ศพ – ตอนที่ 415 หินลี่ลั่ว

ตอนที่ 415 หินลี่ลั่ว

วันนี้ถือว่าได้มาเปิดโลกใหม่ เกี่ยวกับการสร้างผู้สร้างศพขององค์กรตาผี ว่าพวกมันมีความสามารถในการควบคุมวิญญาณ หรือสร้างศพเดินได้ขนาดไหน

สาวกตัวผอมด่าตรงหน้าคนนี้ แม้จะมีพลังไม่เยอะมาก แต่เขาก็สามารถออกคําสังกับผีหลายสิบตน

และยังมีผีดิบสองตนตรงหน้าที่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าตัวเขาขนาดไหน

ถ้าปล่อยให้องค์กรตาผีนี่พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ สร้างผีดิบออกมามากกว่าเดิม หรือวิญญาณร้ายที่ไม่อาจคาดเดาปริมาณได้

แบบนั้นพวกเขาก็สามารถพึ่งการควบคุมผี และยังมีพวกศพ หรือการควบคุมในระดับที่ต่างออกไปจากนี้อีก

ควบคุมผีร้าย ผีดิบ สิ่งชั่วร้ายจากทุกที่ที่ร้ายกาจกว่าพวกเขา 2 เท่าหรือ 3 เท่าตัว

พอถึงเวลานั้น กําลังคนเพียงหยิบมือเดียวขององค์กรตาผี อาจเปรียบได้กับศิษย์ที่มากฝีมือของบางสํานักเลยก็ได้

ถ้าให้องค์กรตาผีพัฒนาไปถึงจุดนี้ได้ งั้นก็อย่าได้คิดสู้อีกเลย

องค์กรตาผีต้องกวาดล้างสํานักฝ่ายธรรมะบนโลกจนหมด การรวมสํานักก็จะไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิดมากอีกต่อไป

ถึงว่าทําไมมู่หลงเหยียนถึงได้บอกว่าองค์กรตาผีร้ายกาจโครตๆๆ แค่ในวันนี้ ผมก็มองความร้ายกาจขององค์กรตาผีออกแล้ว และความสามารถในการควบคุมผีกับศพที่ไม่ธรรมดาของพวกมัน

ผมใจเต้นแรง ขณะคิดถึงเรื่องพวกนี้

ส่วนเจ้าผอมด่าตรงหน้า ได้เดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้ว และกําลังใช้ลําตัวผลักประตูเหล็กบานใหญ่บานนั้น

ประตูเหล็กขึ้นสนิมแล้ว แต่มันก็ยังดูแข็งแรงอยู่

“เอ๊ยด” เสียงนี้ดังตามมาติดๆ ประตูเหล็กบานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออกแล้ว

วินาทีที่ประตูเหล็กถูกเปิด กลิ่นหอมแปลกๆก็เข้ามาสัมผัสที่ใบหน้าของพวกเรา

กลิ่นหอมสดชื่น พอได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายตัวมากๆ

หลังจากเจ้าตัวผอมดําเปิดประตูเสร็จ เขาก็พาพวกเราเข้าไปทันที

เพิ่งเข้ามาในห้อง ผมก็มองสํารวจรอบๆห้องทันที

ผมเห็นห้องมีขนาดประมาณสิบตารางเมตร ค่อนข้างใน

ตรงกลางห้อง มีแท่นหินเหมือนโต๊ะตั้งอยู่

บนโต๊ะหิน มีหินสีครามขนาดประมาณหัวคนตั้งอยู่หนึ่งก้อน

ภายใต้ดวงตาสวรรค์ หินก้อนนั้นมีสีน้ําเงินผิดปกติ ผิวใสคริสตัล ราวกับมรกต

แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ผิวของหินก้อนนี้ กลับมีไอเย็นแพร่ออกมา

ไม่เพียงแค่นั้น บนผิวของหินก้อนนี้ ยังมีหยดน้ําสีเขียวควบแน่นอยู่

หลังจากควบแน่นเป็นหยดน้ําแล้ว มันก็จะหยดลงมาข้างล่าง สุดท้ายก็จะมารวมอยู่ในร่องบนโต๊ะหิน

แล้วเปล่งแสงสีเขียวผิดปกติ

กลิ่นหอมแปลกๆพวกนั้น ถูกส่งออกมาจากหยดน้ําพวกนั้น

พอเห็นถึงตรงนี้ ม่านตาของผมก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว และเผยสีหน้าดีใจออกมาเล็กน้อย

“หินลี่ลั่ว น้ําลี่ลั่ว”

“ชะ ใช่ นี่ก็คือหินลี่ถั่วที่พวกคุณตามหา น้ําที่เขียวพวกนั้น คือน้ําลี่ลั่ว”

“นี่คือสมบัติที่หายาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือแม้แต่พวกวิญญาณ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากฤทธิ์ยาอันทรงพลังของน้ําลี่ลั่ว ใช้มันเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ช่วยยืดอายุขัย เป็นของที่หายากสุดๆ”

พอเจ้าผอมดําพูดมาถึงตรงนี้ แววตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความโลภ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ต้องการของสิ่งนี้มาก

ตอนนี้ผมไม่สนใจเขา เป้าหมายที่มาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อเจ้าน้ําจากหินลี่ส่วน

ผมไม่ลังเลเลยสักนิด เอากระบอกไม้สีดําที่มู่หลงเหยียนให้มาอันนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นรองหยดน้ําพวกนั้น

แต่แล้วผมก็พบว่า น้ําพวกนี้ไม่ได้มีเยอะเหมือนที่ผมคิดเอาไว้

ถึงจะเป็นกระบอกไม้ไผ่อันเล็กแบบนี้ ก็ยังใส่ได้ไม่เต็มเลย

หลังจากรองน้ําเสร็จ จู่ๆเหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเป็นของล้ําค่าถึงขนาดนี้ ทิ้งเอาไว้ให้พวกองค์กรตาผีชั่วก็น่าเสียดายเปล่าๆ เราเอามันไปด้วยเถอะ !”

พอได้ยินเหล่าเฟิงพูดแบบนั้น รอยยิ้มพิลึกๆก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผม “ฮ่าๆๆ ฉันก็คิดแบบนั้น”

หลังจากพูดจบ ผมก็เข้าไปคว้าตัวหินลี่ลั่ว

แต่มือผมเพิ่งสัมผัสโดนตัวหิน ก็พบว่าเจ้าหินก้อนนี้เย็นมาก เหมือนน้ําแข็งพันปีไม่มีผิด

“สุดยอด ! เย็นมาก” ผมพูดด้วยความตกใจ

“เจ้านี่เย็นมากเลยเหรอ ?” นุ่ยเฉิงจึงไม่เข้าใจ เธอเองก็เอื้อมมือไปแตะ

ผลลัพธ์เธอเองก็พบว่ามันเย็นจนผิดปกติจริงๆ จึงรีบดึงมือกลับทันที

เหล่าเฟิงและเสียวเหมยเองก็เข้าไปสัมผัส ผลลัพธ์พวกเขาเองก็พบว่าหินลี่ลั่วเย็นมากจริงๆ นั่นแหละ

แต่น่าแปลกจริงๆ หินที่เย็นขนาดนี้ ทําไมถึงมีหยดน้ําออกมา แถมน้ําที่หยดออกมายังไม่กลายเป็นน้ําแข็งในทันทีอีก มันเลยทําให้เรารู้สึกแปลกใจมาก

ผมดึงแขนเสื้อขึ้น เตรียมยกเจ้าสิ่งนี้

ผมคิดว่าหินขนาดเท่าหัวคน คงเอาไปได้ไม่ยากเท่าไหร่

ผลลัพธ์ตอนผมเข้าไปอุ้ม ไม่ว่าจะออกแรงขนาดไหนผมก็ขยับหินก้อนนั้นไม่ได้เลยสักนิด

เจ้านี่ดูเหมือนกับคิงคองเหล็ก ไม่รู้ว่ามันหนักกี่ร้อยโล

“เหล่าเฟิง เจ้าหินนี้หนักมาก” ผมพยายามสุดแรง แต่ก็ยังยกเจ้านี่ไม่ขึ้น

เหล่าเฟิงเองก็เข้ามาลอง แต่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม

ส่วนเจ้าผอมดําที่อยู่ด้านข้าง มองมาด้วยสีหน้าล่าบากใจ สุดท้ายเขาก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“นัก นักพรตทุกท่าน หยุด หยุดเถอะ เจ้านี่อาจดูไม่ใหญ่มาก แต่มันกลับหนักยิ่งกว่าเหล็ก มีน้ําหนักมากกว่าพันโล”

“อะไรนะ ? มากกว่าพันโล ?” ผมเหวอทันที

“ท่านนักพรตติ้ง นี่คือหินมหัศจรรย์ ถึงจะวางเอาไว้กลางแดด มันก็ยังเย็นเหมือนเดิม และตัวมันก็หนักมาก”

“ ถ้า ถ้าจะให้พวกคุณไม่กี่คนคิดจะเอาเจ้า เจ้านี่ไป ไม่เพียงไม่ได้ทําได้ง่ายๆ และยังโดนจับได้ง่ายอีกด้วย

ถึงจะเอาไปได้ การเคลื่อนไหวของพวกคุณก็จะช้าขึ้นมาก อาจยังไม่ทันได้ออกจากถ้ํานี้ ช่วงเวลากลืนจันทราก็คงหมดลงแล้ว พอถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะกลับมา ถึงผมจะพาพวกคุณออกไป พวกคุณก็คงออกจากเขา

เขี้ยวหมาป่าไม่ได้ง่ายๆ

เจ้าผอมด่าพูดด้วยหน้าอึดอัดใจ แนะนําให้พวกเรายอมแพ้

ถึงจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เจ้าหมอนี่ก็พูดถูก

ของที่หนักมากกว่าพันโล มีใครในพวกเราที่จะเอามันไปได้บ้างละ

ถึงจะใช้พลัง ผมและเหล่าเฟิงก็คงยกมันได้แค่นิดเดียว ย้ายออกไปไม่ได้อย่างใจคิดแน่ๆ

แม้ว่าจะเอาเจ้านี้ออกไปจากที่นี่ได้ พวกเราก็จะหนีไปได้ไม่ไกล

ถ้าพวกมันรู้ว่าหินลี่ลั่วหายไป คนขององค์กรตาผีต้องออกตามหากันอย่างบ้าคลั่งอย่างแน่นอน

พอถึงตอนนั้น พวกเราไม่เพียงจะไม่ได้หินลี่ลั่ว หรือน้ําลี่ลั่วกลับไปเท่านั้น แต่ยังออกไปจากเขาเขียวหมาป่าไม่ได้อีกด้วย

พอคิดได้ถึงตรงนี้ ผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “แม่งเอ้ย น่าเสียดายจริงๆ ที่เอาเจ้านี่ไปไม่ได้”

เห็นได้ชัดว่าผมรู้สึกเสียใจพอสมควร แต่นุ่ยเฉิงจิงที่อยู่ข้างกลับพูดว่า “ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ตอนนี้ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว เรามีเวลาเหลือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ เอาหินลี่ลั่วออกไปไม่ได้ก็ช่างมัน”

พอได้ยินจี่ยเฉิงจึงพูดแบบนั้น ผมก็พยักหน้าแรงๆ แล้วคิดจะเดินออกไปจากที่นี่

แต่ทันใดนั้นเอง เหล่าเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง “รอเดี๋ยว”

หลังจากพูดจบ เหล่าเฟิงก็ค่อยๆชักดาบเล่มที่สองของเขาออกมา นั่นคือดาบจักรพรรดิที่ครอบครัวหลงให้มา

“เหล่าเฟิง นายคิดจะทําอะไร ? นายคงไม่คิดจะฟันลงไปบนหินก้อนนี้หรอกนะ” ผมพูดด้วยความตกใจ

เจ้าหินก้อนนี้แข็งมาก สามารถจินตนาการได้ว่ามันหนาขนาดไหน แล้วดาบเล่มนี้จะทําอะไรมันได้งั้นเหรอ ถึงตอนนั้นดาบเล่มนี้ต้องหักแน่ๆ

“เฟิงเฉิวหาน ดาบนายจะหักได้นะ !” ฉู่ยเฉิงจิงเองก็พูดออกมา

เจ้าผอมดําคนนั้นก็ทําหน้าลําบากใจ “ เจ้า เจ้านี่ไม่ได้ผลหรอก เหล็กกล้ายังทําอะไรหินก้อนนี้ไม่ได้

ท่านนักพรต อย่าเสียแรงเปล่าเลย”

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset