เมื่อผมเห็นอาจารย์หยิบเข็มทิศออกมา ก็เผยท่าทางสงสัย
“อาจารย์ เข็มทิศของอาจารย์เอาไว้ดูฮวงจุ้ยมันก็โอเคอยู่นะครับ แต่เจ้านี้จะใช้ไล่ตามยัยผีนั้นได้เหรอครับ”
เพราะในตอนนั้น ความรู้ของผม ยังมีแค่เรื่องฮวงจุ้ยเท่านั้น นอกจากดูฮวงจุ้ยวางตำแหน่งหมู่ดาวแล้ว ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก
เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “คืนนี้อาจารย์จะสอนศาสตร์ 24 ทิศไล่ล่าวิญญาณ!”
ตอนที่อาจารย์พูด เขาเหมือนกับวีรบุรุษคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก
“ศาสตร์ 24 ทิศไล่ล่าวิญญาณ” นี่เป็นชื่อที่ผมเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ตอนนั้นผมจึงตกตะลึงไปในทันที
แม้ไม่รู้ว่าอาจารย์จะทำยังไง แต่ตอนนี้แค่ได้ยินชื่อ ผมก็รู้สึกว่ามันเจ๋งมากแล้ว
ผมพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกตัวว่า “ยี่ ยี่สิบสี่ทิศไล่ ไล่ล่าวิญญาณ”
“ถูกต้อง! ศาสตร์ 24 ทิศไล่ล่าวิญญาณ ยัยผีนั้นถูกฝ่ามือยันต์ของฉันเข้าไป ถึงตอนนี้เธอคิดจะหนีก็หนีไม่พ้นหรอก!” หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ถือเข็มทิศไว้ในมือข้างเดียว จากนั้นก็ยื่นมือออกมา
ใบหน้าของเขามืดมนลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูด “กาน เจิ้น ข่าน คุน ฉวี๊น หลี ตุย วิชา 24 ทิศไล่ล่าวิญญาณ เริ่มได้!”
เสียงของอาจารย์พึ่งจางหาย เขาก็ใช้นิ้วชี้ไปที่เข็มทิศ
ทันใดนั้น ฉากประหลาดๆก็เกิดขึ้น
เข็มทิศที่ไม่ขยับ ในวินาทีนั้นมันกลับหมุนทวนอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากผ่านไปไม่กี่วิ เข็มทิศก็ได้หยุดลง
เมื่ออาจารย์เห็นสิ่งนี้ เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ตามฉันมา!”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องโถง
ผม นักพรตตู๋ เฟิงเฉ่วหานสามคนไม่กล้าชักช้าลีลา รีบตามเขาออกไปทันที
อาจารย์ถือเข็มทิศเอาไว้ หาทิศทางที่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าทันที
พวกเราเดินมาทางทิศตะวันตก ไล่ตามมาออกมาจากหมู่บ้านเล็กๆ
เพราะพื้นที่ของวิลล่าอยู่ในเขตชานเมือง ดังนั้นหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเราก็เข้าสู่พื้นที่ป่าขนาดเล็ก
แต่อาจารย์ยังไม่หยุดเดิน เขายังคงมุ่งหน้าต่อไป
ระหว่างทาง อาจารย์พูดเรื่องศาสตร์ไล่ล่าวิญญาณให้ผมฟังเพียงไม่กี่ประโยค
สำหรับวิชานี้ ก็มีเพียงพื้นฐานเดียวเท่านั้นที่ต้องทำความเข้าใจ
อาจารย์บอกว่าศาสตร์ไล่ล่าวิญญาณ ต้องใช้ประสานกับยันต์ฝ่ามือ ตำแหน่งของเข็มทิศ ตำแหน่งปากัว มุมของทิศทั้ง 24 ด้าน ต้องนำทั้งสี่อย่างนี้รวมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็จะสามารถไล่ตามได้แล้ว
ที่จริงแล้วมันก็คล้ายกับ GPS ในมือถือ แค่ยุ่งยากกว่า และยังต้องใช้วิชาในลัทธิเต๋าเข้าช่วยด้วย
ในนั้นยังมีรายละเอียดอีกมาก แต่ตอนนี้เขาไม่สะดวกที่จะพูด
แต่หลังจากที่พวกเราไล่ตามมาจนถึงในป่า กลับรู้สึกว่าในป่ามีพลังหยินแรงมาก ยิ่งเดินไปข้างหน้าก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงพลังหยินของที่นี่
ภายใต้แสงของท้องฟ้า พวกเราสามารถมองเห็นหมอกสีขาวๆที่รายล้อมอยู่รอบตัว
มันเป็นเพราะพลังหยินแรงมาก จึงควบแน่นจนกลายเป็นสิ่งนี้
อาจารย์ยังคงก้มหน้ามองเข็มทิศอย่างต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนเส้นทาง แต่แล้วเขาก็เดินกลับไปกลับมาอยู่สองสามครั้ง
เมื่อนักพรตตู๋เห็นแบบนั้น เขาก็ถามอาจารย์ว่า “ท่านนักพรตติง มีปัญหาอะไรรึป่าว”
อาจารย์ขมวดคิ้ว “ยัยผีนั้นต้องรู้แน่ว่าพวกเรากำลังตามอยู่ ดังเธอเลยเปลี่ยนทิศทาง คงอยากจะสลัดพวกเราให้หลุด!”
“อ่อ! งั้นพวกเรารีบเดินกันเถอะ คืนนี้จะให้เธอหนีไปไม่ได้!” นักพรตตู๋พูดต่อ
อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรงไปข้างหน้า
ผ่านไปประมาณ 5 นาที พวกเราก็เดินออกมาจากป่า มาถึงเนินเขารกร้างลูกหนึ่ง
เมื่อมองขึ้นไป กลับพบว่าเนินเขาลูกนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมินไร้ซึ่งแสงจันทร์
จากนั้นอาจารย์ก็หันกลับมามองเข็มทิศอีกครั้ง อยากมองตำแหน่งให้แน่ใจอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นเอง เข็มของเข็มทิศกลับเป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆมันก็เริ่มหมุนไปรอบๆ
“อาจารย์ นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
อาจารย์แสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ยันต์ฝ่ามือนั้นถูกคนทำลายแล้ว!”
“ทำลายแล้ว งั้นเบาะแสของเราก็หายไปซิครับ!” เฟิงเฉ่วหานเริ่มพูดบ้าง เขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
พวกเราตามกันมานานขนาดนี้ ตอนนี้เบาะแสกลับถูกตัดไปดื้อๆ แล้วแบบนี้พวกเราจะทำยังไงดีละ
แต่อาจารย์กลับพูดว่า “ไม่ต้องใจร้อน พลังหยินของภูเขาลูกนี้แรงมาก ยัยผีนั้นจะต้องอยู่บนยอดเขาแห่งนี้แน่!”
“อือ! งั้นพวกเราขึ้นไปกันเถอะ จะต้องเจอเบาะแสแน่!” นักพรตตู๋พูด
ตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงเท่านี้
ในเวลานี้ พวกเราทั้งสี่คนจึงเริ่มเดินขึ้นเขา
เนินเขาลูกนี้ไม่ใหญ่มาก เมื่อบวกกับพลังอันชั่วร้ายของผีสาวที่แรงมาก
ทุกคนจึงตัดสินใจใช้ระดับพลังอันชั่วร้ายนี้ ในการตัดสินทิศทาง
พวกเราขึ้นเขามาได้ประมาณ 20 นาทีกว่าๆ จู่ๆนักพรตตู๋และอาจารย์ที่เป็นคนนำอยู่ด้านหน้าก็หยุดเดิน พวกเขาเอื้อมมือมาจับแขนของพวกเราไว้
ในเวลาเดียวกัน ผมก็เห็นอาจารย์หันมา “ชู่! ข้างหน้ามีการเคลื่อนไหว!”
ขณะที่พูด อาจารย์และนักพรตตู๋ก็เดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทำท่าเหมือนขโมย เดินไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง
ผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็เดินตามไปข้างหลัง ไม่กล้าทำเสียงดัง ทุกก้าวที่เดิน จะลงน้ำหนักเท้าให้น้อยที่สุด
ผ่านไปแค่แป๊บเดียว อาจารย์และนักพรตตู๋ก็ค่อยๆแหวกพุ่มหญ้ารกทึบที่อยู่ข้างหน้าออกมาทีละน้อย
วินาทีที่พุ่มหญ้าถูกแหวกออก ทันใดนั้นตรงหน้าของพวกเรา ก็มีคนสองคนปรากฎตัวขึ้น
ผมก็ไม่แน่ใจ พวกเขาน่าจะเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง หรือผีสองตน
ผู้หญิงนั้นไม่ใช่ใครอื่นเธอก็คือผีที่พวกเรากำลังไล่ตามอยู่ คุณหนูเหวินนั้นเอง
ส่วนผู้ชายอีกคน กลับเป็นคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
แต่สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ ตอนนี้คุณหนูเหวินกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของผีผู้ชาย ร่างกายสั่นเทา เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังกลัวสุดๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หรือว่าผีผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างงั้นเหรอ
แต่ผมว่ามันไม่ถูกนะ! เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงแล้วตะปูทุกข์ระทมที่อยู่ตรงหัวของคุณหนูเหวินจะอธิบายว่ายังไงละ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผีจะสามารถทำได้
พวกเราไม่พูดอะไร แต่กลับซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ คอยจับตาดูพวกเขา
ทันใดนั้น พวกเราก็ได้ยินคุณหนูเหวินพูดกับผีผู้ชายที่มีหน้าตาดุร้ายว่า “พรุ่ง พรุ่งนี้ฉันจะระวังให้มากกว่านี้ จะไม่ทำให้เจ้านายต้องผิดหวังคะ!”
คุณหนูเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว ดูเหมือนเธอจะกลัวผีผู้ชายมาก
“แกมันไม่ได้เรื่อง! บอกให้แกไปฆ่าคนทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้ฮะ ทั้งที่ยังไม่ได้โดนสะกดแท้ๆ” หลังจากพูดจบ เขาก็เตะเข้าที่ใบหน้าของคุณหนูเหวิน
คุณหนูเหวินกรีดร้องออกมา เธอล้มลงไปกับพื้นทันที
แต่ผีผู้ชายยังไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาใช้เท้าเหยียบที่หน้าของเธอเอาไว้ “ถ้าไม่ใช่เพราะแกสวย ฉันกินแกเพื่อเพิ่มพลังไปนานแล้ว!”
แต่คุณหนูเหวินกลับไม่ปัดป้องผีตนนั้น เธอตัวสั่นไปหมด
ไอ้ผีชั่วนี้สมควรตายจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีวิญญาณที่ชั่วร้ายกว่าคุณหนูเหวินอยู่
และคำพูดของผีผู้ชายตนนี้ ยังตรงกับสิ่งที่อาจารย์และนักพรตตู๋เดาไว้ด้วย
เบื้องหลังการตายที่ไม่คาดฝันของคุณหนูเหวิน ยังมีเงื่อนงำอยู่จริงๆ
หลังจากผีผู้ชายใช้เท้าเหยียบคุณหนูสองครั้ง เขาก็ค่อยเอาเท้ากลับมา “ลุกขึ้นมา ช่วงนี้ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี มาเป็นตัวระบายความโกรธให้ข้าทีซิ!”
ขณะที่พูด สีหน้าของผีผู้ชายก็เปลี่ยนไปทันที เขาเผยสีหน้าที่ชั่วร้ายออกมา
แต่คุณหนูเหวินกลับแสดงสีหน้าที่หวาดกลัว เธอถอยหลังอย่างต่อเนื่อง “เจ้า เจ้านาย ขอร้อง ขอร้องอย่า……”
“อย่างั้นเหรอ แกกล้าพูดว่าอย่ากับฉันงั้นเหรอ ฮึ! กล้านักนะนางนี้……” ขณะที่พูด ผีผู้ชายตนนั้นก็ใช้กำลังทันที
ผมทนดูต่อไปไม่ไหว ขณะที่ผมจะพูดออกมา
แต่ไม่รอให้ผมได้ลงมือ “ซ่าซ่า” อาจารย์และนักพรตตู๋ก็กระโดดออกไปทันที
อาจารย์ยกดาบไม้ขึ้น และตะโกนว่า “ดูเหมือนแกจะเป็นผีชั่วที่กล้าดีนิ คืนนี้ฉันจะลงโทษแทนฟ้า ตัดหัวแกซะ!”