ตอนที่ 421 โดนล้อม
พอเห็นผีร้ายพุ่งเข้ามาจะเอาชีวิตพวกเรา พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเข้าไปกําจัดแล้วไปต่อ
ผมจองพวกมัน จากนั้นก็ตะโกนออกมาทันที “ฆ่า !”
เสียงเพิ่งเงียบลง จิ้งจอกน้อยก็ทําตาขวาง ค่ารามออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ทันที
ในตัวเหล่าเฟิง มีวิญญาณดวงหนึ่งลอยออกมา
นั่นก็คือพี่เฟิง พี่เฟิงลอยขึ้นไปกลางอากาศ แล้วลงมือแบบจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่เริ่มต้นเลย
ผม เหล่าเฟิง และนุ่ยเฉิงจิง ก็ไม่ลังเลเลยสักนิด แยกย้ายพุ่งเข้าไปสังหารทันที
ทาสผีทั้งเจ็ดแปดตนนั้น ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราอยู่แล้ว
เพิ่มปะทะกัน อีกฝ่ายก็โดนฆ่าไปสามตัวแล้ว
ผมไม่ลังเลหยิบกระดึงออกมา แล้วเขย่าทันที
“กร็งกริ้งกริ้ง” เสียงกระดิ่งอันคมชัดดังก้อง
ทาสผีพวกนั้น จะต้านอยู่ได้ยังไง ตอนนี้พวกมันโดนสยบเอาไว้ทั้งหมด
ทุกคนแยกย้ายลงมือ เริ่มสังหารทันที ทาสผีเจ็ดแปดตน ตายภายในสิบวินาที
แม้จะฆ่าพวกมันได้เร็วมาก แต่ตอนนี้แม้แต่วินาทีเดียวก็เป็นที่สําคัญมากสําหรับพวกเรา
เพียงแค่สิบวินาทีนี้ ก็มีพลังหยินระเบิดตามมาจากทางด้านหลังแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ยังมีเสียงร้องคารามอย่างต่อเนื่อง
พอหันไปมอง วิวก็บัดซบใช้ได้เลย นั้นเป็นศพเดินได้ 5 ตน และพวกทาสศพ
แม่ในบรรดาทาสศพพวกนั้นจะไม่มีที่กําลังกลายสภาพ เป็นผีดิบ และไม่มีพวกผีดิบผิวทองแดง
หรือประเภทที่มีพละกําลังมหาศาล
แต่ความเร็วและพลังโจมตีของศพเดินได้พวกนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะประมาทได้
สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ บนร่างกายของพวกมันมีพิษศพอยู่
ถ้าติดพิษศพเข้าละก็ ในสถานที่แบบนี้ เราไม่มีทางหยุดพักเพื่อถอนพิษได้อย่างแน่นอน
พอเป็นแบบนั้น พิษศพก็อาจลามไปถึงหัวใจของเรา
ผลลัพธ์ที่ตามมา สามารถจินตนาการได้ เป็นอาการที่ร้ายแรงมากอย่างแน่นอน
“ยังมีศพเดินได้อีก ที่นี่น่าสนใจจริงๆ !” จู่ๆพี่เฟิงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น
แต่ผมกลับทําหน้าเครียดสุดๆ “อย่าไปสนพวกมัน พวกเราหนีต่อเร็วเข้า !”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็วิ่งไปข้างหน้าต่อ
แต่เพิ่งวิ่งไปได้แค่สักพัก ด้านหน้าก็มีทาสผีอีกสิบกว่าตนปรากฏขึ้นอีก
และในทาสผีสิบตนนี้ ยังมีผีชุดเหลืองหนึ่งตนด้วย
ระดับชุดเหลือง เป็นสิ่งที่พวกเราประมาทไม่ได้จริงๆ
หากสู้กันตัวต่อตัว แบบไม่ใช้อาวุธใดๆ ผีในระดับนี้ อาจเป็นฝ่ายกดดันพวกเรา
ตอนนี้ข้างๆยังมีลูกน้องอยู่ด้วยเยอะขนาดนั้น เป็นอะไรที่ต่อกรด้วยได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
พอผีชุดเหลืองตนนั้นเห็นพวกเรา มันก็กรีดร้องออกมาทันที
“อร้าย !
เสียงดังมาก ราวกับสามารถฉีกกระฉากท้องฟ้ายามค่ําคืนได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากมันกรีดร้องออกมา พลังหยินอันมหาศาลก็ปั่นป่วนบรรยากาศรอบๆ ดูน้องผีสิบกว่าตนที่อยู่ข้างๆ ต่างพุ่งเข้ามาหาพวกเราทันที
ผมทําอะไรไม่ได้ ผมได้แต่ใช้กระดิ่งเท่านั้น
มีเจ้านี้อยู่ ต่ํากว่าผีชุดแดงลงมา ผมยังไม่รู้สึกกลัวผีพวกนี้เท่าไหร่
แต่ตอนยกกระดิ่งขึ้นมา และเตรียมจะเขย่านั้น ผมกลับต้องตกตะลึง ตอนนี้รอยแตกที่อยู่บนตัวกระดิ่ง
กลับใหญ่และยาวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ผมตกใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมรักษาเจ้านอย่างดี คราวก่อนพอเห็นรอยแตกบนกระดิ่งแล้ว ผมก็ดูแลมันอย่างระมัดระวังมาตลอด
แต่ทําไมตอนนี้มันถึงมีรอยแตกใหญ่กว่าเดิมได้ละ
แม้จะสงสัย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ผมได้คิดมากแล้ว
ได้แต่ยกกระดิ่งขึ้นสูง แล้ว “กร็งกริ้งกริ้ง” เขย่ากระดิ่งอีกครั้ง
เสียงกระดิ่งอันคมชัดดังกังวาลอีกครั้ง
ทาสผีที่เข้ามาใกล้พวกเราในระยะห้าเมตร โดนเสียงกระดิ่งสยบเอาไว้ทั้งหมด แต่ละตนเอามือปิดหู
เห็นได้ชัดว่ากําลังทรมานมาก
ถ้ไม่ถอยหลัง ก็ล้มลงไปนอนดิ้นกับพื้น
แม้แต่ผีชุดเหลืองที่ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร ก็ยังทําท่าทางหวาดกลัว และถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว
ในเวลานี้เหล่าเฟิงพี่เฟิงนุ่ยเฉิงจังและจิ้งจอกน้อย ไม่สนใจอย่างอื่นมากนักแต่ละคนใช้โอกาสนี้
สังหารทาสผู้ที่เข้ามาขวางทางพวกเราทันที พวกเขาไม่ให้ทางรอดกับพวกมันเลยสักนิด
การเมตตากับศัตรู ก็คือการทําเรื่องเลวร้ายกับตัวเอง
โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งลังเลมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมาก็ยิ่งร้ายแรงมากเท่านั้น
ผ่านไปแค่พริบตาเดียว ทาสผีสิบกว่าตนนั้น ก็ตายไปกว่าครึ่งแล้ว
แม้พวกเราจะได้เปรียบ แต่ผลที่โดนถ่วงเวลา ก็ทําให้ซากศพและสาวกเจ็ดแปดคนที่ตามมาข้างหลังได้เข้ามาอยู่ในระยะสังหารแล้ว
เหมือนเจ้าศพพวกนี้จะมีภูมิคุ้มกันต่อเสียงกระดิ่ง พอสัมผัสโดนเจ้าสิ่งนี้พวกมันกลับไม่เป็น อะไรเลยสักนิด
สําหรับสาวกพวกนั้น เหมือนไม่ได้ยินเสียงกระดิ่ง มีภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์
“โฮก !” ซากศพตะโกน พร้อมตวัดกรงเล็บมาทางพวกเรา
แม้จะกําาลังสั่นกระดิ่งอยู่ แต่ผมก็คอยระวังข้างหลังเช่นกัน
พอเห็นพวกศพพุ่งเข้ามา ผมก็แกว่งดาบในมือไปรับไว้
เจ้าศพตนนั้นไม่เกรงกลัวเลยสักนิด มันดุร้ายผิดปกติ
มันไม่กลัวดาบในมือผม ยกมือขึ้นปัดทันที
ผลลัพธ์พอผมตวัดดาบลงไป ก็ตัดกรงเล็บอันแหลมคมของมันออกทันที
เลือดสีดําๆหยดลงมาจากนิ้วของมัน แต่เจ้าศพนี่เหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดมันไม่สนมือ ของตัวเองเลยสักนิด ยังคงขยับมือเข้ามาจับผมและคิดจะกัดผมอีก
ผมไม่กล้าประมาท รีบถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว
แต่พอผมถอยหลังไป ซากศพอีกสองสามตัวก็พุ่งเข้ามา กวาดแกว่งกรงเล็บอย่างบ้าคลั่งและคิดจะฉีกพวกเราเป็นชิ้นๆ
สาวกเจ็ดแปดคนนั้น ยกดาบขึ้น
ระหว่างนั้น พวกเราก็ถูกศัตรูล้อมเอาไว้ทั้งสี่ด้าน
ในเวลาเดียวกัน ผมก็สัมผัสได้ว่ามีพลังหยินที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมกําลังเข้ามาใกล้ และได้ยินเสียงคํารามของศพจํานวนมาก
พวกเราทุกคนรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเราจะทําอะไรได้
ยกมือยอมแพ้งั้นเหรอ นั่นไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
หากตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกทาสผี ศพ หรือสาวกพวกนี้ อย่าหวังว่าจะได้มีชีวิตเลยคงโดนล่ามวิญญาณ สุดท้ายก็โดนฝึกให้เป็นทาส หรือไม่ก็โดนทรมานจนวิญญาณแตกสลาย
ผลลัพธ์แบบนี้พวกเรารับไม่ไหว สิ่งที่เราทําได้ในตอนนี้คือ ลุยฝ่าไปข้างหน้าออกจากทางเลือดนี้ให้ได้
ผมสั่นกระดิ่งอีกครั้ง ยกดาบขึ้นกวาดแกว่ง และฆ่าทาสผีที่โดนเสียงกระดิ่งสยบไว้ได้หนึ่งตัว
ในเวลาเดียวกัน ผมก็พลิกดาบ ไปช่วยเหล่าเฟิงจัดการทาสศพอีกตัว
“รอบๆมีทาสผีและศพเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเราต้องเร่งความเร็วกันแล้ว……”
เหล่าเพิ่งพิงหลังผม มองรอบๆอย่างเยือกเย็น “ได้ พอฉันนับ หนึ่ง สองสามแล้วพวกเราก็พุ่งไปข้างหน้าเลยนะ !”
“อือ” ผมตอบรับ จากนั้นก็รับการโจมตีของสาวกคนนึง
ตอนนี้ตัวอันตรายที่สุด ไม่ใช่พวกทาสผี ซากศพ หรือลูกสมุนตัวกระจ๊อกพวกนี้
สิ่งที่พวกเรากลัวที่สุด ยังเป็นยัยป้ามั่นหน้าและก่ยซานหยวน
ถ้าหมอผีทั้งสองตนนี้ปรากฎตัว พวกเราไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน
พลังของหมอผีสองตนนี้ เทียบได้กับของมู่หลงเหยียน
ลองคิดดูในบรรดาพวกเรา มีใครสู้กับมู่หลงเหยียนได้บ้างละ
แม้แต่พี่เฟิงและจิ้งจอกน้อยเองก็รับมือกับมู่หลงเหยียนในร่างจริงได้แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการปรากฏตัวของเจ้าหมอผีสองตนนั้น หากยังเสียเวลาแบบนี้ต่อไป
ถึงพวกเราจะไม่ตาย แต่ถ้าก่ยซานหยวนและยัยป้ามั่นหน้าออกมาปรากฏตัวจริงๆไม่มีใครในพวกเราได้รอดออกไปจากเขาเขี้ยวหมาป่าแห่งนี้อย่างแน่นอน
ผมรู้สึกกังวลมาก ส่วนเหล่าเฟิงก็เริ่มนับแล้ว หนึ่ง สอง สาม…..
ตอนที่ค่าว่า “สาม” ดังขึ้น ผมและเหล่าเฟิงก็ตะโกนออกมาหนึ่งครั้งยกดาบไม้ขึ้นเปิดพลังของตัวเองจนถึงขั้นสูงสุด
เราจับดาบไม้แน่นแล้วพุ่งเข้าไปหาทาสผีที่อยู่ตรงหน้าทันที…..