ตอนที่ 340 ความทรงจํา
หลังจากที่พี่เฟิงพูดแบบนั้นออกมา ทุกคนก็รู้ สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาในทันที
ถึงจะเดาเอาไว้แล้ว แต่พอได้ยินจากปากพี่เฟิง ผมก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ดี
โดยเฉพาะเหล่าเฟิงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ เขาทํา ตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็ดูตื่นเต้ นด้วยเช่นกัน “ถ้า พูดถึงขนาดนี้ งั้นพวกเราก็แยก แยกออกจากกันได้นะซิ ?”
ระหว่างพูด เสียงเหล่าเฟิงค่อนข้างสั่น
เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็คิดว่า พี่ชายฝา แฝดของเขาคนนี้ จะแยกจากร่างเขาไม่ได้แล้ว
ตอนนี้กลับมีการยืนกรานอีกอย่าง จึงเป็นปกติ ที่ในสมองจะมีความคิดหลั่งไหลเข้ามาเหมือนพายุเข้า
พี่เฟิงเหลือบมองเหล่าเฟิง “ฮี! ถ้าไม่ได้เป็น เพราะพวกแกทํางานไม่ดี ตอนนี้ฉันก็คงได้หลุด ออกจากร่างของแกแล้ว ถ้าอยากให้พวกเราแยก ออกจากกันโดยสมบูรณ์ ต้องหาแก่นหยินแดงมา อีกหนึ่งหรือไม่ก็เยอะกว่านั้น….”
“ทําไมยังต้องให้อีกเยอะละ ?” ผมไม่เข้าใจ
นี่ก็แยกออกมาได้แล้วนะ มันน่าจะห่างจากการ แยกอย่างสมบูรณ์ไม่มากเท่าไหร่แล้วน
แต่พี่เฟิงกลับพูดอย่างอารมณ์เสีย “สถา นการณ์แบบพวกเรา คนบนโลกไม่อาจแก้ได้ แต่ ฉันสามารถใช้แก่นหยินแดงทําให้เราแยกจากกัน ได้ แต่มันก็ต้องใช้วิชาลับของตระกูลฉัน ตอนนี้ ประตูเปิดออกแล้ว
แต่พี่เฟิงกลับพูดอย่างอารมณ์เสีย “สถา นการณ์แบบพวกเรา คนบนโลกไม่อาจแก้ได้ แต่ ฉันสามารถใช้แก่นหยินแดงทําให้เราแยกจากกัน ได้ แต่มันก็ต้องใช้วิชาลับของตระกูลฉัน ตอนนี้ ประตูเปิดออกแล้ว
หากคิดจะเปิดมันอีกครั้ง ก็ต้องใช้เยอะกว่านี้ และต้องมีพลังหยินมหาศาล”
น้ําเสียงของพี่เฟิงปนไปด้วยความเสียใจ และดู อารมณ์เสียไม่น้อย
แต่ผมกลับจับคําว่า “ตระกูล” จากคําพูดเมื่อกี้ได้
เหล่าเฟิงไม่มีที่มาที่ไป ก่อนจะเจอกับท่านนัก พรตต์ ไม่มีใครรู้เรื่องในอดีตของเขา
แม้แต่ตัวท่านนักพรตต์ ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปและ ชาติกําเนิดของพี่เฟิง
เขารู้เพียงแค่เหล่าเฟิงมีสองวิญญาณ จึงเดาว่า ชาติกําเนิดของเหล่าเฟิงอาจเกี่ยวข้องกับพวก หนันหยาง
เพราะพวกหนันหยางมักชอบเลี้ยงผี วิญญาณ กดวงในร่างเหล่าเฟิง และอาจถูกฝังเข้าไปในร่าง ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก หรือที่เรียกกันว่าฝังวิญญาณ
แต่เหล่าเฟิงไม่เคยเอ่ยปากพูดขึ้นมาเลย และ ไม่ยอมพูดถึงมันอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ เลยไม่มีใครรู้เรื่องราวก่อนเหล่าเฟ งอายุ 14 ส่วนเรื่องชาติกําเนิดและที่มาของร่าง สองวิญญาณ
ก็ยิ่งมืดบอดเข้าไปใหญ่
พี่เฟิงเข้ามาโดยการฝังวิญญาณจริงหรือเปล่า หรือจะเป็นร่างสองวิญญาณมาตั้งแต่ต้น เราก็ไม่มี ทางรู้ได้เลย
ตอนนี้พอได้ยินพี่เฟิงพูดถึง “ตระกูล” สองคํานี้ ผมก็มั่นใจประมาณ 10% ว่าเหล่าเฟิงต้องเกิด ในตระกูลที่มีการฝึกเต่อย่างแน่นอน
บางทีเขาอาจมาจากสํานักที่เลี้ยงผีบางสํานัก ในหนันหยาง ก่อนจะมารู้จักท่านนักพรตต์ พวก เขาก็เริ่มฝึกวิชาที่เกี่ยวกับเต่ําแล้ว
ผมคิดในใจแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
แต่เหล่าเฟิงที่นั่งอยู่บนเตียง ก็ได้ยินคําพวกนี้ เหมือนกัน
เขาขมวดคิ้วทันที ลุกขึ้นนั่งตัวตรง แล้วถามพี่ เฟิงว่า “ตระกูล วิชาลับ หรือ หรือนายจะจําเรื่อง ก่อนออกทะเลได้งั้นเหรอ ?”
ก่อนออกทะเล นี่มันเรื่องอะไรอีกละ เรื่องใน อดีตของเหล่าเฟิงเหรอ
ไม่ใช่แค่ผม แม้แต่ท่านนักพรตต์ก็ยังทําท่า อยากรู้มาก เขาก็หันไปมองพี่เฟิงเหมือนกัน
พี่เฟิงกลับเค้นเสียงดัง ฮี “มีอะไรที่ฉันจะจําไม่ ได้ละ ? อย่าว่าแต่ตอนใช้ชีวิตอยู่บนเรือทาสนั่น เลย
ตั้งแต่วินาทีที่ตระกูลฆ่าฉัน หรือตอนที่ฉันโดน ฝังเข้าไปในร่างของแก ทุกอย่างที่แกเคยเจอมา ฉันจําได้ทั้งหมดนั่นแหละ”
เจ้าตัวแสบ ฝังวิญญาณ เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
เป็นอย่างที่ท่านนักพรตคู่เดาเอาไว้เมื่อ ตอนแรกไม่มีผิด พวกเขาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ตอนเกิดมา พวกเขาเลือกฝังวิญญาณของพี่เฟิง
พวกเขาตัดข้อมือของเขา พ่นควันบางอย่าง เข้าไปในปากพี่เฟิง ใช้พาชนะพิเศษใส่ร่างเขา เอาไว้ ใช้ยันต์ผนึก แล้วสุดท้ายก็ใช้วิธีบางอย่าง
หากทําพิธีเสร็จแล้ว พวกเขาก็จะไม่สนใจอีก ต่อไป ว่าเด็กทารกที่ถูกตัดข้อมือคนนั้นจะเป็น หรือตาย
ขอแค่เด็กอีกคนยังมีชีวิตอยู่ แบบนั้นในร่างกาย ของเขา ก็จะถูกฝังวิญญาณอีกดวงลงไป
ทั้งสองคนจะมีชีวิตและความตายร่วมกัน ใช้ ร่างเดียวกัน มีชีวิตอย่างหนึ่งร่างสองวิญญาณ
คนหนึ่งหยาง คนหนึ่งหยิน
คนหนึ่งหยาง คนหนึ่งหยิน
นอกจากการฝังวิญญาณแล้ว เจ้าเรือทาสนี้มัน คืออะไร ก่อนอายุ 14 เหล่าเฟิงยังเคยเจอเรื่อง อะไรมาอีก
ผมมีคําถามมากมายในใจ รู้สึกว่าเหล่าเฟิงและ พี่เฟิงยังมีความลับอีกมากมาย
พอเหล่าเฟิงได้ยินแบบนั้น ก็ทําหน้าตื่นเต้น นมาอีกครั้ง “แล้วทําไมนาย ทําไมไม่บอกฉันละ
“บอกแก ? คนมีคุณธรรมอย่างแก จะรับเรื่อง ตระกูลที่โหดร้ายยิ่งกว่าเรือทาสได้หรือไง ? ถ้า ไม่มีฉัน ชีวิตที่ขมขื่นบนเรื่องทาสนั่นแกก็ผ่านมา ไม่ได้หรอก ! เจ้าขยะเอ้ยยังคิดจะอยากรู้เรื่องใน อดีต……” พี่เฟิงทําหน้ารังเกียจ สิ่งที่พูดมีแต่ พวกเขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
แต่พี่เฟิงกลับดูตื่นเต้นผิดปกติ จนแทบเรียกได้ ว่ากระวนกระวาย หน้าตาดูอารมณ์เสียสุดๆ
“รีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ บอกฉันมาว่าบ้านเราอยู่ ที่ไหน ? บอกฉันมา ว่าทําไมคนในตระกูลถึงทํา กับเรา
แบบนี้ ? พวกเรา พวกเรายังมีพ่อแม่อยู่ไหม ? บอกฉันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้…” พอพูดถึงประ โยคสุดท้าย เหล่าเฟิงก็ตาแดงก่ํา เขาแทบจะตะ คอกออกมา
พี่เฟิงยังคงมองเหล่าเฟิงอย่างดูถูก “ในเมื่อลืม ไปแล้ว ก็อย่าจําได้อีกเลย นั่นเป็นตระกูลที่โหด เหี้ยมอย่างที่แกคาดไม่ถึงเลยละ และการมีอยู่ ของพวกเรา ก็เป็นแค่เครื่องมือของพวกเขา เท่านั้น ! ส่วนเรื่องพ่อแม่
ความโหดเหี้ยมของพวกเขาไม่มีทางที่แกจะ จินตนาการออก”
พอพูดถึงตรงนี้ พี่เฟิงก็ทําท่ารําคาญสุดๆ ไม่ อยากพูดอีกต่อไป เขาเคลื่อนพลังไปที่แขน กลายเป็นกลุ่มควันอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ทําตัวเป็นสายลมอันเยือกเย็น ลอย เข้าไปในร่างของเหล่าเฟิง แล้วหายไปในทันที
“หานเฉ่วเฟิง นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ รีบบอกให้รู้ เรื่องทุกอย่าง บอกความทรงจําที่ฉันขาดหายไป ในช่วงเวลานั้นมา !” เหล่าเพิ่งเริ่มบ้าคลั่ง เขาหัว ร้อนสุดๆ ใช้มือตีร่างกายตัวเอง
แต่พี่เฟิงกลับพูดออกมาอย่างเย็นชา “อ่อน อย่างกับหมา แกยังจะแบกรับความเจ็บปวดพวก นั้นได้เหรอฮะ….”
หลังจากพูดจบ เสียงของพี่เฟิงก็ไม่ดังขึ้นอีก ไม่ว่าเหล่าเฟิงจะตะโกนยังไง พี่เฟิงก็ดูเหมือ นกับหลับไปแล้ว
แต่พวกเราก็ได้รู้ว่า พี่เฟิงใช้แก่นหยินแดง แยก ตัวจากเหล่าเฟิงได้ในระยะหนึ่ง
ตอนนี้ที่เขาเงียบไม่ยอมพูดออกมา เป็นเพราะ ไม่อยากคุยกับเหล่าเฟิงอีก
แต่คราวนี้พวกเราได้ข้อมูลมาจากปากพี่เฟิงไม่ น้อย
เรือทาส ตระกูลที่โหดเหี้ยม ความทรงจําที่ แสนเจ็บปวด เครื่องมือ พ่อแม่ที่โหดร้าย คําพวก นี้ล้วนเป็นคีย์เวิร์ด เหล่าเฟิงและพี่เฟิงมีที่มายังไง กันแน่ แล้วพวกเขามาจากที่ไหนกันแน่
ความลึกลับมากมายจากก่อนหน้านี้ ดูเหมือน จะมีหมอกเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
แม้ตอนแรกเหล่าเฟิงจะดูกระวนกระวายมาก แต่สุดท้ายเขาก็ค่อยๆสงบลง
ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินท่านนักพรตต์พูดว่า “เสี่ยวเฟิง ! ไม่ต้องกระวนกระวายขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้ก็ได้มาเริ่มต้นใหม่ที่ดีแล้วนิ ขอแค่พี่ชาย ของเจ้าออกจากร่างเจ้าได้เจ้าก็จะเป็นอิสระแล้ว !จะคิดมากไปทําไม ยังมีอาจารย์อยู่ไม่ใช่เหรอนี้
ท่านนักพรตต์พูดปลอบใจ บอกให้เหล่าเพิ่งทํา จิตใจให้สงบ
เหล่าเฟิงหันมามองหน้าอาจารย์ของตัวเอง ทํา หน้าตาดีใจ แต่แล้วเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ ต่อ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อาจารย์ ก่อนจะมารู้จักท่า น ที่จริงผมเคยอยู่บนเรือทาสที่หนันหยางมาสิบ กว่าปี……”
พอท่านนักพรตต์ได้ยินแบบนั้น ก็เห็นได้ชัดว่า เขาอึ้งไปในทันที แต่เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็กลับ มาสงบดังเดิม และค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
เขาลูบหัวเหล่าเฟิง “เจ้าเป็นศิษย์ของข้าตู้อ่าว เรือทาสแล้วยังไงละ ? นั่นมันเป็นเรื่องที่ผ่านมา แล้ว ตอนนี้เจ้าแค่ต้องจําเอาไว้ว่า เจ้าเป็นคน ปราบสิ่งชั่วร้าย งานของเราเป็นงานใสสะอาด ทําในสิ่งที่ชอบธรรมทํางานแทนสวรรค์”
ถึงท่านนักพรตต์จะพูดถึงขนาดนี้ แต่ผมกลับยัง อึ้งไม่หาย
เรือทาสคืออะไร เป็นทาสบนเรือเหรอ แต่เห็น ได้ชัดว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ดูจากท่าทางของเหล่า เฟิงและท่านนักพรตต์แล้ว เจ้าเรือทาสนี้ น่าจะไม่ ได้ธรรมดาแบบนั้น
ดังนั้นผมเลยถามออกไปตรงๆ “เหล่า เหล่าเฟิง ท่านนักพรตคู่ ไอ้เรือทาสนี้ นี่มันคืออะไรงั้นเหรอ?”
พอท่านนักพรตคู่ได้ยินผมถาม เขาก็ถอน หายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
มุมปากของเหล่าเพิ่งกลับยกยิ้มขึ้นอย่างข่มขืน และดูถูกตัวเอง “มันเอาไว้ใช้เลี้ยงสัตว์ เป็นเรือผี ที่ต้องกินซากคนตายทุกวัน……”