ตอนที่ 401 โลกผีบนโลกมนุษย์
คําพูดของมู่หลงเหยียนทําให้ผมได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกผีในปัจจุบัน
เมื่อก่อนผมเข้าใจแค่ว่า โลกผีบนโลกมนุษย์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าวิญญาณเร่ร่อนหรือไม่ก็พวกผีร้ายวิญญาณอาฆาต
แต่ต่อมาผมก็ได้พบว่า มันไม่ได้เป็นอย่างงั้น
ในบรรดาผี ยังมีวิญญาณที่ฝึกตนผีพวกนี้เป็นพวกที่ไม่สามารถลงไปในยมโลกหรือไม่ก็ยังไม่อยากลงไป
พวกเขามีความสามารถในการฝึกฝนกลายเป็นผีที่ฝึกบําเพ็ญตนบนโลก
ผีที่แข็งแกร่งอาจกลายเป็นแบบมู่หลงเหยียนหรือพวกบอสของสุสานต่างๆ ไม่ก็ผู้นําของหุบเขาบางแห่ง
แต่คืนนี้ผมได้เปิดโลกใหม่อีกครั้ง
ในโลกของผี ผีที่บําเพ็ญตนเป็นเหมือนกับพวกมนุษย์อย่างเราๆ พวกเขาเองก็มีระบบเป็นของตัวเอง
และยังมีการเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างพวกเขา
และฉายา “ขุนศึกทั้งห้า” นี้ก็เป็นหนึ่งในระบบเหล่านั้นและเป็นสิ่งที่บ่งบอกบารมีอีกด้วย
ม่หลงเหยียนบอกว่า เหตุผลที่ต้องมีฉายาแบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อทําให้ผีที่บําเพ็ญทุกฝ่ายมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อยากแรกคือ บนโลกของผีต้องการผู้ที่แข็งแกร่งอย่างที่สองก็คือ เอาไว้ปกป้องตัวเอง
เช่นผีร้ายบางตัว มักกินผีที่คล้ายกันหรือฝึกวิชาแบบเดียวกัน
ถ้ามีคนปราบสิ่งชั่วร้ายกําจัดให้ก็ว่าไปอย่าง แต่ลัทธิเต๋ในสมัยนี้เข้าสู่ยุคที่ตกต่า พวกเขาจึง ต้องคิดวิธีปกป้องตนเองขึ้นมา
ดังนั้นผีฝึกตนที่แข็งแกร่งจึงกลายเป็นที่พึ่ง ผีที่แข็งแกร่งพวกนี้ สามารถปกป้องพวกที่อ่อนแอ กว่าได้
บวกกับการกลับมาเคลื่อนไหวในช่วงหลายร้อยปีนี้ขององค์กรตาผี พวกมันพยายามค้นหาผู้ที่ ฝึกตนหรือวิญญาณที่แข็งแกร่ง ไปใช้เป็นหุ่นเชิด
เมื่อเป็นแบบนี้ ในโลกของผี ก็กราบไหว้ผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
แต่น่าเสียดายปริมาณผีที่ฝึกตนได้มีน้อยมาก ส่วนใหญ่ล้วนตกต่ําจนกลายมาเป็นผีเร่ร่อน
หลังจากเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว ตรงหน้าผมก็เหมือนได้เห็นโลกผีใบใหม่
แน่นอน หากย้อนกลับมา
คนเป็นสัตว์สังคม แม้จะตายแล้วก็ยังเป็นแบบนั้น แต่ขอแค่อยู่เป็นกลุ่ม ก็จะมีการแบ่งชนชั้น หรือสังคมเกิดขึ้น…..
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสําคัญ สิ่งสําคัญคือตอนนี้มู่หลงเหยียน และพวกหุ่นเชิดที่หนีออกมา จากองค์กรตาผีได้ กําลังเริ่มติดต่อกับผีที่ฝึกตนทุกฝ่าย
ขอแค่สามารถรวมพลังกับผีพวกนี้ สู้กับองค์กรตาผีได้ พวกเธอก็จะมีชิปต่อรองมากกว่าเดิม
พอพูดมาถึงตรงนี้ มู่หลงเหยียนก็พูดลงรายละเอียดอีกหน่อย “การโจมตีสาขาองค์กรตาผี คราวนี้ นอกจากพวกเราที่หนีออกมาจากองค์กรตาผีได้แล้ว เรายังติดต่อกับพวกผีที่ฝึกตน หวังว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา ! ดังนั้นก็เลยเชิญเย่เฟิงและหลี่ซ่มา”
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็เข้าใจเรื่องราวพอสมควร จึงพยักหน้า และพูดกับมู่หลงเหยียนว่า “น้องศพ คราวนี้ที่ฉันมาก็เพราะมีเรื่องอยากจะมาพูดกับเธอพอดี !”
“โห มีเรื่องอะไรเหรอ ?” มู่หลงเหยียนพูดด้วยความสงสัย
“ยังจ่านักพรตสองคนในคืนนั้นได้ไหม ?”
“อ่อ จําได้ นักพรตทั้งสองท่านนั้นมีพลังสูงส่ง ยากจะเอื้อมถึง !” มู่หลงเหยียนยกย่องพวกเขา
“ใช่ พลังของผู้อาวุโสทั้งสองคนสูงมาก และต่อมาฉันยังไม่รู้ฐานะของพวกเขา หนึ่งในนั้นคือ ท่านหลงฉวนตัวจริงบุคคลลึกลับในโลกแห่งเต๋ เขาก็คือผู้ชายที่ค่อนข้างล่าบิกคนนั้น ส่วนอีกคน ชื่อว่าฉันเย่ ตอนนี้เราเดาว่าเขาเกี่ยวข้องกับสํานักไปชั่วกง และก็ไม่ได้ร้ายกาจน้อยไปกว่าท่าน หลงฉวนอีกด้วย……” ผมเล่าอย่างช้าๆ
พอมู่หลงเหยียนได้ยินคําว่าสํานักไปฮัวกง เธอก็อดทําหน้าตกใจออกมาเล็กน้อยไม่ได้ ใน ขณะเดียวกันก็พึมพําออกมาว่า สํานักไปฮัวกง ! นั้นมันบิ๊กบอสของจริงเลยนะ
ตอนนั้นผมได้ยินไม่ชัด เลยถามว่ามู่หลงเหยียนพูดอะไร
มู่หลงเหยียนกลับยิ้มอ่อน “ไม่มีอะไร ! นักพรตฉันที่นายพูดถึง แข็งแกร่งมากจริงๆนั่นแหละ ถึงจะไม่ได้ลงมืออะไรมากมาย แต่ตอนเขาใช้พลังรักษาอาการบาดเจ็บของนาย ฉันก็รู้ทันทีว่า เขาไม่ธรรมดา ! แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับสํานักไปฮัวกง”
ดูเหมือนมู่หลงเหยียนจะรู้จักเจ้าสํานักไปชั่วกงนพอสมควร แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่ พูดต่อ
“อ๋อ ใช่นักพรตฉันร้ายกาจมาก และก่อนเขาจะจากไป ยังบอกว่าจะไม่เก็บตัวแล้ว จะไปทําให้ องค์กรตาผีเห็นดีสักหน่อย”
พอมู่หลงเหยียนได้ยินแบบนั้น ก็ทําหน้าดีใจขึ้นมาทันที “จริงเหรอ ?”
“จริงซี นักพรตฉันพูดเองเลยนะ !”
จู่ๆมู่หลงเหยียนก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา “เยี่ยมไปเลย พลังของท่านนักพรตทั้งสองไม่อาจประเมินได้ ถ้าพวกเรายอมไปสู้กับองค์กรตาผีจริงๆ งั้นแผนแก้แค้นของพวกเรา ก็จะคืบหน้าไปก้าวใหญ่ๆ แล้ว”
พอเห็นมู่หลงเหยียนทําท่าทางดีใจ ตัวผมเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย
หลังม่หลงเหยียนดีใจเสร็จ เธอก็เริ่มพูดกับผมอีกครั้ง “ใช่แล้วเจ้ากาก ร่างกายนายเป็นยังไง บ้าง ?”
“อ่อ พอกลับถึงบ้านฉันก็กินยาหลงเฉียนเข้าไปหนึ่งเม็ด ตอนนี้เกือบหายเป็นปกติแล้ว” หลัง จากพูดจบ
ผมก็ทําท่าทางว่าตัวเองสบายดีสองสามท่า
มู่หลงเหยียนเห็นลมหายใจของผมคงที่ เปี่ยมไปด้วยพลัง เธอก็ค่อยๆพยักหน้า “ฟื้นตัวแล้วก็ ดี คราวนี้ที่ให้นายมาหา เพราะอยากคุยกับนายเรื่องน้ำลี่ลั่ว !”
พอได้ยินคําพูดนี้ ผมก็เข้าโหมดจริงจังในทันที “พอดีเลย ฉันเองก็อยากคุยเรื่องนี้กับเธอ ฉัน กะว่าจะไปที่เขาเขี้ยวหมาป่าในอีกสองสามวันข้างหน้า คืนนี้ที่มาหา ก็เพราะอยากมาหาเธอ….”
พอมู่หลงเหยียนได้ยินสิ่งที่ผมพูด ดวงตาของเธอก็สั่นไหว เหมือนจะตกใจเล็กน้อย หรือแม้ แต่ดูเขินเลยก็ว่าได้
พอเห็นมู่หลงเหยียนเป็นแบบนั้น ผมก็รีบพูดต่อทันที “ดูว่าเธอหายดีหรือยัง หลังจากนั้นยัง อยากรู้เรื่องสาขาย่อยขององค์กรตาผีนั่นเพิ่มอีกหน่อย”
เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินผมพูดถึงขนาดนั้น สีหน้าของเธอก็ดีขึ้นมาหน่อย “อ่อ ! อ่อ ! ฉันไม่เป็นอะไร
พักไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนสถานการณ์ของสาขาย่อยนั่น ฉันเองก็อยากเล่าให้นายฟังอย่างละ เอียด
“หลังจากวันนั้น การป้องกันของสาขาย่อยก็เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม อยากได้น้ำลี่ลั่ว คงยากขึ้นไม่ น้อย และพักนี้ฉันยังได้ยินมาว่า องค์กรตาผีอาจจะย้ายหินลี่ลั่วภายในช่วงนี้ ถ้าเราเอาน้ำลี่ลั่วมา ไม่ได้ในเร็วๆนี้ วันข้างหน้าก็คงหาโอกาสได้ยากยิ่งกว่ายากแล้ว…..”
มู่หลงเหยียนพูดออกมาช้าๆ แต่ผมกลับโบกมือ “ไม่เป็นไร เธอเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้ฉัน ฟัง แล้วฉันจะคิดหาวิธีเอาเจ้านั้นออกมา และจะลงมือเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ฉันก็ต้อง ช่วยเธอเอาเจ้าสิ่งนั้นออกมาให้ได้……”
ผมพูดด้วยความเด็ดเดียวมาก และจริงจังมาก
แต่ยิ่งเป็นแบบนั้น ท่าทีของมู่หลงเหยียนก็ยิ่งดูเคร่งเครียดหรือแม้แต่คิ้วคู่งานก็ขมวดกันแน่น
ผมเห็นเธอเป็นแบบนั้น เลยคิดว่าเธอคงกลัวว่าผมจะบาดเจ็บเป็นห่วงว่าผมจะตกอยู่ในอัน ตราย
แต่ผมกลับฉีกยิ้มแล้วพูดต่อ“น้องศพฉันดวงแข็งอีกอย่างครั้งนี้ก็ไปขโมยน้ำเองนิแค่ฉันไปขอยันต์ปิดลมหายใจมาจาหหยางเจ่วหรือนุ่ยเฉิงจังก็ได้แล้วน ถึงเวลานั้นก็แค่แอบเข้าไปในสาขาย่อยแล้วขโมยน้ำลี่ลั่วออกมาก็สิ้นเรื่อง”
“แต่ แต่มันอันตรายมากอันตรายมาก……”จู่ๆมู่หลงเหยียนก็หยุดพูดแล้วทําสีหน้าจริงจัง
ผมกลับหัวเราะเบาๆ “อันตราย ? ตั้งแต่ฉันเกิดมามีครั้งไหนไม่อันตรายบ้างละ ? ตอนนี้ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ?ในเมื่อน้ำนั้นสําคัญกับพวกเธอมากและก็มีแค่ฉันคนเดียวที่ทําได้ไม่ใช่เหรอ ?”
ผมเถียงกลับตรงๆ เหมือนม่หลงเหยียนยังอยากพูดอะไรออกมาอีกแต่พออ้าปากเธอกลับพูดไม่ออก
เพราะผมพูดถูกถ้าผีแอบเข้าไปขโมยเกรงว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้หินลีลัวก็คงโดนคนในสาขาย่อยเจอตัวแล้ว
ดังนั้นคนที่ไปในครั้งนี้ต้องเป็นมนุษย์สิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ
และในหมู่มนุษย์มู่หลงเหยียนยังเชื่อใจใครได้อีกละเธอก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นผมเลยกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดของมู่หลงเหยียนนอกจากผม เธอก็หาคนที่จะช่วยเธอไม่ได้แล้วและถ้าพลาดโอกาสนี้ไปมันก็คงยากมากที่พวกเธอจะได้น้ำลี่ลั่วมาครอง
ด้วยเหตุนี้ ตามระยะเวลาแล้วพวกเราไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว
และเจ้าน้ำนี่ก็สําคัญมากถ้าทําสําเร็จหากนําน้ำลี่ลั่วไปเพาะต้นหญ้าหยินจ่าวได้จริงๆ
แบบนั้นมู่หลงเหยียนและพวกหุ่นเชิดตัวอื่นที่หลบหนีออกมาจากองค์กรตาผีก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีหญ้าหยินจ่าวทําให้วิญญาณเสถียรแล้ววิญญาณแตกสลายอีกแล้ว
แบบนี้ พวกเขาก็จะมีเวลาหาที่มาวิญญาณของตัวเองกลับมายิ่งกว่าเดิมมีเวลาสู้กับองค์กรตาผีเพิ่มขึ้น
หรือแม้แต่กําจัดองค์กรตาผีให้สิ้นซาก
ไม่ว่าจะเพื่อพวกเขาหรือเพื่อกําจัดองค์กรตาผี
ในฐานะที่ผมเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายมันก็เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผมควรทํา
แม้ว่าจะต้องทิ้งทุกๆอย่างแค่เพียงใหมู่หลงเหยียนได้มีชีวิตต่อไปผมก็ยินดีเสี่ยงอันตราย
ไปขโมยน้ำลี่ลั่วให้เธอถ้าเป็นไปได้ผมอยากย้ายเจ้าหินลี่ลั่วอะไรนั้นกลับมาสักก้อน……