ศพ – ตอนที่ 422 อันตราย

ตอนที่ 422 อันตราย

ในขณะที่ผมและเหล่าเฟิงตะโกนออกมา และพุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ที่อยู่ตรงหน้า

ทาสผีพวกนั้น ก็แยกเขี้ยวกวัดแกว่งกรงเล็บใส่พวกเรา

การเคลื่อนไหวของพวกมันเร็วมาก แถมยังมีพลังหยินที่ทรงพลังอีกด้วย

แต่ครั้งนี้พวกเราแทบจะสู้สุดชีวิต เพิ่งปะทะกัน ผมและเหล่าเฟิงก็ฟันทาสผีสองตนตายคาที่

ด้านข้างยังมีพี่เฟิง นุ่ยเฉิงจิง จิ้งจอกน้อย ทุกคนแยกย้ายลงมือ ทําลายผีที่มาขวางทางอย่างรวดเร็ว

เพราะกระดิ่งที่อยู่ในมือผม ส่งผลกระทบต่อพวกวิญญาณมาก

ดังนั้น ภายใต้การสยบของเสียงกระดิ่ง กลุ่มทาสผีที่ขวางเราอยู่ข้างหน้า ก็กลายเป็นฝ่ายอ่อนแอขึ้นมาทันที

โดนพวกเราจัดการอย่างรวดเร็ว ส่วนพวกเรา ก็รีบวิ่งออกไปอย่างสุดชีวิต

ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่พวกเราก็ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด

เพราะข้างหลังพวกเรา ยังมีทาสผี ซากศพ สาวกและตัวประหลาดอีกนับไม่ถ้วน

เราไม่กล้าหยุดแม้แต่น้อย เพิ่งออกจากวงล้อมได้ พวกเราก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

“ฮฮฮ” เสียงลมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผีด้านหลังคํารามและกรีดร้องออกมาไม่หยุด

พวกเราวิ่งหน้าตั้งกันเลยทีนี้ แต่บางครั้งก็ยังเจอกองทหารศพ หรือวิญญาณที่กําลังลาดตระเวนอยู่ แต่พวกเราก็ฆ่าทิ้งลูกเดียว

ถึงอีกฝ่ายจะไม่ตาย พวกเราก็ไม่ได้เจอเรื่องยุ่งตามมา

เพราะมีกระดิ่งอยู่ ถึงผีรอบๆจะเร็วกว่าพวกเรา แต่ก็ยากที่จะสร้างปัญหาหรือภัยคุกคามให้พวกเราในเวลาสั้นๆ

เพราะเมื่อเจ้าพวกนั้นเข้ามาใกล์ ผมก็จะสั่นกระดิ่งทันที

หลังจากที่พวกมันโดนสยบ ท่าทางเสียกําลังในการต่อสู้ พวกเราก็จะลงมือฆ่าทันที

พวกเราใช้วิธีนี้ ฆ่าผีที่อยู่ข้างทางและวิ่งไปพร้อมๆกัน
ส่วนความเร็วของเจ้าพวกศพเดินได้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกระดิ่งนี่กลับไม่ได้เรื่องพวกมันไล่ตามมาไม่ทัน

สาวกพวกนั้นตามมาทัน แต่ก็ไม่มีหมอผีที่แข็งแกร่งมากนัก แต่ละคนต่างหยุดพวกเราไม่ได้ทั้งนั้น

สาวกพวกนั้นก็กลัวตาย ไม่มีใครยอมเสนอหน้าออกมาคนแรก ผลลัพธ์ก็เหมือนกับทาสผีพวกนั้น

ถ้าไม่ตามพวกเรามาข้างหลัง ก็ลองโจมตีมัวๆ

การกระทําแบบนี้ ไม่ได้สร้างภัยคุกคามให้พวกเราเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหยุดพวกเราเลย

หรือจะพูดอีกอย่างคือ ตอนนี้ดูเหมือนพวกทาสผี ซากศพ สาวกและอื่นๆที่ตามมาข้างหลังไม่ได้สร้างปัญหาให้พวกเราเท่าไหร่ หรือแม้แต่ “อันตรายถึงชีวิต”

แน่นอนว่า พวกเราไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เพราะเจ้าพวกนี้ชอบลอบโจมตี

ถ้าเสียสมาธิไปแม้แต่น้อย ก็อาจพลาดท่าจนถึงชีวิต

หลังจากวิ่งมาได้ประมาณสิบนาทีกว่าๆ พวกเราก็เหนื่อยจนหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังต้องวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ พวกเราเข้ามาใกล้หน้าผาที่ปืนขึ้นมาในตอนแรกแล้ว

ขอแค่พวกเราลงจากหน้าผาได้ หลังจากนั้นก็หนีออกไปตามทางสายเล็กเส้นนั้นพวกเราก็น่าจะรอดชีวิตแล้ว

ในใจรู้สึกดีใจนิดๆ รู้สึกว่าทางรอดอยู่ตรงหน้านี้เอง

แต่คนกําหนดไม่เหมือนกับสวรรค์ลิขิต ในขณะที่พวกเรากําลังเข้ามาใกล้หน้าผาออกจากป่า

มาถึงพื้นที่เปิดโล่งเล็กๆ พวกเราก็ต้องหยุดฝีเท้าอย่างรวดเร็ว

เพราะวินาทีที่พวกเราก้าวขาออกจากป่า เราก็เห็นตรงหน้าอย่างชัดเจน

พื้นที่โล่งโจ้งตรงหน้า ตอนนี้มีทาสผี ศพ สัตว์ประหลาดยืนขวางทางหนีของพวกเรากันอย่างหน้าตา

และผู้นําของเจ้าพวกนั้น ก็มีชื่อเสียงกระฉ่อน เป็นหมอผีที่โดนคนทุกสํานักตามล่าปรมาจารย์

ปุยซานหยวน

ทางด้านซ้ายและขวาของเขา มีเจ้าจางจีเทาที่ไร้กายเนื้อ และผียัยแก่ใส่ชุดคลุมสีดํายัยป้าคนสวยยืนประกบข้างอยู่

พอเห็นภาพตรงหน้า พวกเราทุกคนก็ตกใจกันสุดขีด หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือหัวใจหยุดเต้นกันเลยทีเดียว

แล้วแบบนี้จะหนีหรือจัดการพวกมันได้ยังไง

กองกําลังมหึมาตรงหน้า เป็นหมอผีและบริวาณทั้งนั้น แค่กําลังของพวกเราไม่กี่คนจะมีปัญญาหนีออกไปได้งั้นเหรอ

เลิกล้อเล่นได้แล้ว นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ

ในขณะที่พวกเราหยุดยืนอยู่ที่เดิม มองทุกอย่างตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่งอึ้ง

จู่ๆก่ยซานหยวนที่เป็นผู้นําก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ฮ่าๆๆ ! คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพวกเราจะได้มาเจอกันอีกเร็วขนาดนี้”

เสียงของปุยซานหยวนเพิ่งเงียบลง ยัยป้าคนสวยก็พูดต่อด้วยน้ําเสียงแปลกๆ “สวรรค์มีทางให้เดินแกกลับไม่เลือกนรกไม่มีประตูแกกลับมาเยือนถึงที่ดูซิวันนี้ใครจะกล่ามาช่วยพวกแกอีก”

“ใช่ ติงผ่านคืนนี้ฉันจะฆ่าแกให้ได้ เอาวิญญาณของแกมาทําเป็นทาส ทุกข์ทรมานอยู่กับฉันตลอดไป !” จางจีเทาพูดเสียงเข้ม

วินาทีนี้ ใจของผมก็ล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อย
เหตุการณ์ในตอนนี้ยังจะมีใครมาแก้ไขมันได้

แต่ ถ้าอยากให้ผมยกมือยอมแพ้ ผมไม่มีทางทําได้แน่ๆ

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดกับพวกเพื่อนๆว่า “ทุกคน วันนี้ฉันทําให้ทุกคนต้องล่าบากไปด้วยแล้ว แต่ ฉันไม่มีทางก้มหัวให้ไอ้พวกชั่วนี่เด็ดขาด !”

หลังจากพูดจบ ผมก็เคลื่อนพลังอีกครั้ง นําพลังเต้าฉือขั้นสุดของตัวเองเคลื่อนไปถึงจุดสูงสุดกะจะสู้จนตัวตาย

ในเวลานี้เหล่าเฟิง จี่ยเฉิงจัง พี่เฟิง และจิ้งจอกน้อยหันหน้ามามองผม

จู่ๆเหล่าเฟิงก็ฉีกยิ้มออกมา “ ตายแล้วยังไง ? ชีวิตในทะเลพวกนั้นฉันก็เคยผ่านมาแล้วเรื่องในวันนี้

จะมีอะไรน่ากลัวกันเชียว ”

เสียงของเหล่าเฟิงเพิ่งเงียบลง พี่เฟิงกลับเค้นเสียงดัง ฮี “เจ้าขยะ นั่นเป็นเพราะฉันทรมานแทนแกต่างหาก ในเมื่อวันนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นถึงขนาดนี้ งั้นก็ได้เวลายืดเส้นยืดสายสักหน่

เหล่าเพิ่งหันไปมองพี่ชายตัวเอง หานเฉ่วเฟิง ทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

แม้แววตาของฉยเฉิงจึงจะเผยให้เห็นความหวาดกลัว และไม่ได้เยือกเย็นเหมือนเหล่าเพิ่งและพี่เฟิง

แต่เธอก็ตัดสินใจเหมือนผม

เธอยังก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตวัดดาบออกไปหนึ่งครั้ง “ ฉันศิษย์เขาเหมาซานสามารถ

สามารถสละชีวิตได้ ถือ ถือ ถือเป็นเกียรติของฉัน ถึงฉันจะตาย อาจารย์ของฉันท่านเลี้ยฮัวก็ต้องมาแก้แค้นให้ฉันแน่ๆ”

กว่าจุ่ยเฉิงจึงจะพูดออกมาได้ แต่มันก็แสดงถึงความในใจของเธอ

สําหรับจิ้งจอกน้อย ตอนนี้มันกวาดสายตามองพวกเราแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตัวสั่นไปทั้งตัวทันใดนั้นมันก็กลายเป็นจิ้งจอกยักษ์ เห็นได้ชัดว่ามันคิดจะสู้สุดกําลัง เลยกลายร่างเป็นสัตว์อย่างเต็มตัว

ตัวมันสูงกว่าพวกเราประมาณเท่าตัว มุมปากเผยให้เห็นคมเขี้ยว ไอปีศาจแพร่ซ่านหางใหญ่ๆส่ายไปมาไม่หยุด

ในเวลาเดียวกัน เราได้ยินเสียงจิ้งจอกน้อยพูดกับพวกปุยซานหยวนว่า “ฮี! ถ้าพวกฉันเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย เผ่าจิ้งจอกแห่งเขาฉินของฉันจะต้องมาบดขยี้วิญญาณแกและพวกแกทั้งหมดแน่”

คําพูดของเสี่ยวเหมยุดยิ่งใหญ่และทรงอํานาจ แต่พวกเรารู้ดีแก่ใจ ว่านั่นเป็นเรื่องหลังจากนี้

และในสายตาของพวกหมอผี ปีศาจชั่วที่ฆ่าคนจนชินชาพวกนั้น คําพูดประเภทนี้มันไม่ได้ดูน่าหวั่นเกรงเลยสักนิด

ทันใดนั้นปุยซานหยวนก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ” “ท่านเลี่ยชั่ว ก็ไม่ใช่แค่คนที่ทําดาบเลือนปีศาจเลี่ยกวงหรือไง ? ปีนั้น ข้าโดนแทงไปสิบดาบ แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือไง ? ส่วนเผ่าจิ้งจอกแห่งเขาฉัน นอกจากนางพญาที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของเจ้ากลายร่างเป็นจิ้งจอกเก้าหางแล้วเผ่าจิ้งจอกของพวกเจ้าจะยังมีใครสู้กับองค์กรศักดิ์สิทธิ์ของเราได้อีกฮะ ?”

ตอนปุยซานหยวนพูดคําพูดพวกนี้เสร็จ เขาก็ทําท่าทางหยิ่งผยอง ดูท่าไม่เห็นส่านักเหมาซานและเผ่าจิ้งจอกอยู่ในสายตาเลยสักนิด

แม้ฉัยเฉิงจึงจะกลัว แต่เธอก็ยังกล้าพูดต่อ “ ถ้ามีอาจารย์ฉันอยู่ แกต้องตายอย่างอนาถแน่”

“งั้นเหรอแต่ตอนนี้ ข้าจะทําให้พวกแกตายอย่างอนาถยิ่งกว่า”

พอพูดมาถึงประโยคสุดท้าย น้ําเสียงของปุยซานหยวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาจนผิดปกติ

เขาสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นนั้นพวกศพและทาสผีที่อยู่ข้างๆ ก็ครามออกมาทันที

เสียงคํารามที่ไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ําคืน และสะท้อนก้องไปทั้งหุบเขาเขียวหมาป่า

เสี้ยววินาทีต่อมา เราก็เห็นกองกําลังผมหึมานั้น พุ่งเข้ามาหาพวกเราอย่างบ้าคลั่ง

จํานวนขนาดนี้ ถึงผมจะสั่นกระดิ่ง ก็คงไม่มีทางลงความเร็วของพวกมันลงได้…..

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset