ตอนที่ 341 เรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว
ตั้งเล็กจนโตผมก็อยู่ในภูเขามาโดยตลอดทิศเหนือคือเขาฉินทิศใต้คือเขาต้าปา
ไกลออกไปอีกหน่อยก็คือการตามอาจารย์ออกไปเสียนหยางแต่เราก็ยังไปช่วยดูที่ให้คนอื่นเหมือนเดิม
สำหรับทะเลใต้ผมก็แค่เห็นในทีวีเท่านั้น
ดังนั้นสำหรับเรือทาสเรือผีอะไรพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด
ในเวลานี้พอได้ยินเหล่าเฟิงพูดว่าเรือทาสก็คือเรือที่เอาไว้ใช้เลี้ยงสัตว์อาหารที่กินก็คือเศษ
ซากคนตายมันจึงทำให้ผมค่อนข้างตกใจหรือแม้แต่ตะลึงไปเลยทีเดียว
แต่เหล่าเฟิงไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดต่อไป
” ในความทรงจำของฉันฉันจำได้แค่ลางๆตอนนั้นฉันโดนช่วยขึ้นมาจากทะเลหลังจากนั้นก็โดนกัปตันบนเรือยังเอาไว้ที่ท้องเรือมันเป็นห้องที่มีดมิดราวกลับเป็นเหมือนผีบนเรือทุกครั้งที่ถึงช่วงเวลาหนึ่ง
ฉันจะโดดุดูดเลือดไปสังเวยให้สวรรค์และท้องทะเล”
” ในนั้นฉันไม่รู้ว่าตัวเองผ่านมาได้ยังไงฉันต้องออกทะเลทุกวันอาหารของฉันคือเศษซากเนื้อคนและพวกกระดูกเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่าจนกระทั่งสิบปีหลังจากนั้นฉันก็หนีออกมาได้……”
เหล่าเฟิงพูดช้าๆเขาแทบกัดฟันพูดนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเล่าเรื่องก่อนเจอท่านนักพรตต์ให้พวกเราฟัง
หลังจากได้ยินเรื่องพวกนี้ผมและท่านนักพรตตู้ก็อดเครียดขึ้นมาไม่ได้ในหัวมีแต่ความคิดมากมายในใจยิ่งมีไฟแห่งโทสะยิ่งกว่าเดิม
เหล่าเฟิงบอกว่าในมหาสุมทรผีเรือถูกเรียกอีกชื่อว่าวิญญาณเรือขอแค่วิญญาณเรื่อยังอยู่เรือก็จะไม่ล้ม
กัปตันเรือเชื่อว่าหากเลี้ยงวิญญาณเรือให้ร้ายกาจขึ้นเท่าไหร่โชคในการเดินเรือก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นวิญญาณใต้ท้องเรือเลยโดนเลี้ยงเนื้อและกระดูกคน
เมื่อมีวิญญาณเรือแล้วทุกครั้งที่ออกทะเลหรือเจอกับพายุลูกใหญ่พอเทเลือดสดๆของวิญญาณบนเรือลงทะเลทุกอย่างก็จะผ่านไปอย่างราบรื่น
ถ้าเป็นการตกปลาก็จะได้รับการคุ้มครองจากเทพมังกรและได้ปลากลับมาอย่างมากมายมหาศาล
ส่วนเหล่าเฟิงที่อยู่ในนั้นสิบปีก็ต้องใช้ชีวิตแบบนั้น
ในความมืดมิดเขาได้แต่อยู่ในห้องเล็กๆใต้ท้องเรือ
ส่วนกัปตันเรือคนนั้นก็ไม่ใช่ชาวประมงธรรมดาอะไรแต่เป็น” ไฮโถวเปียว”
ไฮโถวเปียวคืออะไรมันก็คือนักล่าไข่มุขวาฬและสมบัติในท้องทะเล
คนประเภทนี้ในชีวิตอยู่ในทะเลมาหลายปีเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล
หรือชอบทำตัวเป็นโจรสลัดฆ่าคนปล้นทรัพย์ทำชั่วในท้องทะเล
ในก้นเรือของพวกเขาผีเรือเก้าในสิบมีสภาพเหมือนเหล่าเฟิง
และคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีแค่ฝีมือที่ดีแต่ยังใช้มนต์คาถาเป็นอีกด้วย
เหล่าเฟิงถูกขังอยู่ในนั้นสิบปีเต็มๆ
ในช่วงสิบปีนี้คนที่อยู่เป็นเพื่อนและคอยปกป้องเขาอย่างลับๆก็คือพี่เฟิง
ไม่อย่างนั้นเหล่าเฟิงที่โดนจับมาขังนานขนาดนี้ก็คงเป็นบ้าใต้ท้องเรือไม่ก็ตายหรือโดนเลี้ยงจนกลายเป็นคนผิดปกติไปแล้ว
แน่นอนเจ้าไฮโถวเปียวพวกนั้นไม่รู้ว่าพี่เฟงมีตัวตนอยู่
และภายใต้เงื่อนไขแบบนี้ขณะที่เหล่าเฟิงค่อยๆโตขึ้นพลังของพี่เฟิงเองก็ค่อยๆสูงขึ้น
เมื่อเข้าปีที่สิบเรือบังเอิญเจอเข้ากับพายุลูกหนึ่งน้ำเข้ามาในเรือยันต์ที่ใช้สะกดไว้จึงถูกน้ำซัดออกไป
ด้วยเหตุนี้พี่เฟิงจึงใช้โอกาสนี้เปิดประตูฉุกเฉินแล้วพาเหล่าเฟิงออกมา
ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนพอดีบวกกับข้างนอกยังมีพายุด้วย
ด้วยการชี้นำจากพี่เฟิงเหล่าเพิ่งปล่อยเรือชูชีพแล้วกระโดดลงไปทันที
โชคดีที่ตอนนั้นพวกเขาอยู่ห่างฝั่งไม่มากนักพวกเขาลอยไปลอยไปและแล้วก็มาถึงฝั่งจนได้
เพราะเหล่าเฟิงใช้ชีวิตอยู่ใต้ท้องเรือที่มืดมิดมานานดวงตาเลยไม่ชินกับความมืดแสงแดดเพียงน้อยนิดก็จะทำให้เขาเจ็บตาทันที
บวกกับร่างกายที่อ่อนแอได้รับอาหารที่ไม่มีสารอาหารเพียงพอ
ตอนนั้นพี่เฟิงคอย” ดูแล” เหล่าเฟิงไม่น้อยแน่นอนถึงจะบอกว่าดูแลแต่ที่จริงแล้วมันก็เหมือนช่วยตัวเองนั่นแหละ
ถ้าเหล่าเฟิงตายพี่เฟิงในตอนนั้นก็จะต้องตายตามไปด้วย
ในเวลาเดียวกันนิสัยของเหล่าเฟิงเข้ากับพี่เฟิงไม่ได้เลยหลังจากหนีออกมาได้แล้วพี่เฟิงก็บอกให้เหล่าเฟิงใช้กำลังเพื่อจัดการปัญหา
แต่เหล่าเฟิงไม่เห็นด้วยความไม่ลงรอยระหว่างพี่เฟิงจึงมีใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
พี่เฟิงเองก็เริ่มดูถูกเหล่าเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆจนสุดท้ายก็กลายมาเป็นคำว่า” เจ้าขยะ” ที่พี่เฟิงพูดจนติดปาก
พอมาอยู่บนฝั่งได้สองสามเดือนเหล่าเฟิงก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับกลางวันและกลางคืนได้
และในคืนหนึ่งเหล่าเฟิงก็บังเอิญเจอเข้ากับท่านนักพรตต์ที่กำลังเดินไปตามชายฝั่งในเวลานั้น
ท่านนักพรตตู้เห็นเหล่าเฟิงอยู่คนเดียวน่าสงสารเลยเข้าไปคุยแล้วสุดท้ายก็พามาอยู่ข้างกายรับเขาเป็นศิษย์
และนี้ก็คือเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดและทรมานในช่วงสิบปีที่ผ่านมาที่เหล่าเฟิงไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน
และด้วยเหตุนี้เองมันเลยปลูกฝังนิสัยเงียบขรึมให้กับเหล่าเฟิงด้วยหรือแม้แต่นิสัยที่ค่อนข้างสันโดษแต่มันก็ทำให้เขามีความปรารถนาบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้
เพราะความทุกข์ตลอดสิบปีนั้นเหมือนเป็นแผลเป็นสำหรับเขาเหล่าเฟิงเลยไม่ยอมเปิดเผยหรือเอ่ยถึงเลย
แม้แต่ท่านนักพรตต์เขาก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง
ท่านนักพรตตู้เห็นเหล่าเฟิงไม่ยอมเล่าเขาก็เลยไม่ถามอีกเลย
และมันก็เป็นความลับแบบนี้ต่อมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงตอนนี้
จนกระทั่งวันนี้เหล่าเฟิงถึงได้ยอมพูดออกมาจากปาก
และหลังจากที่ผมและท่านนักพรตต์ได้ยินเรื่องพวกนี้ก็อดตกใจไม่ได้สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
คิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนที่เหล่าเพิ่งโดนขังเอาไว้ในห้องๆหนึ่งไร้เสียงไร้แสงมาเป็นสิบปีมันจะมีความรู้สึกยังไง
แม้แต่นักโทษในคุกยังมีเวลาได้ออกมารับลมรับแดดและยังได้พูดคุยกับนักโทษคนอื่นๆบ้าง
ถ้าเปลี่ยนมาเป็นผมอยู่ไม่ถึงสิบวันก็คงเป็นบ้าไปแล้วไม่ต้องพูดถึงสิบปีเลย
นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วความทรงจำก่อนโดนขังบนเรือแทบไม่มีอยู่ในหัวเหล่าเฟิงแล้วก็ว่าได้
แต่สิ่งที่ต่างออกไปหานเฉ่วเฟิงวิญญาณที่ถูกฝังเข้ามากลับจำเรื่องพวกนั้นได้
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมตอนเหล่าเพิ่งรู้ว่าพี่ชายตัวเองยังจำเรื่องก่อนห้าขวบได้แล้วถึงกระวนกระวาย
อยากรู้เรื่องทั้งหมดขึ้นมา
แต่ไม่ว่ายังไงพี่เฟิงก็ไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจหรือแม้ยังบอกอีกว่าตระกูลนั่นมันโหดเหี้ยมพ่อแม่โหดร้ายเห็นพวกเขาเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้นสุดท้ายก็จากไปพร้อมเรื่องแย่ๆ
หลังจากพูดเรื่องพวกนี้เหล่าเฟิงก็กลับไปพิงที่หัวเตียงเห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างเหนื่อย
เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาแล้วมองขึ้นไปบนเพดาน” เรื่องทุกอย่างกดดันฉันจนฉันแทบหายใจไม่ออกพอได้พูดออกมาแล้วฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ……”
หลังจากพูดจบเหล่าเฟิงก็สูบบุหรี่เข้าไปหนึ่งครั้งราวกับได้ปลดปล่อยภาระที่หนักอึ้ง
ผมยิ้มให้เหล่าเฟิง” เหล่าเฟิงตอนนี้นายก็ยังมีพวกเราอยู่ไม่ใช่เหรอ? อย่าคิดมากเลยมันผ่านมาแล้ว! ตอนนี้ขอแค่เราหาแก่นหยินแดงเจออีกสองแก่นพวกนายก็จะได้แยกกันอย่างสมบูรณ์แล้วพอถึงตอนนั้นนายก็จะเป็นเหมือนพวกเราอยู่อย่างอิสระ”
เหล่าเฟิงมองผมแล้วคลี่ยิ้มออกมา” หวังว่านะ
ต่อจากนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยเรื่องอื่นแทน
และมันก็คือเรื่องของเจ้าแมวเฒ่าและเรื่องที่เราเจอยัยแก่ในภายหลัง
ต่อมาผมยังประคองเขาออกไปเดินเล่นข้างนอกพอเห็นเขากลับมาสงบดังเดิมแล้วผมถึงออกมาจากร้านไป๋ฉ่าว
เรื่องราวชีวิตในอดีตของเหล่าเฟิงสามารถกล่าวได้ว่าน่าเวทนามากแต่ก็ยังโชคดีที่เขาได้มาเจอกับ
ท่านนักพรตต์และพี่เฟิงก็จะแยกจากเขาได้อย่างสมบูรณ์แล้วทุกอย่างต่างพัฒนาไปในทางที่ดี
แต่ผมกำลังคิดว่าครอบครัวของเหล่าเฟิงจะมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
ทำไมตอนนั้นเหล่าเพิ่งถึงลอยอยู่ในทะเลหรีอก่อนหน้านี้เรือของพวกเขาอับปางในทะเลเหรอ
เหล่าเฟิงเหมือนปริศนาชิ้นหนึ่งมีเรื่องราวมากมายที่พวกเรายังไม่รู้
ส่วนพี่เฟิงที่รู้ความจริงทุกอย่างกลับไม่ยอมบอกนี่จึงทำให้พวกเราสงสัยชาติกำเนิดของเหล่าเฟิงยิ่งกว่าเดิม
เป็นครอบครัวยังไงกันแน่ไม่เพียงสร้างร่างสองวิญญาณขึ้นมาได้แต่ยังมีวิชาลับที่ทำให้ทั้งสองแยกจากกันได้อีกด้วยช่างเป็นครอบครัวที่ร้ายกาจจริงๆ
แต่ทำไมพี่เฟิงถึงบอกว่าพวกเขาเป็นเครื่องมือและยังเป็นครอบครัวที่โหดเหี้ยมพ่อ
ขณะที่หัวกำลังคิดผมก็เดินมาถึงบ้านแล้ว
อาจารย์เห็นผมกลับมาแล้วเลยถามว่าเหล่าเฟิงดีขึ้นหรือยัง
ผมบอกว่าเขาฟื้นแล้วและเล่าเรื่องที่เหล่าเฟิงและพี่เฟิงพูดออกมาเมื่อก่อนหน้ากับเรื่องชีวิตในอดีตของ
เหล่าเฟิงให้อาจารย์ฟัง
พออาจารย์ฟังจบก็ทำหน้าตกใจในทันทีและไม่คิดว่าเหล่าเฟิงจะเคยเจอเรื่องแบบนี้มา
แต่หลังจากตกใจเสร็จแล้วอาจารย์กลับพูดว่า” ถึงฉันจะไม่เคยไปทะเลใต้แต่ฉันก็รู้ว่าที่ชายฝั่งมีสำนักสำนักนึ่งตั้งอยู่เก่งเรื่องวิชาผีทะเลใต้ชอบเลี้ยงผีและวิชาของสำนักนี้ก็สืบทอดในคนในตระกูลไม่สอนคนนอก”
” และไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตาของเสี่ยวเฟิงก็ดูเหมือนพวกเราทุกอย่างไม่เหมือนคนทะเลใต้
แต่หานเฉ่วเฟิงกลับใช้วิชาแปลกประหลาดแยกวิญญาณของทะเลใต้ได้ฉันละสงสัยจริงๆบางทีเสี่ยวเฟิงอาจเป็นคนในตระกูลนั้นก็ได้……”