ตอนที่ 418 ทลายประตู
ตอนนี้ ได้แต่ใช้ความสามารถของตัวเองเท่านั้น
เสียงของเหล่าเฟิงเพิ่งเงียบลง ร่างสีขาวของใครบางคน ก็โผล่ออกมาจากหัวเหล่าเฟิง
ต่อจากนั้นเสียงพี่เฟิงก็ดังตามมาติดๆ “ไอ้ขยะ แกจะไม่ให้ฉันได้บําเพ็ญบางหรือไงฮะ ? ก่อ เรื่องให้ฉันต้องออกมาได้เกือบทุกวัน”
พี่เฟิงค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ออกมาปรากฏตัวทันที
ในเวลาเดียวกัน ผมก็เอากระดิ่งออกมาแล้ว ยื่นไปทางพวกทาสผีตรงหน้า แล้วเริ่มสั่นกระดิ่ง ทันที
“กริ้งกริ้งกริ้ง” เสียงกระดิ่งดังขึ้น แม้ผมจะพยายามเขย่าไปทางเดียวแล้ว
แต่เสียงกระดิ่งก็ดังก้อง ทําให้พี่เฟิงที่เพิ่งปรากฏตัวออกมารู้สึกอารมณ์เสียอยู่บ้าง หรือแม้แต่เริ่มปวดหัวเล็กน้อย
แต่โชคดีที่พี่เฟิงมีพลังสูง บวกกับผมพยายามเลี่ยงไม่ให้โดนพี่เฟิง ดังนั้นพี่เฟิงเลยยังทนอยู่ ได้
แต่ทาสผีอีกหกตน กลับทนไม่ไหวแล้ว
เสียงกระดิ่งนี้ ทําให้สีหน้าของทาสผีทั้งหกเปลี่ยนไปทันที พวกมันเผยสีหน้าเจ็บปวดทรมานออกมา
มือทั้งสองข้างปิดหูตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็กรีดร้องออกมา “อ้า ! อ้า……”
พวกผีทั้งหกโดนเสียงกระดิ่งของผมสยบเอาไว้ เหลือเพียงสาวกอีกสามคน แล้วพวกเขาจะยังสู้กับพวกเราต่อได้ยังไง
เหล่าเพิ่งและพี่เฟิงโจมตีทางด้านซ้าย ฉียเฉิงจังและจิ้งจอกน้อยโจมตีทางด้านขวา
มือผมถือกระดิ่งไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างถือดาบไม้ โจมตีในส่วนตรงกลาง
โดนกระหน่ําโจมตีจากทั้งสามด้าน ทาสผีพวกนั้นจะสู้กับพวกเราได้ยังไง ภายใต้เสียงสยบของกระดิ่ง
พวกมันไม่มีแรงสู้ด้วยซ้ํา
เพิ่งเข้าปะทะ พวกมันก็โดนพวกเราฆ่าตายในดาบเดียวแล้ว
ส่วนสาวกอีกสามคน ทําหน้าตกใจ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อย่าพูดถึงเรื่องเลย ตอนนี้พวกเขาคิดจะหนีเอาชีวิตรอดด้วยซ้ํา
แต่ด้านหลังเป็นประตูที่ปิดสนิท พวกเขาเลยได้แต่เอาตัวไปติดกับประตู ยกดาบขึ้น แล้วรอคอยความช่วยเหลือเท่านั้น
แต่พวกเราไม่ได้คิดจะให้โอกาสนี้กับพวกเขา จิ้งจอกน้อยเลือดร้อนที่สุด เธอออกไปลงมือคนแรก
กางกรงเล็บ ปากคํารามเสียงดังลั่น พุ่งเข้าไปราวกับปีศาจร้าย
กรงเล็บที่แหลมคมพวกนั้นเหมือนกับดาบไม่มีผิด ไม่รอให้ใครคนคนนั้นตั้งตัวได้ทัน กรงเล็บก็ตวัดไปที่คอของอีกฝ่ายแล้ว
“อ้า” เสียงกรีดร้องดังขึ้น เลือดสดๆไหลนอง ย้อมเสื้อจนกลายเป็นสีแดงฉาน แผลเหวอะอันน่าตกใจปรากฎที่คอของเขา
หลังจากกรีดร้องออกมาแล้ว เลือดก็ทะลักเข้าไปในหลอดลมของเขา มันไหลพุ่งออกมาทางจมูกและปากของเขาทันที
แต่ยังไม่รอให้เขาได้ล่ลักเสร็จ นุ่ยเฉิงจิงก็เข้ามาอยู่ในระยะสังหารแล้ว ยัยนี่ดูเหมือนกับสาวน้อยสวยใส
แต่แท้ที่จริงแล้วเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่เจนโลก
สําหรับผู้ร้าย หมอผีโฉดพวกนั้น เธอไม่ปรานีและรู้สึกผิดเลยสักนิด
กวัดแกว่งดาบเข้าไป จะฆ่าลูกเดียว วินาทีนั้นเจ้าสาวกคนนั้นก็ตายคามือเธอทันที
เมื่อหันไปมองอีกทางด้านหนึ่ง เหล่าเฟิงและพี่เฟิงโจมตีพร้อมกัน
เดิมที่ทั้งสองคนก็คือพี่น้องท้องเดียวกัน แม้พี่เฟิงจะดูไม่ชอบขี้หน้าเหล่าเฟิง แต่พอทั้งสองค นร่วมมือกันมันกลับดูเข้ากันได้แบบไม่น่าเป็นไปได้
บวกกับสาวกที่พวกเขาสู้ด้วย ได้ตกใจจนขาอ่อนไปนานแล้ว แล้วตอนนี้เขายังจะมีแรงสู้อีกเหรอ
ผลลัพธ์เพิ่งสู้กันแค่กระบวนท่าเดียว เขาก็ตายเพราะความแข็งแกร่งของพี่เฟิงแล้ว
สําหรับสาวกที่อยู่ตรงกลาง ผมไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่น้อย
พุ่งไปโจมตีใส่เขา ด้วยเพลงดาบที่ได้เรียนมาจากมู่หลงเหยียนทันที
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่แพรพราว และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
เจ้าสาวกนั่นเลยได้แต่ยกดาบขึ้นมากัน แต่น่าเสียดายในขณะที่ความกลัวเข้าครอบง่าความ เร็วในการเคลื่อนไหวของเขาลดลงอย่างมาก
เขารู้สึกเพียงเจ็บที่หัวใจ เพราะดาบของผมแทงเข้าไปในหน้าอกของเขาแล้ว
ผมไม่มีอารมณ์ชื่นชมสายตาที่หดหูของเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีอารมณ์ไปสงสารร่างไร้ลมหายใจของสาวกพวกนั้น
สําหรับผม หากฆ่าสาวกพวกนี้ไปหนึ่งคน ก็ถือว่าคนชั่วลดลงไปอีกหนึ่ง
ตอนนี้ พวกเรากําจัดสาวกและทาสผีที่เฝ้าประตูไปหมดแล้ว ไม่มีใครขวางทางเราต่อไปแล้ว
ต่อจากนั้น พวกเราทุกคนก็คว้าประตูบานนั้นอย่างรวดเร็ว
ประตูบ้านนั้นทําจากไม้ ด้านนอกหุ้มด้วยเหล็กชั้นหนึ่ง ด้านบนมีหน้าผีสามตาเป็นสัญญาลักษณ์
ผมและเหล่าเฟิงเก็บดาบ รีบเปิดประตูทันที
แต่ทันใดนั้นพวกเราก็พบว่าประตูนหนักมาก และการออกแบบก็เป็นอะไรที่แปลกมาก ถ้าไม่จับประตูไว้ มันก็จะปิดเองโดยอัตโนมัติ
เราต้องใช้แรงมหาศาลในการเปิด และต้องคอยจับมันเอาไว้ตลอด
แต่ตอนนี้การเอาชีวิตรอดเป็นเรื่องสําคัญที่สุด ผมเลยกัดฟันพยายามเปิดประตูอย่างสุดกําลัง
“ไป !” ผมพูดเสียงดังลั่น
จิ้งจอกน้อย นุ่ยเฉิงจัง และคนอื่นๆเห็นพวกเราเปิดประตูได้แล้ว เลยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ร่างกายดุจคันศร พุ่งออกไปทันที
พี่เฟิงเองก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันผมก็ส่งสัญญาณให้เหล่าเพิ่งออกไป
เหล่าเฟิงไม่ได้มัวเป็นห่วงผม เขาปล่อยมือแล้วรีบออกไปทันที
เหล่าเฟิงเพิ่งปล่อยมือ ผมก็เริ่มดันเอาไว้ไม่อยู่ แรงบีบกลับของประตูบานนี้ ทําให้ผมต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี
ขณะดันประตูไว้ เส้นเลือดสีเขียวเข้มบนคอก็ปดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พอเห็นเหล่าเพิ่งออกไปแล้ว ผมเองก็กําลังจะออกไปบ้างเช่นกัน
แต่ในวินาทีนั้นเอง จู่ๆเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น “ติงฝาน แกทําลายกายเนื้อของฉัน คืนนี้ ฉันจะเอาชีวิตแก !”
เสียงนี้ดังมาก จนก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
ผมกวาดตาไปมอง พบว่าเจ้าหมอนั้นคือจางจีเทา
เขาทําหน้าอารมณ์บูด เหมือนอยากจะเลาะกระดูกผมออกมาทั้งตัวแบบนั้น
ตอนนี้เท้าลอยเหนือพื้น กําลังพุ่งเข้ามาแบบเร็วสุดๆ
เมื่อหันไปมองสาวกและทาสผีพวกนั้นอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างผมไม่ถึง 100 เมตรแล้ว
ระยะห่างขนาดนี้ สามารถพูดได้ว่าอันตรายมาก
โดยเฉพาะกับทาสผีพวกนั้น ระยะร้อยเมตร แทบจะเรียกว่าไม่ไกลเลยด้วยซ้ํา
เพราะพวกมันลอยตัว ความเร็วเลยเกือบเป็นสองเท่าของพวกเรา
ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีอารมณ์อยากพูดมากกับเจ้าจางจีเทา เพียงตะโกนกลับไปสั้นๆ “แม่ถึง ซิ…..”
หลังจากพูดจบ ผมก็พุ่งออกไปทันที
แต่หลังออกไปได้แล้ว ผมไม่ได้วิ่งหนีทันที
แต่หยิบยันต์แผ่นใหญ่ออกมา แล้วแปะไปที่ประตูบานนั้น
ยันต์ไม่ได้ผลกับพวกสาวก แต่มันต้องหยุดทาสผีพวกนั้นได้อย่างแน่นอน
“เหล่าติง นายทําอะไร ? เร็วซิ” เหล่าเพิ่งกระตุ้นผม
“ติงฝาน เร็วหน่อย ไม่ต้องแปะแล้ว !” àยเฉิงจิงเองก็ขมวดคิ้ว
หลังจากผมแปะยันต์ไปห้าแผ่นแล้ว ผมก็ไม่ลังเล รีบวิ่งตามพวกเหล่าเฟิงไปทันที “มาแล้ว !”
ขณะพูด พวกเราก็รีบวิ่งไปข้างหน้า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ที่หมอกหนาตั้งแต่ที่แรก
เพราะผมแปะยันต์เอาไว้หลายแผ่นแล้ว ทาสผีพวกนั้นไม่มีทางออกมาได้ตั้งแต่วินาทีแรก
อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเจ้าจางจีเทา เขาเพิ่งสัมผัสกับประตู ก็โดนพลังจากยันต์ช็อตเข้าให้แล้ว
ทําอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้พวกสาวกที่วิ่งตามมาข้างหลังมาถึงก่อน
เปิดประตูออก จากนั้นก็แกะยันต์ออกให้พวกเขา พวกเขาถึงจะออกมาไล่ล่าพวกเราได้
แต่หลังจากจางจีเทาและพวกทาสผีออกมาได้แล้ว เขาจะยังเห็นเงาของพวกเราได้งั้นเหรอ ด้านนอกมีหมอกหนาทึบ ไม่มีใครมองเห็นพวกเราเลยสักคน
แน่นอน ในฐานะวิญญาณ พวกเขาสามารถใช้การดมกลิ่นได้ รับรู้ถึงพลังที่ร่างกายมนุษย์ของพวกเราปล่อยออกมา จากนั้นถึงจะตามพวกเรามาได้
แต่พวกเราเตรียมการมาแล้ว ทุกคนแปะยันต์ปิดกั้นลมหายใจลงบนตัว
ด้วยเหตุนี้ พอพวกเราออกมาพ้นประตูแล้ว ก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกเราอีก
จางเทาโมโหหนักมาก ได้แต่ยืนตะคอกอยู่หน้าประตู จากนั้นก็ให้พวกทหารออกไปตามหาพวกเราทุกทิศทุกทาง
พวกเราวิ่งเข้าไปในหมอกของป่า ได้ยินเสียงตะคอกของจางจีเทา จึงรู้ว่าเจ้าหมอนี่โมโหจนหัวเสียแล้ว
ดังนั้น พวกเราเลยต้องเร่งความเร็ว รีบวิ่งไปทางเล็กๆด้านหลังหุบเขาที่เคยมาเมื่อตอนแรก
ตรงนั้นมีการเฝ้าระวังที่เปราะบางที่สุด
ขอแค่พวกเราไปถึงทางนั้นได้ ลงไปจากหน้าผาแล้ว เราก็จะมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดได้มากที่สุด
แต่สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นคน ผลลัพธ์เพิ่งวิ่งไปได้แค่สิบนาที พวกทหารก็ไล่ตามมาแล้ว
จิ้งจอกน้อยมีประสาทสัมผัสไวที่สุด เธอรับรู้ว่าข้างหลังมีบางอย่างผิดปกติได้ทันที “ ทุกคนระวังตัว
พวกมันไล่ตามมาแล้ว รีบหาที่ซ่อนเร็วเข้า !”
เสียงของจิ้งจอกน้อยเพิ่งเงียบลง ผมก็รับรู้ได้ลางๆว่าข้างหลังมีพลังหยินจางๆปรากฏขึ้น
มันชัดเจน นี่คือทาสผีเขี้ยวเล็บขององค์กรตาผี
“แม่งเอ้ย มาเร็วจริงๆ……” ผมบ่นพึมพ่า
แต่เสียงเพิ่งเงียบลง นุ่ยเฉิงจึงกลับขมวดคิ้ว แล้วมองไปรอบๆ “ แถวนี้โล่งจะตาย แม้แต่พุ่มไม้ก็ไม่มี
แล้วเราจะไปซ่อนที่ไหนได้ ?”