ศพ – ตอนที่ 419 ซ่อนตัว

ตอนที่ 419 ซ่อนตัว

พวกนั้นตามมาเร็วมาก ไม่รอให้พวกเราได้เข้าใกล้ทางเส้นนั้น พวกทาสผีระลอกแรกก็ตามมาทันแล้ว

ถ้าสร้างเรื่องยุ่งขึ้นที่นี่ อีกเดี๋ยวก็ต้องมีสาวกหรือผีตนอื่นๆตามมาอีกเป็นโขยงใหญ่ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน

แต่จะใช้ยันต์ปิดลมหายใจซ่อนตัว ที่นี่ไม่มีที่ใหญ่ๆซ่อนสักหน่อย

มีแต่ก้อนหิน จะไปซ่อนที่ไหนได้

ทํายังไงดี ทํายังไงดี ตอนนี้ผมหัวร้อนสุดๆ

“ตื่นเต้นดีจริงๆ พวกนายสองคนนี้ช่างกล้าไปหาเรื่องสาขาย่อยขององค์กรตาผีนะ ทําให้ใจเต้นได้จริงๆ”

พี่เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น

แต่เสียงของพี่เฟิงเพิ่งเงียบลง เสี่ยวเหมยก็แยกเขี้ยวออกมา แล้วพูดว่า “สู้กับพวกมันเลยไหม

เสี่ยวเหมยรู้ดี ถึงเธอจะเป็นจิ้งจอก แต่ก็เร็วสู้ผีพวกนั้นไม่ได้
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะยันต์ปิดลมหายใจ พวกเราก็คงตกเป็นเป้าไปนานแล้ว ไหนเลยจะยังวิ่งหนีได้แบบนี้

“ไม่ได้ ถ้าสู้ขึ้นมา เราหนีไม่รอดแน่ !” เหล่าเฟิงพูดขึ้นมาสั้นๆ

“ฮึ! งั้นพวกเราจะรอความตายแบบนี้หรือยังไง ?” เสี่ยวเหมยพูดต่อ

ผมทําหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็กวาดตามองรอบๆอีกครั้ง

ทันใดนั้นเอง ผมก็พบว่าตรงหน้ามีพื้นที่ไม่เรียบอยู่แห่งหนึ่ง

หรือติดกันสองแห่งด้วยซ้ํา ตรงนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อทั้งหมด มีสองที่ที่เป็นหลุมตื้นๆพอดี

ท่าทางพอเหมาะ เหมือนจะให้คนซ่อนได้สองคนพอดี

และในบรรดาพวกเรา มีแค่ผม เหล่าเฟิง และนุ่ยเฉิงจึงเท่านั้นที่เป็นมนุษย์

พี่เฟิงเป็นวิญญาณ สามารถกลับเข้าร่างเหล่าเฟิงได้

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็สามารถใช้หลุมที่พอเหมาะสองหลุมนี้ ซ่อนตัวอยู่ในนั้นได้

ตรงนี้ไม่มีพุ่มไม้ แต่กลับมีหญ้าแห้งไม่น้อย

ขอแค่พวกเราเร็วหน่อย ใช้หญ้าแห้งมาคลุมตัวพวกเราอีกที ทําเป็นที่กําบัง

จ่ๆในสมองของผมก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ผมเลยรีบพูดขึ้นมาว่า “ มีวิธีแล้ว ด้านหน้ามีหลุมอยู่สองหลุม

พวกเราซ่อนตัวในนั้นได้ จากนั้นก็ค่อยเอาหญ้าแห้งมาปิดตัวอีกที”

พลังหยินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทาสผีพวกนั้นกําลังเข้ามาใกล้พวกเราอย่างรวดเร็ว

นุ่ยเฉิงจึงร้อนใจ รีบพูดต่อทันที “งั้นก็อย่ารอช้าอยู่เลย พวกเรารีบไปกันเถอะ !”

ทุกคนไม่รอช้า รีบเข้าไปใกล้ตรงนั้นทันที

หลังจากมาถึงสองหลุมนั้นแล้ว จิ้งจอกน้อยก็หมุนตัว กลับไปเป็นร่างเดิม แล้วเข้าไปซ่อนในหลุมทันที

เหล่าเฟิงเองก็ไม่ลังเล รีบลงไปซ่อนตัวด้วย

พี่เพิ่งกลับรีบเอาหญ้าแห้งด้านข้าง มาช่วยคลุมปากหลุมของเหล่าเฟิงและจิ้งจอกน้อยอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ผมและนุ่ยเฉิงจึงเลยต้องซ่อนอยู่ในหลุมข้างๆ

จะนอนลงไปไม่ได้แน่ๆ เพราะมันไม่ได้กว้างขนาดนั้น

ดังนั้นพวกเราสองคนเลยได้แต่หันหน้าชนกัน แต่ทุกอย่างเพิ่งลงตัว พวกเราก็พบว่าตัวเราอยู่ใกล้กันมาก

ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว

และหน้าของผมกับจุ่ยเฉิงจัง ก็ดูเหมือนจะห่างกันไม่ถึงยี่สิบหรือสามสิบเมตรด้วยซ้ํา

เราสองคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นเราก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

เอาชีวิตรอดสําคัญกว่า ดังนั้นเรื่องนี้เลยไม่ได้มีอะไรที่พวกเราต้องรู้สึกไม่ดี

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีแรงดันมาจากหลังมือของผม ทําให้ผมตั้งตัวไม่ทัน

เดิมที่ยังห่างจากจุ่ยเฉิงจึงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ตัวของพวกเราติดกันได้แล้ว

ผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของหน้าอก ตัวของผมกดทับจุ่ยเฉิงจึงตรงๆ

หน้าของเราสองคนเบียดเข้าด้วยกัน อีกนิดเดียวก็เกือบจะจูบกันแล้ว

“พวกนายจะอยู่ห่างอะไรขนาดนั้นฮะ อยากโดนเจอตัวหรือไง เข้าไปใกล้กันหน่อย ใช่ ใช่ ซ่อนแบบนี้แหละ” พี่เฟิงพูดดตรงๆ

ที่แท้คนที่ดันผม ก็คือพี่เฟิง

แต่เขาเพิ่งพูดจบ ก็ผลักผมอีกครั้ง คราวนี้ละดีจริงๆ เพราะใช้แรงเยอะเกินไป เลยทําให้นุ่ยเฉิงจิงโดนเบียดจนเจ็บตัว
นุ่ยเฉิงจึงถึงกับอดไม่ได้ที่ร้องออกมา “โอ๊ย” เสียงเบามาก แต่ท้ายที่สุดนุ่ยเฉิงจิงก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนี้เธอเลยหน้าแดงไปจนถึงต้นคอแล้ว

ส่วนผม ก็เป็นเจ้าคนเอาเปรียบผู้หญิงไปแล้ว

ผมรับรู้ได้เพียงความอ่อนนุ่มของหน้าอกขนาดใหญ่ จะขยับก็ขยับไม่ได้ ผมเลยได้แต่ยืนนิ่ง

อยู่แบบนี้

ส่วนพี่เฟิง ก็รีบยกหญ้าแห้งที่อยู่รอบๆมาปิดตัวพวกเรา

หลังจากเคลื่อนที่อย่างกับความเร็วแสง และกลับเข้าไปในร่างเหล่าเฟิงทันที

ขณะมองวุ่ยเฉิงจึงหน้าแดง ผมก็ได้แต่หันหน้าไปทางหนึ่ง เพราะอายสุดๆ

จากนั้นผมก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “เอ่อ เอ่อขอโทษที ฉันจะขยับไปข้างหลังหน่อย”

ขณะพูด ผมก็กําลังจะขยับไปข้างหลัง

แต่ทันใดนั้นฉัยเฉิงจึงกลับพูดขึ้นมาว่า “ไม่ ช่างเถอะ ! เดี๋ยวจะโดนจับได้”

พอได้ยินคําพูดนี้ ผมก็ทําหน้าล่าบากใจอีกครั้ง “งั้น งัน งั้นก็ได้ !”

“ตึกๆๆ” ใจผมเต้นแรง ไม่ใช่ว่าผมอยากแต๊ะอั้งเธอนะ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ

ทาสผีพวกนั้นออกมาปรากฏตัวอย่างกระทันหัน แถวนี้ก็มีแค่สองหลุมเท่านั้น เลยได้แค่ซ่อนตัวกันทั้งๆแบบนี้

ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษเจ้าเหล่าเฟิง

ดันไปเลือกซ่อนตัวในหลุมที่เล็กกว่า ถ้าเขายกหลุมนั้นให้นุ่ยเฉิงจัง ผมสองคนก็คงไม่ต้องมาซ่อนตัวกันท่านี้

ดังนั้น ผมเลยได้แต่เบียดกันอยู่ในหลุมแบบนี้ ไม่เพียงเบียดจนหน้าอกเธอเปลี่ยนรูป แม้แต่ข้าก็ยังติดมันด้วย

ท่าที่คลุมเครือแบบนี้ ฆ่าคนได้จริงๆ

และถ้าเรื่องนี้ไปเข้าหูยัยเมียจอมขี้โมโหของผมละก็ ผมต้องโดนเธอถลกหนังแน่ๆ

ผ่านไปไม่นาน พวกทาสผีก็ไล่ตามมาทันแล้ว

สัมผัสได้เพียงลมหนาวพัดเข้ามา ทหารผีจํานวนหลายสิบตัวลอยผ่านพวกเราไป

เพราะมียันต์ปิดลมหายใจอยู่ แถมพี่เฟิงยังปิดหลุมให้พวกเราดีมาก พวกมันเลยไม่เห็นพวกเราเลยสักคน

พวกเราสามารถมองผ่านช่องว่างระหว่างเส้นหญ้าได้ ตอนนี้พวกเราเห็นผีหน้าขาวซีด และพวกสัตว์ร้ายที่มือเท้าติดพื้น พวกมันลอยผ่านพวกเราไปอย่างต่อเนื่อง

หรือแม้แต่มีทาสผีสองตัว ลอยผ่านบนหัวของพวกเราไป

ฉากนั้นทําให้พวกเราตกใจจนเหงื่อตก กลัวว่าพวกมันจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เราเลยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

ผ่านไปไม่นาน ทาสผีพวกนี้ก็จากไป

เราคิดว่าพวกมันไปแล้วก็คือจะจบลงแค่นี้ แต่ไม่รอให้พวกเราลุกออกมา ก็มีฝีเท้าของคนดังขึ้น

เมื่อทําอะไรไม่ได้ พวกเราเลยได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในนี้

และเสียงฝีเท้าก็หมายถึงคน หรือพวกศพเดินได้ พวกเราไม่กล้าขยับตัวยิ่งกว่าเดิม

ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนกลุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้

คนพวกนี้มีสาวกเจ็ดแปดคน ข้างๆยังมีพวกทาสศพอีกหลายตัว แต่ศพพวกนั้นเป็นศพเดินได้ทั้งนั้น

ไม่ใช่ผีดิบ

พอพวกมันมาถึงตรงนี้แล้ว ก็กวาดตามองรอบๆทันที

จากนั้นเสียงของสาวกคนนึงก็ดังขึ้น “หัวหน้าคง พวกเราจะตามหายังไงดี”

“ จะหายังไงละ ? ก็หามันทุกวิถีทางนั่นแหละ จะให้เจ้านักพรตไม่กี่คนนั้นหนีไปไม่ได้เด็ดขาด แม่งเอ้ย

ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะฉันวิ่งเร็ว ป่านนี้ก็คงโดนเจ้าพวกนักพรตนั่นฆ่าตายไปแล้ว ” เสียงของเจ้าผอมดังขึ้น

ในเวลาเดียวกันเขาก็เตะไปที่พื้น หินสองสามก้อนกระเด็นไปรอบๆทันที หนึ่งในนั้นตกลงมาในที่ที่พวกเราซ่อนตัวอยู่
ผมตกใจ ใจเต้นแรงทันที

ต่อจากนั้นสาวกอีกคนกลับพูดว่า “ หัวหน้าคง ตามหลักแล้วพวกมันไม่มีทางหนีจากพวกทาสผีไปได้

แต่ตอนนี้กลับหายตัวไปดื้อๆ คุณว่าพวกมันขึ้นไปซ่อนบนต้นไม้หรือเปล่า ? ”

“ใช่ อาจซ่อนอยู่บนต้นไม้ก็ได้” สาวกอีกคนเห็นด้วย

ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง เจ้าผอมกลับทําหน้าอารมณ์บูด “แกเห็นพวกผีกินขี้เป็นอาหารหรือไง ? ถ้าซ่อนอยู่บนต้นไม้พวกมันจะไม่เห็นเลยหรือไง ? ทําไมแกถึงไม่พูดว่ามันซ่อนอยู่ในกองหญ้านี้มากกว่าบนต้นไม้ฮะ ?”

หลังจากพูดจบ เจ้าผอมก็ชี้มาตรงที่พวกเราซ่อนตัวอยู่

สาวกคนข้างๆฟังแล้วกลายเป็นไอ้โง่ ทําหน้าเหวอในทันที “ใช่ อาจเป็นไปได้ หัวหน้าคงเดี๋ยวผมไปดูให้”

หลังจากพูดจบ สาวกหน้าโง่ไม่กี่คนนั้น ก็กลับมาทําหน้าเคร่งขรึม แล้วเดินตรงมาที่ที่พวกเราซ่อนตัวอยู่…

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset