ตอนที่ 329 ไปโรงพยาบาล
ตอนนี้เรื่องผีร้ายในไซต์งานก่อสร้างได้ปิดฉากลงแล้ว
เราไม่เพียงได้รู้ถึงความร้ายกาจของผีชุดแดงแต่ยังได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของเหล่าผู้นำผีด้วย
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือพวกเราได้แก่นพลังหยินมาด้วย
ขอแค่มีเจ้าสิ่งนี้อยู่เราก็มีคำตอบให้พี่เฟิงแล้ว
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปการควบคุมร่างกายของเหล่าเฟิงก็จะไม่โดนคุกคามอีกแล้วแบบนี้เหล่าเฟิงก็จะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีก
แน่นอนในเวลาเดียวกันผมก็จัดการปัญหากวนใจให้เสี่ยวม่านได้แล้ว
แบบนี้เสี่ยวม่านไม่เพียงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างที่นี่ต่อไปได้ยังสามารถทำให้คนธรรมดาที่ไม่ค่อยมีเงินได้ซื้อที่พักอาศัยในราคาถูกกด้วยและสามารถทำภารกิจที่บริษัทมอบหมายให้เธอได้สำเร็จอย่างราบรื่น
ตอนนี้ดูเหมือนการจัดการผีผู้หญิงหนึ่งตนจะสร้างประโยชน์และความสุขให้กับทุกคนอย่างมากมาย
เพียงแค่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็ผ่านอันตรายมาพอสมควรตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอกอยู่หน่อยๆ
คงเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บภายในเมื่อกลับไปคงต้องพักรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง
ผมเร่งฝีเท้าผ่านไปไม่นานผมก็กลับเข้ามาในตัวอาคาร
เพิ่งเข้ามาในห้องก็เห็นเหล่าเฟิงหยางเนิ่วเสี่ยวม่านและฟางฉางเจียงกำลังคุยกันอยู่
ท่านนักพรตเฟิงท่านนักพรตหยางพวกท่านเป็นหนุ่มสาวที่มีความสามารถจริงๆอายุเพียงน้อยนิดก็เก่งถึงขนาดนี้แล้วอายุน้อยแค่นี้ก็มีพลังเยอะถึงขนาดนี้แล้วเหมือนพระจันทร์และพระอาทิตย์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้าดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัส…..
ฟางฉางเจียงชมและประจุบไม่ขาดปากอย่าว่าแต่เหล่าเฟิงและหยางเจ๋วเลยแม้แต่บอสของเขาเสี่ยวม่านตอนนี้ก็ยังทำหน้าไปไม่ถูกเลย
แต่ในตอนนั้นเองพอทุกคนเห็นผมเดินเข้ามาในห้องก็หันมามองด้วยใบหน้าดีใจทันที
เป่านายกลับมาแล้ว! เสี่ยวม่านตื่นเต้นนมาทันทีเธอเรียกชื่อนี้ออกมาตรงๆ
ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพียงคลี่ยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น อ๋อ!จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วพรุ่งนี้พวกเธอก็เริ่มก่อสร้างต่อได้แล้ว!
ท่านนักพรตติงเชิญนั่งก่อนครับท่านนักพรตทุกท่านเก่งจริงๆ!คิดไม่ถึงว่าปัญหายุ่งยากที่กวนใจเรามาหลายวันจะได้ท่านทั้งสามช่วยแก้ปัญหาให้เราภายในครึ่งคืน! ฟางฉางเจียงพูดต่อเขารีบลากเก้าอี้ให้ผมแล้วบอกให้ผมนั่งลงทันที
ตอนนี้ผมเหนื่อยพอตัวจึงไม่เกรงใจแอ่นกันนั่งลงไปทันทีขณะเดียวกันก็ไม่สนใจคำประจบสอพอของฟางฉางเจียง
ติงฝานส่งกลับไปหมดแล้วเหรอ? หยางเนิ่วไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแต่ผมก็เข้าใจดีว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ผมพยักหน้า กลับไปหมดแล้ว!วางใจได้!
หลังจากพูดจบผมก็หันไปมองเหล่าเฟิงเขาดูท่าทางไม่ดีเท่าไหร่จึงถามเขาว่า เหล่าเฟิงหน้าอกนายเป็นยังไงบ้าง?
เหล่าเพิ่งคลี่ยิ้มมองหน้าอกตัวเองที่โดนพันเอาไว้แบบเรียบๆ เรื่องเล็กแผลแค่นี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่า!
ผลลัพธ์เสียงเหล่าเฟิงเพิ่งเงียบลงหยางเฉวก็กลอกตาอยู่ข้างๆ ยังบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกระดูกของนายจะโผล่ออกมาอยู่แล้ว!อาการหนักจะตายตอนนี้แค่หยุดเลือดเอาไว้เท่านั้นยังไงก็ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลฉีดยาบาดทะยัก!แล้วก็ยังต้องดูด้วยว่ามีเลือดคลั่งในปอดไหม
หยางเฉ่วเพิ่งพูดจบเสี่ยวม่านก็พูดต่อทันที ต้องขอโทษด้วยจริงๆปัญหาของพวกเราทำให้ทุกคนต้องบาดเจ็บแล้วฉันติดต่อกับโรงพยาบาลในเมืองเอาไว้แล้วอีกเดี๋ยวพวกเราแค่เข้าไปก็รักษาได้แล้ว!
ใช่ใช่ใช่เรื่องพวกนี้เราจัดการเรียบร้อยหมดแล้วบริษัทเรามีหุ้นอยู่ในโรงพยาบาลนั้นเรากำลังรอท่านนักพรตติงกลับมาจะได้เดินทางไปพร้อมกันถึงตอนนั้นเราจะให้โรงพยาบาลตรวจสอบพวกท่านให้ละเอียดทุกอย่างเลยครับ ฟางฉางเจียงพูดต่อ
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูดว่าอาการหนักขนาดนั้นผมก็ลุกขึ้นทันที งั้นพวกเราอย่าเสียเวลาอยู่เลยไปกันเลยเถอะ!
แม้เหล่าเฟิงจะดูไม่เจ็บถึงขนาดนั้นแต่ร่างกายของเขาเขาย่อมรู้ดีที่สุด
เขาเป็นคนที่บาดเจ็บหนักที่สุดเสื้อตรงหน้าอกโดนฉีกออกทั้งหมดบริเวณหน้าอกยังมีรอยข่วนที่บาดลึกเหลือทิ้งเอาไว้
เสื้อด้านในชุ่มเลือดไปหมดแล้วแม้เขาจะใส่ยาสมานแผลห้ามเลือดเอาไว้แล้วแต่แผลก็ยังอยู่และเปิดกว้างมากยังไงก็ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
ถ้าติดเชื้อหรือมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อนงั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว
ที่ไซต์งานก็ไม่มีอะไรแล้วเหล่าเฟิงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรหลังจากผมเข้าไปช่วยประคองแล้วเราก็ออกไปจากห้องทันที
ฟางฉางเจียงผู้ช่วยของเสี่ยวม่านจัดการเรื่องต่างๆเก่งมากทั้งช่วยเปิดประตูเปิดไฟสุดท้ายเขายังขับรถหรูรีบมารับพวกเรา
พวกเราห้าคนขึ้นไปบนรถทีละคน
หลังจากนั้นก็ออกไปจากไซต์งานที่ทำให้พวกเราต้องมาเสี่ยงอันตรายจนเกือบเสียชีวิตทันที
ขณะอยู่บนรถเหล่าเฟิงและหยางเจ่วก็ไม่ได้ถามว่าตอนหลังผมคุยอะไรกับหวางเป่าเฉิงและเพิ่งหนิว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหนื่อยมากแต่ละคนต่างเอนหลังพิงเบาะพักผ่อนกันทันที
พวกเราเหนื่อยมากจริงๆบวกกับที่พวกเราสามคนเพิ่งออกมาจากสนามรบและยังบาดเจ็บกันทุกคน
พวกเราอาจจะไม่ได้บาดเจ็บหนักอย่างเหล่าเฟิงแต่ภายในระยะเวลาสั้นๆพวกเราก็ไม่อาจทำให้อะไรที่มันเสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้อีกอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาลเราก็พบว่ามันเป็นโรงพยาบาลเอกชนถึงว่าทำไมมีหุ้นส่วนตัวได้
ตอนนี้ที่หน้าโรงพยาบาลมีหมอและพยาบาลกลุ่มหนึ่งรออยู่แล้ว
ฟางฉางเจียงทำท่าเป็นคนอยู่เหนือขึ้นมาทันทีเขาตะโกนใส่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งสองสามประโยคบอกว่าต้องเอาหมอที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลและยาที่ดีที่สุดมารักษาพวกเรา
เจ้าหน้าที่คนนั้นพยักหน้ารัวๆ ครับครับครับ!
พวกเราถูกจัดเตรียมให้อยู่ในช่องสีเขียวได้รับการรักษาตั้งแต่นาทีแรกที่ไปถึง
หลังจากผ่านการตรวจแล้วผมและหยางเนิ่วไม่ได้เป็นอะไรมากนักเพียงแค่เส้นเลือดฝอยตรงทางเดินหายใจแตกมีเลือดออกนิดหน่อยเท่านั้น
น่าจะเป็นเพราะโดนพลังหยินของผีผู้หญิงทำแตกแต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเพียงแค่ต้องพักฟื้นระยะนึ่งเท่านั้น
แต่อาการของเหล่าเพิ่งแย่มากหน้าอกของเขามีรอยฉีกที่ทำให้เลือดไหลทั้งหมด
โชคดีที่ยาสมานแผลของท่านนักพรตต์ร้ายกาจห้ามเลือดได้ชะงักไม่อย่างงั้นตอนนั้นเหล่าเฟิงก็คงเสียเลือดเกินขนาดจนเกิดอาการช็อกหรือแม้แต่ถึงแก่ความตายได้เลย
นอกจากนี้หมอยังพบว่ากระดูกหน้าอกบางแห่งของเหล่าเฟิงมีรอยร้าวเนื้อเยื่ออ่อนฟกช้ำหลายจุด
หรือแม้แต่มีเลือดคั่งในปอดเล็กน้อยต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
เขาบอกว่าต้อง ล้างปอด หลังจากนั้นถึงจะเสริมกระดูกหน้าอกและทำเรื่องอื่นๆต่ออย่างไรก็ตามพวกเขาก็คุยกันเร็วมากผมเองก็เข้าใจไม่กี่อย่างสรุปแล้วน่าจะอาการหนักมากและต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก
แต่โชคดีที่บริษัทเสี่ยวม่านดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดไม่ต้องให้พวกเราออกแม้แต่แดงเดียว
ไม่อย่างนั้นค่ารักษาพยาบาลพวกนี้คงทำให้พวกเราจนปัญญาแน่ๆ
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
ตอนเหล่าเฟิงเข้ารับการรักษาในห้องจู่ๆหยางเฉวก็ดึงแขนผมให้เดินไปอีกทางด้านหนึ่งแล้วพูดกับผมว่า ติงฝานนายกับอาจารย์เป็นลูกศิษย์ของสำนักใดสำนักหนึ่งหรือเปล่า?
จู่ๆก็ได้ยินหยางเฉวถามแบบนี้ผมเลยงงในทันที่ สำนักสำนักอะไร?
หยางเฉ่วขมวดคิ้ว ฉันไม่เอาไปบอกคนอื่นหรอกน่านายกับอาจารย์เป็นเป็นศิษย์สำนักหยินชื่อใช่ไหม?
สำนักหยินชื่อ? ผมเพิ่งเคยได้ยินชื่อสำนักนี้ครั้งแรกนี่แหละจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
เท่าที่ผมรู้มาผมและอาจารย์ไม่ใช่คนของสำนักไหนทั้งนั้น
วิชาของอาจารย์ก็เรียนมาจากพระแก่รูปหนึ่งที่อยู่บนเขา
อาจารย์บอกว่าพระแก่รูปนั้นเคยเป็นนักพรตมาก่อนตอนหลังถึงไปปลงผมบวชเป็นพระ
แต่ศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อกันเลยไม่ได้มีปัญหาอะไรใหญ่โตพวกเราก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้มีสำนักเป็นหลักเป็นแหล่งอะไร
ผมส่ายหน้าเผยรอยยิ้มที่ขมขึ้น หยางเฉ่วเธอคิดมากไปแล้วเมื่อก่อนอาจารย์ของฉันเคยเป็นคนโกนผมให้พระบนเขาต่อมาได้ทำงานอยู่ในสุสานระยะหนึ่งไม่ได้อยู่สำนักไหนทั้งนั้นแหละส่วนสำหนักหยินชื่ออะไรนี้ฉันก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ
จริงเหรอ? หยางเนิ่วทำหน้าสงสัย
จริงซิ! ผมตอบกลับ
หยางเฉ่วเห็นผมทำท่าจริงจังไม่เหมือนคนกำลังพูดโกหกเธอเลยสงสัยยิ่งกว่าเดิม งั้นก็แปลกแล้วละ
ฉันเคยได้ยินปู่บอกว่าปกติผู้นำผีแต่ละตนจะไม่ข้องแวะกับมนุษย์เพราะมีข้อห้ามบางอย่างอยู่แต่ก็ยกเว้นศิษย์ของสำนักหยินชื่อเพียงแต่เจ้าสำนักนี่ไม่มีคนสืบทอดมาหลายร้อยปีแล้วคืนนี้พอฉันเห็นนายรู้จักกับผู้เฒ่าเขาผีและหัวหน้ามังกรเหล็กสองตนนั้นแถมพวกเขายังยื่นมือเข้ามาช่วยฉันเลยสงสัยว่านายคงเป็นศิษย์ของสำนักหยินชื่อนั่น….
ผมอึ้งแล้วอึ้งอีก ฉันไม่ใช่จริงๆ!แต่จากที่เธอพูดดูเหมือนเจ้าสำนักหยินชื่อนี่ดูร้ายกาจมากเลยนะพวกเขาสืบทอดวิชาอะไรบ้างเหรอ?
พอหยางเนิ่วได้ยินผมถามแบบนั้นเธอก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้จากนั้นก็พูดว่า ฉันได้ยินบอกว่า
วิชาที่สืบทอดต่อกันมาไม่เหมือนของสำนักทั่วไปเป็นลัทธิชั่วร้ายระดับโลกคอยฆ่าคนบนโลกศิษย์ในสำนักนี้เป็นครึ่งคนครึ่งศพครึ่งหยินครึ่งหยางดังนั้นคนภายนอกเลยชอบเรียกพวกเขาว่าสำนักศพ…..
หยางเฉ่วเริ่มพูดที่ละประโยคแต่ตอนผมได้ยินคำว่า สำนักศพ สองคำนี้ใจของผมก็มีเสียงดัง ถูก หน้าเปลี่ยนสีทันที
สำนักศพนี่นี่มันไม่เหมือนกับที่มู่หลงเหยียนบอกผมเมื่อตอนแรกหรอกเหรอเธอบอกว่าตัวเองเคยเรียนอะไรเกี่ยวกับศพนี่แหละดังนั้นเลยให้เรียกเธอว่า น้องศพ
ถ้าเป็นแบบนั้นงั้นมู่หลงเหยียนก็เป็นศิษย์ในสำนักหยินชื่อที่ชั่วร้ายนี้อย่างงั้นเหรอ