ตอนที่ 402 เตรียมตัวเคลื่อนไหว
ผมคิดว่า ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ผมก็ยอมช่วยมู่หลงเหยียนขโมยน้ําลี่ลั่ว
คราวก่อนตอนมู่หลงเหยียนมาหาที่บ้าน เธอค่อนข้างร้อนรน มีเรื่องมากมายที่ไม่ได้พูดให้ละเอียด
คืนนี้ที่ผมมา นอกจากมาเพื่อเยี่ยมมู่หลงเหยียนแล้ว ยังต้องการเข้าใจสาขาย่อยขององค์ตาผีสาขานั้นอย่างละเอียด
ตอนนี้ผมแสดงท่าทีอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอันตรายขนาดไหนผมก็ไม่กลัว ผมยอมเสี่ยง
มู่หลงเหยียนซึ้งใจมาก แม้จะรู้ว่าอันตราย แต่โอกาสก็มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ตัวเลือกก็มีแค่ผมคนเดียว
ด้วยเหตุนี้ หลังจากลังเลสักพัก มู่หลงเหยียนก็พูดกับผมว่า “ จากข้อมูลที่พวกเราได้มา ที่จริง สาขาย่อยสาขานั้น เป็นแหล่งเลี้ยงศพ ที่นั้นมีหุ่นเชิงที่เป็นศพจํานวนมาก นอกจากนี้ ที่นั้นยังมีทาสผีจํานวนมาก
และหุ่นเชิดที่เป็นแบบฉัน พวกที่โดนดึงวิญญาณออก……”
มู่หลงเหยียนเริ่มเล่าเรื่องที่รู้ทั้งหมด ให้ผมฟังอย่างละเอียดสุดๆ
ผมเองก็ตั้งใจจา ไม่อยากพลาดเลยสักเรื่อง
ในเวลาเดียวกันมู่หลงเหยียนก็บอกผมว่า ถ้าอยากแอบเข้าไปในสาขาย่อย เวลาที่เหมาะที่สุด คือตอนที่หยินหยางสลับกัน
เพราะในช่วงเวลานั้น พวกหุ่นเชิด ศพ ทาสและสิ่งอื่นๆ จะมารวมตัวสูบพลังจากแสงจันทร์
ในช่วงเวลานั้น ยังเป็นเวลาที่การป้องกันมีช่องโหว่เยอะที่สุด
สาหรับการผลัดเปลี่ยนของหยินหยาง ก็คือช่วงเวลาเที่ยงคืน หรือเวลา 23.00-01.00 น.
ด้วยเหตุนี้ เวลาของเรามีแค่สองชั่วโมง เมื่อสองชั่วโมงนี้ผ่านไปแล้ว ความอันตรายก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
นอกจากเรื่องเวลาแล้ว มู่หลงเหยียนยังให้กระบอกไม้ไผ่ดําผมมาอีกหนึ่งอัน
บอกว่าของสิ่งนี้เป็นของที่ทําขึ้นมาโดยเฉพาะ ให้ผมพกติดตัวไปใช้เก็บน้ําลี่ลั่ว
ผมรับเอาไว้ บอกให้มู่หลงเหยียนวางใจ คราวนี้ผมต้องเอาน้ําลี่ลั่วกลับมาให้เธอให้ได้
มู่หลงเหยียนพยักหน้าให้ผมเบาๆ บ่งบอกว่าเธอเชื่อใจผม แต่ก็ยังบอกให้ผมระวังมากๆ อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ถ้าเจออันตราย ก็รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อน
พอคุยกันมาถึงตรงนี้ ผมก็เข้าใจสาขาย่อยขององค์ตาผีที่เขาเขี้ยวหมาป่าอย่างละเอียด
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงยายโม่ดังขึ้น “คุณหนู พวกเพื่อนๆ ให้มาเรียกคุณหนูไปคุยกันที่ห้องโถงเจ้าค่ะ !”
พอได้ยินเสียงยายโม่ มู่หลงเหยียนก็ขานรับทันที “ได้ยายโม่ ยายไปบอกพวกเขาก่อนนะ อีกเดี๋ยวฉันจะเข้าไป !”
“เจ้าค่ะคุณหนู !” เสียงยายโม่ดังขึ้นอีกครั้ง
ส่วนมู่หลงเหยียนตอนนี้เธอหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ติงฝาน นายกลับไปก่อนนะ ! ฉันจะไปคุยกับเจ้าพวกนั้นก่อน จ่าเอาไว้ละก่อนออกไป ต้องบอกฉันที่ป้ายวิญญาณก่อน ฉันจะได้เตรียมตัวให้ดีๆ !”
จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ในใจของผมเลยมีเสียงดัง “บิ๊ก”
เมื่อกี้ เมื่อกี้มู่หลงเหยียนเรียกผมว่าอะไรนะ เธอเรียกชื่อผมงั้นเหรอ
นี่ทําให้ผมตัวแข็งที่อ หรือแม้แต่ช็อกในทันที เสียสติไปพักหนึ่ง
นี่มันไม่ได้หมายความว่า ทัศนคติที่เธอมีกับผมกําลังเปลี่ยนไปงั้นเหรอ
ม่หลงเหยียนเห็นผมนิ่ง จึงพูดกับผมอีกรอบ “นายเป็นอะไรไป ? โง่ไปแล้วหรือไง ?”
“ไม่ไม่ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร เธอไปเถอะ ! ฉันเองก็จะกลับแล้ว ฉันจะอยู่บ้านอีกสองวัน เธอสบายใจได้
ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ในใจกําลังรู้สึกตกใจหน่อยๆ
ม่หลงเหยียนเองก็ไม่สนใจผม เธอพยักหน้าให้ “โอเค ! หวังว่านายจะทําสําเร็จ กลับมาครบ 32 นะ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนยังยิ้มหวานให้ผม มันเป็นอะไรที่สวยมากๆ
เพราะม่หลงเหยียนมีธุระ หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่อยู่ต่อ ออกไปจากห้องก่อน หลังจากนั้นก็หายตัว
มุ่งตรงไปที่ห้องโถงหลัก
ส่วนพวกเขาจะคุยอะไรกัน ผมไม่ได้สนใจ
พอเห็นห้องที่ว่างเปล่า ผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลุกออกไปจากที่นี่
จวนมู่หลงใหญ่มาก แต่ผมจ่าทางออกได้แล้ว
ผ่านไปไม่นาน ผมก็เดินมาถึงประตูจวน
หลังหันกลับไปมองจวนมู่หลงแวบหนึ่ง ผมก็ไม่คิดจะหยุดอยู่ตรงนี้เดินออกไปทันที
พอผมมาถึงร้านอีกที ก็เป็นเวลาตีสองแล้ว
หลังล้างหน้าเสร็จ ผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง
เพราะเรื่องขโมยน้ําลี่ลั่วเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แถมผมจะไปทําคนเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้นผมเลยต้องหาคนช่วย
ระหว่างเดินทาง ผมวางแผนเอาไว้หนึ่งแผน
ก่อนอื่น ผมไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ ท่านนักพรตต์และคนอื่นๆ เพราะกลัวพวกเขาจะ เป็นห่วง
เลยตัดสินใจจะทําคนเดียว
หลังจากนั้น ผมยังต้องใช้ยันต์ที่ปิดกั้นลมหายใจได้
ตอนนี้ผมรู้จักคนที่ทํายันต์ประเภทนี้สองคน หนึ่งในนั้นก็คือหยางเจ่ว
แต่เธอกลับไปที่อู่ตั้งแล้ว เดือนหน้าถึงจะกลับมาอีกที
อีกคนหนึ่งคือจุ่ยเฉิงจึงศิษย์สําหนักเหมาชาน เธอไม่ได้กลับ ยังอยู่ในเมือง
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยวางแผนว่าจะไปหาจุ่ยเฉิงจังเพื่อขอยันต์นั้นในวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะไปขอให้เหล่าเฟิงช่วย ให้เขาไปเป็นเพื่อนผม
แน่นอน ในแผนของผม นอกจากผมและเหล่าเพิ่งแล้ว ผมยังคิดจะหาผู้ช่วยอีกคน นั่นก็คือปู่หูลิ่วแห่งเผ่าจิ้งจอก
สถานที่ที่พวกเราจะไปอยู่ในภูเขา และในภูเขา ก็มีแค่นกเท่านั้นที่มีความเร็วสูงที่สุด
ถ้าได้ป่หลิวช่วยอีกแรง ไม่ว่าจะด้านความปลอดภัยหรือการหลบซ่อน เขาก็สามารถช่วยพวกเราได้เยอะสุดๆ
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็แอบตัดสินใจเองเสร็จสรรพ
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมก็โทรหาจุ่ยเฉิงจึงเป็นคนแรก
“ตุ๊ดๆๆ” เสียงโทรศัพธ์ดังพักหนึ่งถึงจะมีคนรับสาย ขณะนั้นเสียงขี้เกียจของปลายสายก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ! นั่นใคร !”
น้ําเสียงแบบนี้ เธอน่าจะยังไม่ตื่น
ผมล้างคอ จากนั้นก็ตอบกลับว่า “นุ่ยเจิงจิง ฉันเองติงฝาน !”
“อ่อ ! ติงฝานเหรอ ! โทรมามีเรื่องอะไร ? เมื่อคืนฉันเล่นเกมจนดึก ยังไม่ตื่นเลย ! นายให้ฉันนอนต่ออีกหน่อยนะ !” ขณะพูด จุ่ยเฉิงจึงก็คิดจะวางสาย
แต่ผมกลับพูดต่อทันที “รอก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เธอยังมียันต์ปิดลมหายใจอยู่ไหม ?”
“อ่อ ! ยันต์ปิดลมหายใจเหรอ ! ยังมีอีกไม่กี่แผ่น ทําไมเหรอ ?” ยังเป็นน้ําเสียงงัวเงีย
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เธอยกยันต์ไม่กี่แผ่นนั้นให้ฉันได้ไหม ฉันจําเป็นต้องใช้เร็วๆนี้น่ะ”
พอฉียเจ๋งจึงได้ยินว่าผมต้องการใช้ยันต์ปิดลมหายใจ แถมยังเร็วๆนี้ด้วย เธอก็เหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาหน่อย “หรือว่านายจะไปล่าผีอีกแล้วเหรอ ?”
“ไม่ ไม่ใช่ล่าผี แต่ยังไงก็เป็นเรื่องสําคัญ เธอเอายันต์ไม่กี่แผ่นนั้นให้ฉันเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะเลี้ยงข้าวเธอวันหลัง ให้เธอเป็นคนเลือกร้านเลย……” ผมพูดตรงมาก
หลังจากเจอกันที่วัดร้างคราวนั้นแล้ว แม้จะไม่ได้เจอกันมาสักพัก แต่พวกเราก็ได้เล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ
คุยกันในแชทกลุ่มอะไรประมาณนั้น ถือว่าสนิทกันพอใช้ได้
พอนุ่ยเฉิงจึงได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็เหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาอีกไม่น้อย “นายไม่บอกฉัน งั้นฉันก็ไม่ให้! ถ้าไปล่าผี นายต้องพาฉันไปด้วย อยู่แต่ในมหาลัย ฉันเบื่อจนจะเป็นโรคอยู่แล้ว”
àยเฉิงจึงพูดด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ เหมือนกลายเป็นสาวน้อยขี้บ่น
ผมค่อนข้างลําบากใจ อธิบายให้เธอฟังอีกครั้ง บอกว่าไม่ได้ไปล่าผี
แต่ยัยนี่ก็ไม่ยอมเชื่อ สุดท้ายผมก็จนปัญญา เพื่อให้ได้ยันต์ปิดลมหายใจ ผมเลยต้องบอกเธอไป ว่าผมจะไปขโมยของบางอย่างในที่ที่อันตรายสุดๆ
ผลลัพธ์ไหนเลยจะเป็นอย่างที่คิด ฉียเจ๋งจึงกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เหมือนไม่มีอารมณ์นอนต่อแล้ว
เธอถามผมในโทรศัพท์อย่างตื่นเต้นว่าผมจะไปขโมยอะไร และยังบอกแล้วบอกอีกว่าเธอจะไปด้วย
ถ้าไม่ให้เธอไป เธอจะไม่ให้ยันต์กับผม
ผมเลยย้าแล้วย้ําอีกว่ามันอันตรายมาก หรือแม้แต่พูดถึงองค์กรตาผี
ผลลัพธ์ก็ผิดคาดตามเดิม พอพูดถึงองค์กรตาผี ยัยบ้านก็ไม่เพียงไม่กลัว กลับกันยังยืนกรานว่าจะไปกับผมให้ได้
ไม่ว่าจะขโมยอะไรเธอก็จะไปด้วย ไม่อย่างงั้นเธอจะไม่ให้ยันต์
ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ สุดท้ายเลยรับปากเธอไป
เพราะหยางเฉวอยู่ห่างพันลี้ ที่นี่มีแค่ฉัยเฉิงจิงเท่านั้นที่มียันต์ประเภทนี้
ถ้าเธอไม่ให้ แผนผมก็จะไปต่อไม่ได้
และพลังของนุ่ยเฉิงจังก็จัดว่าไม่เลว มีเธอร่วมด้วย ก็คงไม่เป็นอะไร…..