ตอนที่ 399 ฟื้นตัว
รายการเรื่องสยองในเมืองเป็นรายการประจําท้องถิ่นของพวกเรามันน่าสนใจมากและได้เรตติ้งสูงมากอีกด้วย
มันเองก็เป็นหนึ่งในรายการที่พูดถึงเรื่องลึกลับหลังจากนั้นก็จะเชิญ“ผู้เชียวชาญ”สองสามคนออกมาวิเคราะห์สุดท้ายก็จะมีคําอธิบายทางวิทยาศาสตร์ออกมา
สําหรับรายการประเภทนี้ผมดูเป็นครั้งคราวสนใจอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับติดคิดว่าคนที่พวกเขาเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญก็เป็นแค่คนไร้สาระเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องเมื่อคืน จะมาอยู่ในรายการ
วันนี้อารมณ์ดีพอสมควร อาจารย์เห็นผมตื่นแล้วเลยเรียกผมมาทานอาหารเช้าและถามเรื่องอาการบาดเจ็บกับผม
ผมบอกว่าหลังจากกินยาหลงเฉียนเข้าไปเมื่อวานร่างกายก็ดีขึ้นเยอะและยังรู้สึกมีพลังสุดๆ
อาจารย์พยักหน้ารัวๆ บอกว่าของสิ่งนี้เป็นของล่าค่า ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้
ตอนนี้ให้ผมกินไปแล้วหนึ่งเม็ดเลยบอกว่าสองสามวันนี้ให้ผมพักฟื้นร่างกายให้ดีๆในเวลาเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ฤทธิ์ยาหลงเฉียนเสียไปเปล่าๆ
ยิ่งเป็นของล้ําค่าแบบนี้ ฤทธิ์ยาก็ยิ่งแรง
อาจารย์บอกว่า การฝึกของพวกเรา ส่วนหนึ่งคือการคลายพลังฟ้าดินขับเคลื่อนลมปราณที่จุดตานเถียน
ขยายเส้นลมปราณ เสริมพลังลมปราณของตัวเอง
อย่างที่สอง ก็คือการพัฒนาศักยภาพและกําลังของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
การใช้ของล้ําค่าแบบนี้ ก็ถือเป็นการช่วยพัฒนาตัวเองอีกทางหนึ่งดูดซับได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นมันต้องช่วยเราได้อย่างแน่นอน
ช่วงนี้อาจารย์บอกให้ผมอย่าเอาแต่อยู่ว่างๆมีเวลาก็ฝึกฝนตัวเองจะปล่อยให้ของล้ําค่าแบบนี้เสียเปล่าไม่ได้
สําหรับค่าพูดของอาจารย์ ผมเห็นด้วยสุดๆ
ระหว่างกินข้าว ผมก็ถามเกี่ยวกับศพสองศพที่ขนกลับมาเมื่อคืน
อาจารย์บอกให้ผมไม่ต้องห่วงอะไรแล้วทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว
หลังจากจางจีเทาโดนเผาเหลือแต่เถ้าแม้แต่กระดูกชิ้นเดียวก็ไม่มีเหลือ
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
หลังเต็มท้องเต็มแล้ว ผมก็โทรไปหาเหล่าเฟิงถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง
เหล่าเฟิงบาดเจ็บไม่หนัก เพียงแค่มีแผลภายนอกประเด็นหลักเป็นเพราะโดนเจ้าสัตว์ประหลาดเมื่อคืนดูดพลังหยางไปดังนั้นเมื่อคืนเลยอ่อนแรงแบบนั้น
ต่อจากนี้ เขาก็แค่ออกกําลังกายให้เยอะกว่าเดิมบํารุงร่างกายดีๆ และออกไปตากแดดพลังก็จะกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
ไม่เหมือนผม เส้นเอ็นบาดเจ็บหนักต้องพักรักษาตัว
เรื่องก็เป็นแบบนี้ หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ผมแทบไม่ได้ออกจากบ้าน กินข้าวนอนหลับฝึกเดินลมปราณวนอยู่แบบนี้
ฤทธิ์ของยาหลงเฉียนเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้ผลของมันแรงมาก
ไม่ว่าผมจะฝึกยังไง แม้จะเหงื่อไหลเหมือนน้ำรอบแล้วรอบเล่าแต่ตัวผมกลับเต็มไปด้วยพลัง
แทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดและมันยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย
สมแล้วที่ถูกเรียกว่า“น้ำลายมังกร”สมชื่อจริงๆ
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น ร่างกายของผมก็ดีขึ้นมาก
หน้าก็ไม่เจ็บขนาดนั้นแล้วแผลภายนอกก็หายจนเกือบหมดแล้ว พละกําลังก็ดูจะฟื้นกลับมาแล้ว
หรือแม้แต่กลับมาอยู่บนพื้นฐานเดิมพลังเสถียรขึ้นไม่น้อยพลังที่จุดตานเถียนก็ดูจะหนาขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ผมเห็นตัวเองดีขึ้นเยอะแล้วเลยคิดว่าจะไปที่ป่าก๋ยหม่า
ตอนกลับมา มู่หลงเหยียนบอกผมว่าถ้าดีขึ้นแล้วก็ให้ไปที่จวนมู่หลง
ถึงไม่รู้ว่าไปทําไมแต่ผมก็คิดว่ายังไงก็ต้องไป
อีกอย่างผมก็ไม่ได้ไปนานแล้วไม่รู้ว่าช่วงนี้มู่หลงเหยียนเป็นยังไงบ้าง
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเธอเก็บตัวต่อจากนั้นก็ได้ยินว่าเธอฝึกล้มเหลว
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วไม่รู้ว่าเธอดีขึ้นบ้างไหมหรือเป็นยังไงบ้างแล้ว
ผมคิดแบบนั้น ในเวลาเดียวกันหลังกินข้าวเย็นเสร็จฟ้าเริ่มมืดผมก็ออกจากร้านเดินตรงไปที่ป่าก๋ยหม่า
เพิ่งหัวค่ํา ผมเลยไม่รีบร้อน เดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ
พอผมมาถึง ก็เป็นเวลาประมาณหนึ่งทุ่มได้
เวลากําลังพอดี ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป
ป่ากุ่ยหม่ายังคงเหมือนเดิน น่าขนลุกไม่เปลี่ยนรอบๆเต็มไปด้วยหลุมศพ ธงไว้อาลัยเงินกะดาษและอื่นๆ
ผมชินชากับของพวกนี้แล้วเลยไม่ได้สนใจเดินของผมต่อไปเรื่อยๆ
พอผมมาถึงส่วนลึกของป่ากุยหม่าเห็นจวนมู่หลงอีกครั้งผมก็กลับพบว่ามันยังเหมือนเดิมไม่มีผิด
ถึงช่วงสองสามวันนี้จะมีหิมะตกรอบๆมีหิมะหนาเป็นสิบเมตรแต่หน้าจวนมู่หลงยังคงเป็นเหมือนเดิม
สิงโตสองตัว ทางเดินหิน ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวม่วงแดงทั้งสามสีหน้าประตูทั้งสองข้างประดับด้วยโคมไฟแดงอันใหญ่พร้อมด้วยประตูบานใหญ่และบ้านหลังโต
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตรงเข้าไปทันที
เมื่อมาถึงหน้าประตูผมก็เคาะประตู“ก๊อกๆๆ”เสียงดังก้องไปรอบๆ ผ่านไปไม่นานประตูก็เปิดออก
แต่คราวนี้คนที่มาเปิดประตูให้ผมไม่ใช่ยายโม่แต่เป็นสาวใช้คนกระดาษหน้าขาวตัวหนึ่ง
เมื่อเธอเห็นว่าเป็นผมก็รีบทํามือคารวะผมหนึ่งครั้งแล้วพูดอย่างเคารพ “คารวะนายท่าน !”
ผมรู้ว่าเธอเป็นคนกระดาษแต่ผมยังยิ้มให้ “ไม่ต้องทําขนาดนั้นก็ได้ พาฉันไปหาคุณหนูของเธอหน่อย !”
พอหุ่นกระดาษได้ยินผมพูดแบบนั้นเธอก็พูดกับผมด้วยความสุภาพ“นายท่านตอนนี้คุณหนูกําลังคุยกับแขกอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ท่านตามบ่าวเข้ามาก่อนแล้วบ่าวจะไปรายงานให้ท่านเจ้าค่ะ
คุยกับแขก ผมเงียบไปพักหนึ่งแต่ก็ไม่คิดมาก
มู่หลงเหยียนเป็นคนทรยศที่หลบหนีออกมาจากองค์กรตาผีแถมเธอยังมีตําแหน่งสูงอีกด้วย
ตอนนี้เธอยังกําลังวางแผนโจมตีสาขาย่อยขององค์กรตาผีมีแขกก็เป็นเรื่องปกติ
ผมเองก็ไม่พูดมาก เพียงพยักหน้าจากนั้นก็ตามสาวใช้คนกระดาษเข้าไปรอในห้องรับแขกห้องหนึ่ง
หลังจากนั่งลง สาวใช้ก็รินชาให้ผมแล้วจากนั้นก็ออกไปทันที
เจ้าสิ่งนี้เป็นของจริง สามารถดื่มได้เพียงแค่ถ้วยชาที่งดงามนี้พรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นถ้วยชาเน่าๆพังๆแทน
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสําคัญผมยกถ้วยชาขึ้นจิบหนึ่งคําแต่ก็ชิมไม่ออกว่ามันคือชาอะไรเพียงรู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกที่สดชื่นมาก
เดิมที่ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวมู่หลงเหยียนก็คงจะมาหาแต่หลังจากรอแล้วรออีกจนเห็นว่าเกือบจะห้าทุ่มแล้ว
แต่มู่หลงเหยียนก็ยังไม่มาสักที
ผมก็เริ่มหัวร้อนแล้ว จึงเดินไปเดินมาในห้อง
แต่ทันใดนั้นเอง ผมกลับได้ยินเสียงทะเลาะดังมาจากลานบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านานแล้ว !”
“เหรอ ! งั้นก็อย่าลีลาอยู่ซิ !”
“คุณชายทั้งสอง มีอะไรพูดกันดีๆ !”
“ใช่ใช่ใช่ ศัตรูมาจ่ออยู่หน้าบ้าน เราต้องสามัคคีกันซิ !”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงทะเลาะ ผมเลยเงี่ยหูฟังทันที ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ผมเองก็ว่างอยู่ เลยตัดสินใจเดินออกจากห้อง ตามหาต้นเสียงพวกนั้นทันที
ผมพบว่าสถานที่ทะเลาะก็คือห้องโถงหลัก ห้องที่มู่หลงเหยียนใช้ประชุมกันนั่นเอง
ผมมาถึงที่ประตูด้านข้าง ยืนแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
เห็นเพียงพื้นที่โล่งๆในห้องโถง ตอนนี้กําลังมีใครหลายคนยืนอยู่ในนั้น
แต่ถ้าลองมองดีๆจะพบว่า คนพวกนี้ แต่ละคนไม่ใช่มนุษย์เลยสักคน พวกเขาทั้งหมดเป็นคนตาย
หนึ่งในนั้น ผมเห็นมู่หลงเหยียนตั้งแต่วินาทีแรก
นอกจากน้องศพจะชอบระเบิดอารมณ์ใส่ผม ภายนอกยังเป็นคนสวย ท่าทางและคําพูดต่างดูมีออร่า
แต่ตอนนี้เธอกําลังพูดอะไร เพราะอยู่ไกลมาก ผมเลยไม่ค่อยได้ยิน
แต่ดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาน่าจะก่าลังทะเลาะกันอยู่
ผมสังเกตอยู่พักหนึ่ง พบว่าพวกเขากําลังทะเลาะกันอยู่จริงๆ คนที่ทะเลาะน่าจะเป็นผีหนุ่มสองคน
มีตนหนึ่งที่ผมรู้จัก เขาก็คือเย่เฟิง “หนึ่งในขุนศึกทั้งห้า” อะไรนั้น
หรือก็คือคนที่คิดจะตีท้ายครัวบ้านผม ครั้งก่อนก็เอาคําพูดเหลวไหลไปกลอกหูน้องศพบอกว่าผมกับ
ฉียเจ๋งจึงมีความสัมพันธ์บางอย่าง พากันหอบผ้าเข้าไปในพุ่มไม้
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะผมมีพลังไม่พอ ผมคงคิดบัญชีกับเจ้าหมอนี่ไปนานแล้ว
วันนี้เจ้าหมอนี่ยังคงทําท่าหยิ่งยโส ทําตัวเหนือกว่าคนอื่นเหมือนเดิม
ส่วนผีที่เขามีเรื่องด้วย ก็เป็นผู้ที่ยังดูหนุ่มอยู่
ภายนอกผีตนนี้ดูหล่อและเท่มาก ท่าทางดูยิ่งใหญ่เหมือนกัน
ทั้งสองคนต่างทําหน้าไม่สบอารมณ์ ตอนนี้กําลังโดนผีหลายตัวห้ามเอาไว้
สถานการณ์ตึงเครียด เหมือนจะปะทะกันได้ตลอดเวลา
เพราะผมอยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เลยไม่สนอะไรมาก เดินเข้าไปใกล้กว่านี้ทันที……