ตอนที่ 322 ถ่วงเวลา
เวลาสามสิบวินาที่จะบอกว่ามากก็มาก จะบอกว่าน้อยก็น้อย
เพียงแค่ตอนเรียกมู่หลงเหยียนออกมา มันต้องใช้เวลาสักหน่อย
ถ้าเรียกมู่หลงเหยียนมาได้ แล้วให้เธอปล่อยพลังตอนมาถึง ก็คงแจ่มไปเลย
พอถึงตอนนั้น พวกเราสามคนคงผ่านเรื่องนี้ไปอย่างตื่นเต้น หรือแม้แต่อาจช่วยหาแก่นหยินแดงให้เหล่าเพิ่งได้อีกด้วย
แต่ถ้าจัดการได้ไม่ดี ผลลับที่ตามมาก็คงจะรู้ๆกันอยู่แล้ว
ภายใต้การเผชิญหน้ากับผีชุดแดง เราสามคนไม่มีใครได้รอดกลับไปแน่ๆ
หรือแม้แต่ในช่วงเวลานี้ ผมยังไม่กล้าสั่นกระดิ่งในมือมั่วๆด้วยซ้ํา
ตอนเป็นชุดแดงครึ่งตัวเมื่อกี้ เสียงกระดิ่งยังเอาไม่อยู่เลย แล้วตอนนี้เป็นชุดแดงเต็มตัวแล้วผมเลยเดาว่ากระดิ่งต้องไม่ได้ผลแล้วแน่ๆ
ในช่วงเวลานั้น สมองของผมคิดถึงเรื่องพวกนี้อย่างรวดเร็ว และวางแผนในขั้นต่อไปเอาไว้แล้ว
ผมเริ่มเอามือไปไว้ข้างหลัง แล้วประสานมือเสกคาถา
เตรียมกระตุ้นไฝดํา เรียกมู่หลงเหยียนมาช่วย
ในเวลาเดียวกัน เหล่าเฟิงและหยางเฉวก็มีปฏิกิริยาตามมาเช่นกัน
ทั้งสองคนทําหน้าตกใจ ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินหยางเนิ่วพูดด้วยเสียงท้อแท้ “ ติงฝานเพิ่งเฉวหาน คืนนี้ คืนนี้เรารอดยากแล้ว ! ”
“ อีกเดี๋ยวฉันจะถ่วงเวลาเธอเอาไว้เอง เธอกับเหล่าติงหาทางหนีไปนะ ” ขณะพูด เหล่าเฟิงก็กําดาบในมือแน่น มืออีกข้างหนึ่งหยิบขวดยาออกมาตามที่จิตสํานึกบอกเขาคิดจะเรียกพี่เพิ่งออกมาช่วย
แต่วิธีนี้ไม่ได้การแน่ๆ เวลาที่ใช้เรียกพี่เฟิงออกมานานยิ่งกว่าที่ผมใช้เรียกมู่หลงเหยียนมาซะอีกระหว่างนั้นอันตรายเกินไป เขาอาจโดนฆ่าได้ทุกเมื่อ
“ อย่าวู่วาม ถ่วงเวลาเธอเอาไว้ ! ฉันมีวิธี !” ผมรีบพูด ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับมือข้างที่จับขวดยาเอาไว้ของเหล่าเพิ่ง
ผมละกลัวจริงๆ ว่าเหล่าเฟิงจะทําอะไรบ้าๆเพื่อช่วยชีวิตพวกเรา
ถ้าทําแบบนั้นไม่ใช่แค่เขาจะตาย แต่ผมยังอาจเรียกมู่หลงเหยียนไม่สําเร็จอีกด้วย
เมื่อเหล่าเฟิงและหยางเนิ่วได้ยินผมพูดถึงขนาดนั้น พวกเขาก็อดหันมามองหน้าผมด้วยความ ตกใจและความสงสัยไม่ได้
นี่มันผีร้ายชุดแดงเชียวนะ แต่ผมกลับบอกว่ามีวิธี จึงทําให้ทั้งสองคนสงสัยมากแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกัน
เมื่อเห็นทั้งสองคนหันมามอง ผมก็ได้แต่พยักหน้าให้เล็กน้อย เพราะไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆผีผู้หญิงที่อยู่บนเสาคอนกรีตก็พูดออกมา แต่น้ําเสียงไม่ดุร้ายแถมยังฟังดูสบายๆอีกต่างหาก “ เป็นอะไรไป ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ ? ทําไมไม่สั่นกระดิ่งในมือแกอีกละ ? ”
แม้น้ําเสียงนี้จะฟังดูสบายๆ แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง ความรู้สึกแบบนั้นทําให้ผมรู้สึกอึดอัดสุดๆ
ระหว่างนั้น ความหนาวเย็นก็แล่นพล่านไปทั่วตัว ขนบนตัวก็ยิ่งตั้งขึ้นให้เห็นได้ทันที
ผมรู้ดี ในเวลานี้จะทําอะไรมั่วชั่วไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังห้ามกระตุ้นผีผู้หญิง จะต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด
“ จากพลังของเธอในตอนนี้ ฉันสั่นไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมาเหรอ ? ถึงฉันจะรู้ว่ายังไงคืนนี้ฉันก็ต้องตาย
แต่ฉันอยากรู้มากว่า เธอมีความแค้นอะไรอยู่ในใจกันแน่ ” ผมพูดออกมาช้าๆ
ขณะเดียวกัน มือข้างหลังของผม ก็แอบเคลื่อนพลังกระตุ้นไฝดําตรงข้อมือแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ก็ใช้น้ําเสียงที่เบาจนฟังออกได้ยากพูดว่า มู่หลงเหยียน
เสียงมันเบามาก แม้แต่หยางเนิ่วและเหล่าเพิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆผม ก็ยังได้ยินแค่ผมพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่ก็ไม่มีใครได้ยินอย่างชัดเจน
ส่วนผีผู้หญิงที่ยืนอยู่บนเสาคอนกรีต จู่ๆก็ทําหน้าบิดเบี้ยว
เผยสีหน้าดุร้ายออกมาทันที “ ไอ้ชายชั่ว แกยังกล้าถามฉันอีกเหรอฮะ ? แกทําให้ฉันตายยังไงแกไม่รู้อีกเหรอฮะ ? ”
เสียงผีผู้หญิงทั้งแสบแก้วหู และปนด้วยเสียงแหบหน่อยๆ แถมเสียงนี้ยังฟังดูผิดปกติสุดๆราวกับมันกําลังดังมาจากรอบๆทิศ
ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น บนตัวของผีผู้หญิงตนนั้น ก็ปล่อยพลังหยินที่เข้มข้นออกมาอีกครั้งเธอตัวสั่นสองสามครั้ง ราวกับพร้อมลงมือกับพวกเราทุกเมื่อ
ผมใจสั่น เหงื่อออกเต็มหน้าผาก ถึงยัยนี่จะเลื่อนไปถึงขั้นผีชุดแดงแล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีสติเหมือนเดิม
ในใจมีแต่ความแค้น เห็นผมเป็นคนชั่วที่ทําร้ายเธอตอนมีชีวิต พูดแบบนี้ก็แล้วกัน มันเหมือนการกวนประสาทเธอ โดยที่ตัวผมเองก็คิดไม่ถึง
แต่ผมยังนับเวลาต่อไป หนึ่ง สอง สาม เพิ่งผ่านไปสิบวิ ปากของผมก็พูดต่ อมู่หลงเหยียน
ตอนนี้ ผมพูดออกมาสองครั้งแล้ว ไฝดําที่ข้อมือซ้าย ก็เริ่มร้อนขึ้นมาหน่อยแล้ว
ผมรู้ดี ขอแค่ทนต่ออีกยี่สิบวินาที รอให้ได้เรียกชื่อน้องศพเป็นครั้งที่สาม
มู่หลงเหยียนก็จะออกมาปรากฏตัว ด้านหน้าพวกเราอย่างรวดเร็ว ช่วยพวกเราให้พ้นจากภัยอันตราย
แต่สิ่งที่ทําให้ผมคิดไม่ถึงคือ หลังจากที่ผมพูดชื่อน้องศพออกมาเป็นครั้งที่สอง
จู่ๆยัยผีตัวนั้นก็หันมาจ้องผม “ ไอ้ชั่ว แกยังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น ยังกล้าเรียกหาผู้หญิงคนอื่นอีกเหรอฮะ……”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็ใจสั่นทันที เสียงผมเบาขนาดนั้น ยัยนี่ยังได้ยินอีก
แต่ผมยังไม่ได้กระวนกระวาย ยังอยากยื้อเวลาต่อไป “ เธอ เธอฟังผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย !”
พอพูดประโยคนี้จบ สิบวินาทีที่เหลือก็ยังขาดอีกแค่สี่วินาที
ปกติส่วินาทีมันแค่ชั่วพริบตา แต่ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกมันเนิ่นนานเหลือเกิน
ผมภาวนาอย่างต่อเนื่อง หวังว่ายัยผีตัวนี้จะพูดไร้สาระกับผมต่ออีกสักสองสามประโยคอย่าขัดจังหวะการเรียกของผมเด็ดขาด
แต่ผลลัพธ์ละ กลัวอะไรได้อย่างนั้น เสียงของผมเพิ่งเงียบลง จู่ๆผีผู้หญิงคนนั้นก็ตะคอกเสียงดังลั่น
“ ไอ้ชั่วยังกล้าโกหกฉันอีก เอาชีวิตฉันคืนมา ! ”
เสียงเพิ่งเงียบ ยัยผีนั่นก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้น ลมกระโชกแรงถาโถมเข้ามาทันที
ยังไม่ทันให้ผมได้ตอบสนองใดๆ ผมก็รู้สึกถึงลมหนาวที่หน้า ร่างกายกระเด็นออกไปทันที
“ ปัง” ตัวผมทรุดลงกับกองทรายที่อยู่ห่างออกไป
นี่ไม่ใช่เรื่องสาคัญอะไร เพราะมันไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต
แต่ การโจมตีครั้งนี้ของผีผู้หญิง ทําลายการเรียกของผมทันที
ไฟสีดําที่ยังร้อยอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว มันเปลี่ยนกลับเป็นไฝดําสองเม็ดดังเดิม
สมควรตาย การเรียกวิญญาณถูกทําลายแล้ว
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เหลืออีกแค่ไม่กี่วิเอง
รอยประทับก็จะสมบูรณ์ และเรียกม่หลงเหยียนออกมาได้แล้วเชียว
“ เหล่าติง ! ”
* ติงฝาน !
หยางเนิ่วและเหล่าเฟิงเห็นผมโดนทําร้ายกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร และตัวยังเข้าไปติดอยู่ในกองทรายครึ่งหนึ่ง พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวแต่ละคนต่างรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“ ฉัน ฉันไม่เป็นอะไร !” ผมกลั้นความเจ็บปวดที่หน้าอกและหน้าท้องเอาไว้ พูดออกมาด้วยความยากลําบาก และพยายามจะปืนออกมา
แต่ยัยผีผู้หญิงตนนั้นกลับเค้นเสียงดัง ฮี “ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม งั้นฉันจะทําให้เป็นอะไรเอง !”
เสียงเธอยังแหบและแสบหูเหมือนเดิม
และเสียงเพิ่งเงียบลง ยัยผีตัวนั้นก็ลอยเข้ามา จากนั้นเธอก็พุ่งเข้ามาจนเห็นเป็นลําแสงสีแดง
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็รีบตะโกนออกมาทันที “ ระวัง ! ”
อาจเป็นเพราะกังวลมากเกินไป บวกกับเมื่อกี้เพิ่งโดนโจมตีอย่างหนัก เลือดเลยพุ่งพล่าน “ อัก” เสียงกระอักเลือด
ย้อนกลับไปดูที่เหล่าเฟิงและหยางเฉ่ว พวกเขาหมุนตัวกลับไปแล้ว
เมื่อเห็นผีผู้หญิงกําลังพุ่งเข้ามา พวกเขาก็ยกดาบขึ้นเตรียมรับการต่อสู้ พวกเขาคิดจะปิดกั้นไม่ให้ผีผู้หญิงเข้ามาใกล้ผม
แต่พลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันเกินไป ยังไม่รอให้ทั้งสองคนได้ลงมือ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ลอยผ่านทั้งสองคนมาแล้ว
ส่วนเหล่าเฟิงและหยางเฉ่ว ต่างล้มกลิ้งกับพื้น บนตัวต่างมีรอยฝ่ามืออยู่บนตัว
โชคดีที่พวกเขาใส่เสื้อผ้าหนา ไม่อย่างนั้นหน้าอกคงจะเป็นแผลเหวอะ เลือดไหลนองกันไปแล้ว
สายเกินไปแล้วที่จะสนใจเลือดตรงมุมปาก ม่านตาของผมขยายใหญ่ รีบลุกขึ้นคิดจะหลบให้พัน
แต่ผีชุดแดงตรงหน้า ไม่ให้โอกาสผมเลยสักนิด
มือของผีผู้หญิงยึดเข้ามา จับที่หัวของผมเอาไว้
เพิ่งลุกได้ครึ่งตัว ทันใดนั้นผมก็โดนยัยผีดินกลับไปเหมือนเดิม จมเข้าไปในกองทรายอีกครั้ง
ทรายที่ติดอยู่บนหน้าค่อยๆไหลลงมา ทําให้ผมเหล่ตาได้แค่ข้างเดียว และนั่นทําให้ผมรู้สึกอึดอัดมาก
แต่สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือ ขณะที่ผีผู้หญิงปล่อยลมหายใจที่เยือกเย็นออกมาเขี้ยวตรงมุมปากของเธอ
ก็จ่ออยู่ที่คอผมไม่ขยับ ทําให้ผมไม่กล้าหายใจในทันที..