่ยังค้างอยู่กลางอากาศ

ด้วยหน้าตาตะลึงงัน “ ติง ติงฝาน ที่ ที่แท้นายก็ร้ายกาจถึงขนาดนี้ ”

เสียงของหยางเฒ่วเพิ่งเงียบลง ยัยผีตัวนั้น “ พรึบ” เด้งตัวขึ้นมาจากพื้น

เมื่อหยางเฉ่วเห็นฉากนี้ เธอก็รีบวิ่งมาอยู่ข้างๆผมทันที

เหล่าเฟิงก็มีปฏิกิริยาเหมือนกัน เขารีบวิ่งมารวมตัวกับผมอย่างรวดเร็ว

ตอนผีผู้หญิงมองไปในทิศทางตรงกันข้าม เธอดูเหมือนจะยังทรมานอยู่

เธอตัวสั่นครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มองผมด้วยความโกรธแค้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแทบจะตะคอกใส่ผมเลยก็ว่าได้ “ ชายชั่ว วันนี้ฉันต้องฆ่าแกให้ได้ !”

พอพูดจบ เธอก็พุ่งเข้ามาหาพวกเราอีกครั้ง

แต่ถ้าพูดให้มันชัดเจน คือพุ่งเข้ามาหาผมคนเดียวต่างหาก

ไม่รู้ยัยผีนี่ไปโดนอะไรมา ถึงจะสติไม่ดี แต่ทำไมถึงเอาแต่เรียกผมว่า “ ชายชั่ว” อยู่ได้ละเธอเห็นผมเป็นชายชั่วคนนั้นแล้วหรือไง

ตอนนี้ทำท่าอย่างกับถ้าไม่กัดผมให้ตาย จะไม่มีวันเลิกลาแบบนั้น

แต่เราก็เข้าใจดี ยัยผีตัวนี้คงโดนขังอยู่ในโลงจนจำไม่ได้แล้วว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว

เธอในตอนนี้ เหลือแต่ความทรงจำที่ลืมยากที่สุดเท่านั้น

และมันก็น่าจะเป็นผู้ชายที่รังแก และทำร้ายเธอมั้ง !

แต่ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย ไม่ว่าตอนมีชีวิตเธอจะได้เจอกับเรื่องน่าเศร้าขนาดไหน แต่หากเธอทำชั่วบนโลกมนุษย์ กลายเป็นผีชั่วแล้ว ถ้างั้นเราก็มีภารกิจที่ต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย

ขณะมองผีผู้หญิงกำลังพุ่งเข้ามา ผมก็รีบซูกระดิ่งทองแดงขึ้น

ดูจากเหตุการณ์เมื่อกี้ กระดิ่งทองแดงอันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันต้องเป็นสมบัติชั้นดีที่เอาไว้ใช้ต่อกรกับสิ่งชั่วร้ายแน่ๆ

ก่อนที่ผีผู้หญิงจะเข้ามาใกล้ ผมก็แกะเทปในกระดิ่งออก

แต่ไม่รอให้ผมได้สั่นกระดิ่ง ผีผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มลงมือกับพวกเราแล้ว

แต่โชคดีที่หยางเนิ่วและเหล่าเพิ่งเข้ามาทัน ทั้งสองคนตวัดดาบ ต้านผีผู้หญิงเอาไว้

“ปังปัง ” กรงเล็บทั้งสองข้างของผีผู้หญิงโดนดาบของหยางเนิ่วและเหล่าเฟิงโจมตี

ทั้งสองคนเป็นคนฝีมือดีในสายงาน แต่พวกเขาก็ยังสู้กับเล็บของผีผู้หญิงไม่ไหว

ทั้งคู่ต่างต้องถอยหนี้ จะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาขนาดไหน

แต่การออกไปต้านเอาไว้ของเหล่าเฟิงและหยางเนิ่ว กลับซื้อเวลาให้ผมไม่น้อย

ตอนนี้ผมไม่ลังเลแต่อย่างใด เมื่อเห็นผีผู้หญิงจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ผมก็ยกกระดิ่งในมือขึ้นแล้ว สั่นใส่ผีผู้หญิงทันที

ช่วงเวลานั้น กระดิ่งทองแดงส่งเสียงดัง “ กริ้งกริ้งกริ้ง” เสียงของมันใส และดังไปทั่วทุกสารทิศ

และเสียงนี้เพิ่งดังขึ้น ผีผู้หญิงก็ตัวสั่นสะท้าน หัวเธอเหมือนจะระเบิดออกมาทันที

เธอตัวสั้น ปิดหูตามสัญชาตญาณ แสดงท่าทางทรมาน ใบปากก็ส่งเสียงร้อง “ อร้าย อร้าย ” ออกมา

พอพวกเราสามคนเห็นภาพนี้ ก็ดีใจในทันที

เหล่าเพิ่งรีบพูดขึ้นมาว่า “ กระดิ่งใช้ได้ผลจริงๆ เหล่าติงทำต่อไป ! หยางเฉวกับฉันจะไปจัดการยัยนั่น”

หลังจากพูดจบ เหล่าเฟิงก็ยกดาบจักรพรรดิขึ้น แล้วพุ่งออกไปคิดจะสังหารผีผู้หญิงในทันที

หยางเฉ่วก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปเช่นกัน

ส่วนผมก็ยังสั่นกระดิ่งทองแดงไม่หยุด “ กริ้งกริ้งกริ้ง” เสียงกระดิ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คลื่นเสียงแห่งความปั่นป่วน ทำให้ผีผู้หญิงตะลึงอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ชัดว่าผีผู้หญิงกำลังทรมานมาก เธอบิดหูยืนไม่ไหว และถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความทรมาน “ อร้าย ! หยุด หยุดสั่นได้แล้ว อร้าย ! ชายชั่ว ไอ้ชายชั่ว อร้าย..”

หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงก็ยังเดินมาทางผมสองสามก้าว เธอคิดจะเข้ามาหยุดผม

แต่ในขณะเดียวกันดาบยาวของเหล่าเฟิง ก็กำลังเข้ามา

หยางเฒ่วอ้อมไปข้างหลัง เธอเองก็เข้าไปโจมตีในเวลาเดียวกัน

แม้ผีผู้หญิงจะทรมาน แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงอันตราย

เมื่อเห็นดาบของเหล่าเฟิงพุ่งเข้ามา เธอก็กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่พลิกมือ กลับมาทำร้ายเหล่าเพิ่งด้วย

แม้เธอจะหลบการโจมตีของเหล่าเฟิงได้ แต่หยางเนิ่วที่อยู่ข้างหลังกลับเข้ามาโจมตีอย่างไรสุ้มเสียง

บวกกับในเวลานี้ผีผู้หญิงกำลังทรมานสุดๆ พอรอให้เธอรับรู้ได้ถึงอันตราย มันก็สายไปแล้ว

ดาบไม้ในมือหยางเจ่วส่งเสียงดัง “ ฉีก ” มันแทงเข้าไปตรงด้านหลังเอวซ้ายของผีผู้หญิง

“ อร้าย ! ” ผีผู้หญิงร้องลั่น ท่าทางเจ็บปวดผิดปกติ

พอหยางเฉ้วเห็นว่าไม่ได้แทงโดนจุดสำคัญ เธอก็คิดจะแทงใหม่ ผลลัพธ์ผีผู้หญิงพลิกมือ เกือบกวาดไปโดนคอของเธอ

สุดท้ายเธอก็โดนผีผู้หญิงถีบลอยออกไป ตัวเธอกลิ้งตลบกับพื้นสองสามรอบถึงจะหยุดลงได้

ผีผู้หญิงยังคิดจะเข้าไปโจมตีซ้ำ ฆ่าหยางเฒ่วซะเดี๋ยวนั้น

แต่ผมสั่นกระดิ่ง และรีบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เพื่อไล่ผีผู้หญิงตนนั้นออกไป

ภายใต้เสียงกระดิ่ง เห็นได้ชัดว่าผีหญิงเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรดี สุดท้ายเธอก็กุมหัวแล้วถอยไปข้างหลัง

“ หยางเฉ่ว เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ? ” เมื่อมาถึงตรงหน้าหยางเนิ่ว ผมก็รีบถามในทันที

หยางเฒ่วจับที่หน้าอก “ ไม่ ไม่เป็นไร ยัยผีตัวนี้ร้ายกาจมาก ถ้าไม่เป็นเพราะมีกระดิ่งของนายอยู่ ฉันคงจบเห่ไปแล้ว !”

“ คือ ! งั้นเธอพักก่อนนะ ฉันจะสั่นกระดิ่งอีกห้าหกนาที รอให้ยัยผีตัวนี้สติแตกแล้ว เราค่อยลงมืออีกที !” ผมสั่นกระดิ่งไปพูดไป

หยางเฉวพยักหน้าเห็นด้วย

เหล่าเฟิงก็รีบเข้ามาทางนี้ เขาค่อนข้างเห็นยัยผีตรงหน้าเป็นตัวอันตราย

ส่วนยัยผีตนนั้นก็กุมหัวแล้วคำราม “ โฮกโฮกโฮก ” ออกมาไม่หยุด บางครั้งก็พุ่งมาทางผมท่าทางอยากจะหยุดผมให้ได้

แต่ทุกครั้งที่เธอเข้ามาใกล้ผมสามเมตร เธอก็จะทรมานมาก กุมหัวแล้วล้มกลิ้งลงไปกับพื้นทันที

ตอนแรกพวกเรายังค่อนข้างกังวล กลัวผีผู้หญิงจะพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจากนั้นสองสามครั้ง

พวกเราก็มั่นใจทันที

ขอแค่ผมสั่นกระดิ่งทองแดง ยัยผีตัวนี้ก็ไม่มีทางเข้าใกล้พวกเราได้ภายในระยะสามเมตร พออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เธอก็จะทรมานสุดๆ ปวดหัวจนเหมือนสมองจะระเบิด

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ขอแค่มีกระดิ่งทองแดงอยู่ในมือ พวกเราก็จะไม่มีทางแพ้แล้ว

หลังสังเกตเห็นจุดนี้ เราสามคนก็ดีใจในทันที

จากที่โดนกดดันโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เรากลับมาควบคุมผีผู้หญิงได้อีกครั้ง

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราพบเจอแต่อันตราย มีหลายครั้งที่ชีวิตเกือบตกอยู่ในมือของผีผู้หญิงตนนี้ แต่ก็โชคดีที่พวกเราผ่านพ้นมาได้

แต่ก็คิดไม่ถึงว่า กระดิ่งทองแดงที่มู่หลงเหยียนให้ผมมาอันนี้จะมีพลังร้ายกาจถึงขนาดนี้ มันถึงกับสามารถสยบผีร้ายชุดเหลืองได้อยู่หมัด

ต่อไปพอมีกระดิ่งอันนี้ติดตัว ตั้งแต่ผีชุดเหลืองลงไป ใครมันจะกล้าหาเรื่องผมอีก

ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เพียงรอให้ผีผู้หญิงทนไม่ไหว เราก็จะเข้าไปจัดการทันที

เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเรากลับมาทำหน้ามีความสุขอีกครั้ง

แต่แล้วหยางเฉวก็บ่นใส่ผม “ ติงฝาน นายมีอาวุธที่ดีถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เอามาใช้ทั้งแต่แรกฮะเมื่อกี้ฉันเกือบเสียโฉมเลยนะยะ!”

ผมยิ้มอย่างขมขื่น “ แฮะแฮะแฮะ ฉัน ฉันเองก็เพิ่งได้กระดิ่งนี้มา เลยยังไม่รู้ว่ามันจะสุดยอดขนาดนี้ ! ”

ขณะพูด ผมก็สั่นกระดิ่งแรงกว่าเดิม เพิ่งความดีให้เสียงกระดิ่ง

“ กริ้งกริ้งกริ้ง…”

ผลลัพธ์ยัยผีตนนั้นก็ร้องออกมาอีกครั้ง “ โฮก ” จากนั้นก็ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นไม่หยุด

ขณะเดียวกันก็ยังแหกปากด้วยความโมโห “ หยุด หยุดสั่นได้แล้ว อร้าย ! อร้าย ! ฉันฉัน ฉันจะฆ่าพวกแก

ฆ่าพวกแกให้ตาย เลิก เลิกสั้นได้แล้ว…”

ขณะพูด ร่างของผีผู้หญิงก็เหยียดเกร็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวขั้นสุด ราวกับเสียงกระดิ่งทำให้เธอเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้ว

ผม เหล่าเฟิง และหยางเนิ้วไม่สนใจเสียงหนวกหูของผีผู้หญิง ผมยังคงสั่นกระดิ่งต่อไป หรือแม้แต่สั่นให้มันแรงกว่าเดิม

ในเวลาเดียวกันเราสามคนก็เริ่มเข้าไปใกล้ผีผู้หญิง เตรียมตัวลงมือ กำราบผีตนนี้ให้สิ้นซากเสียที

ไม่อย่างนั้นคนที่ตาย อาจจะเป็นพวกเราซะเอง

แต่ขณะที่พวกเรากำลังเข้าไปใกล้ผีผู้หญิง เตรียมหาโอกาสจัดการเธอ ฉากแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

จู่ๆผีผู้หญิงก็ร้องลั่น “ อร้าย ! ”

เสียงดังสุดๆ มันดังก้องไปทั่วไซต์งาน ราวกับสามารถฉีกทำลายความมืดมิดในยามค่ำคืนได้ทันที

ขณะที่เสียงร้องบาดใจนี้ดังขึ้น ตัวของผีผู้หญิงก็เริ่มสั่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน

ไม่ใช่แค่นั้น ต่อจากนั้นเธอก็ปลดปล่อยพลังชั่วร้ายอันเข้มข้นออกมา

เหมือนกับระลอกน้ำ “ บัง ” ทันใดนั้นเองพวกมันก็ซัดสาดเข้ามา

พลังหยินที่ชั่วร้ายเหมือนกับลมหนาวในเดือนสิบสอง มันทำให้เราเจ็บหน้า และต้องถอยร่นออกมาทันที

แต่นี้ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ขณะพลังหยินไหลทะลักออกมา ชุด ของผีผู้หญิงก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

เดิมทีที่มันเคยเป็นชุดกระโปรงยาวสีเหลือง ในเวลานั้นมันเริ่มมีสีแดงเจือขึ้นมาแล้ว

สีแดงนั่นเป็นเหมือนกับสีเลือดสดๆ แดงฉานผิดปกติ

และเจ้าสีแดงพวกนี้ก็กระจายตัวอย่างรวดเร็ว มันเริ่มกระจายตัวจากมุมชุดด้านหนึ่ง ราวกับกำลังจะย้อมชุดสีเหลืองให้กลายเป็นชุดสีแดง

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset