ศพ – ตอนที่ 424 ศึกเป็นตาย

ตอนที่ 424 ศึกเป็นตาย

พลังต่อสู้ของจิ้งจอกน้อยเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้ ในความคิดผม พลังของจิ้งจอกน้อยน่าจะไม่ต่างอะไรกับผมมาก

แต่พอมาได้เห็นในวันนี้ โดยเฉพาะหลังจากจิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นสัตว์แล้วพลังต่อสู้ของเธอก็สูงกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก

พลังขนาดนี้ แทบจะถึงเต้าซื้อขั้นกลางเลยก็ว่าได้ หรือเพียงแค่ด้านพละกําลังอย่างเดียวก็สูงกว่าที่ผมคิดเอาไว้แล้ว

พอเห็นเสี่ยวเหมยคําราม แล้วพุ่งออกไป

พวกเราก็ไม่ลังเล รีบยกดาบไม้ขึ้นแล้วพุ่งตามไปเช่นกัน

พวกผีเข้ามาล่อมและโจมตีพวกเราจากทุกทิศทุกทางอีกครั้ง

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณระเบิดออกไปรอบๆ สุดท้ายก็มารวมตัวอยู่ด้วยกัน

แล้วทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

พลังหยินที่เข้มข้นถึงขนาดนี้ หากเปิดตาสวรรค์มองดูอยู่นอกเขาเขี้ยวหมาป่าก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

ศึกหนักที่ดุเดือดขนาดนี้ เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ผมเคยเจอมา

ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันรุนแรงขึ้นมากเท่าตัว พอเทียบกับเรื่องในเมืองเมื่อครั้งก่อน

และในครั้งนี้ เรายังโดนอีกฝ่ายเห็นเป็น “ของเล่น” ก่ยซานหยวน ยัยป้าคนสวยและเจ้าตัวแสบนั้น

สามารถเข้ามาสยบพวกเราได้ทันที แต่พวกเขากลับไม่ทํา ให้ลูกน้องของตัวเองเข้ามาล้อม

พวกเรา

แล้วปล่อยให้พวกเราค่อยๆหมดแรงไปเรื่อยๆ

พอคิดดูแล้ว เจ้าตัวร้ายไม่กี่คนนี้ก็โรคจิต จิตไม่ปกติเหมือนกันนะ

พวกเขาอยากใช้เกมแบบนี้ เป็นตัวทรมานพวกเรา ทําให้ความตั้งใจของพวกเราแตกสลายสุดท้ายก็จะค่อยๆโดนกัดกินไปที่ละนิด โดนพรากชีวิตไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงระดับที่พวกเขาพอใจ

เวลาค่อยๆผ่านไปนาทีแล้วนาที่เล่า พลังของพวกเราก็แทบจะหมดลงในเวลานี้

ส่วนพวกปุยซานหยวน เหมือนจะดูจนเบื่อ และถึงระดับที่พวกเขาพึ่งพอใจแล้ว

ทันใดนั้น เราทุกคนก็ได้ยินก่ยซานหยวนพูดว่า “พอแล้ว ถึงเวลาจบได้แล้ว

หลังจากพูดจบ มือข้างหนึ่งของปุยซานหยวน ก็ประสานเป็นรูปดาบขึ้นมาดื้อๆและพูดออกมาด้วยเสียงทุ่มต่ํา “เพี้ยง !”

เสียงนี้เพิ่งดังขึ้นทาสผีศพสัตว์ประหลาดทุกตัวที่อยู่ ณ ที่นี้ก็เริ่มตัวสั่นกันทันที

ต่อจากนั้น จู่ๆบนหน้าของผีพวกนั้น ก็มีเครื่องหมายผีสามตาปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

เครื่องหมายพวกนั้นเหมือนกับรอยสัก ทุกอันถูกสักเอาไว้บนหน้าของพวกมัน

และพอเครื่องหมายนี้ปรากฏขึ้น กองทัพผีก็คํารามเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้า

พลังวิญญาณที่เข้มข้นระเบิดออกมาจากผี ศพ และสัตว์ประหลาดทุกตัว ราวกับพลังของพวกมันเพิ่มขึ้นมาอย่างงั้น

ดวงตาแดงก่ํา จ้องมาที่พวกเรา จากนั้นก็พุ่งเข้ามาทันที
แต่เพิ่งปะทะกันเท่านั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ

เพราะพลังของพวกมันสูงกว่าเมื่อกี้อย่างชัดเจน

ถ้าเข้าไปปะทะตรงๆ ผมต้องรับไม่ไหวอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าองค์กรตาผีจะสร้างทาสผีพวกนี้ออกมา แถมยังสามารถใช้ตราประทับเพิ่มพลังให้สมุนของตัวเองได้

ไม่รอให้ผมตั้งตัว ทาสผีตนหนึ่งก็ใช้การเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าเดิม เข้ามาอยู่ในระยะสังหารแล้ว

ผมตาโต ม่านตาหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว รีบหมุนตัวหลบ ในเวลาเดียวกันก็ใช้ดาบออกไปกัน

เอาไว้

แต่ผมพบว่า มันสายไปแล้ว

เจ้าผีตนนี้เร็วกว่าผม “แควก” เสื้อตรงหน้าอกของผม โดนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งข่วนเต็มๆ

ถึงจะไม่เป็นอันตรายถึงผิว แต่ผมก็โดนพลังหยินซัดให้ถอยออกไป

ผลลัพธ์พอเท้าไม่มั่น ผมก็ล้มกลิ้งไปกับพื้น

คราวนี้แหละอันตรายถึงชีวิตแล้ว ตอนนี้พวกเราโดนล้อมเอาไว้ หากล้มลงไปจะอันตรายมากๆ

เมื่อกี้พอจุ่ยเฉิงจึงล้มลงไป ก็โดนเข้าไปรุมทันที ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพวกเราเข้าไปช่วยทันจุ่ยเฉิงจังก็คงตายด้วยกรงเล็บของผีร้ายและสัตว์ประหลาดพวกนั้นไปนานแล้ว

ผมเพิ่งล้มลงไป หางตาของเหล่าเฟิงก็สังเกตเห็นผมพอดี

“เหล่าติง !”

หลังจากพูดจบ เหล่าเฟิงก็พุ่งจะเข้ามาช่วยผม

ผลลัพธ์เขายังไม่ทันขยับตัว ก็โดนทาสผีสี่ตนล้อมและโจมตีใส่ทันที

เหล่าเฟิงเสียพลังไปเยอะ ตอนนี้เขารับมือไม่ไหวแล้ว

สไปได้แค่สองกระบวนท่า เขาก็โดนเข้าไปหนึ่งฝ่ามือ

เหล่าเฟิงร้องไม่เต็มเสียง ทันใดนั้นเองเขาก็กระอักเลือดออกมา แถมตัวเองก็ยังตกเป็นฝ่ายโดนต้อน

พี่เฟิงใช้มือข้างหนึ่งประคองเหล่าเฟิงเอาไว้ “เจ้าขยะแกนี่นะ แกจะมาตายก่อนฉันไม่ได้นะ”

หลังจากพูดจบ พี่เฟิงก็รีบตบตัวเองสองครั้ง

ต่อจากนั้น พี่เฟิงก็ตัวสั้น และระเบิดเสียงคารามออกมาทันที

ระหว่างนั้น พลังวิญญาณที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้น ทาสผีไม่กี่ตัวที่อยู่รอบๆโดนซัดกระเด็นออกไปทันที

โชคดีที่ในช่วงเวลานี้ ความแข็งแกร่งของพี่เฟิงเพิ่มสูงขึ้นเยอะ

พอยัยป้าคนสวยที่อยู่ห่างออกไปเห็นแบบนั้น ก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา “เจ้าร่างสองวิญญาณที่น่าสนใจดี อยู่ในสถานะวิญญาณ ยังสามารถปรับชีพจรเพิ่มพลังให้ตัวเองได้เหมาะเอาไปทําเป็นตัวทดลองมาก……”

“ฮ่าๆๆๆ ใช่ ถ้าเอาความสามารถของหนึ่งร่างสองวิญญาณไปใส่ในตัวหุ่นรบได้พลังขององค์กรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราต้องเพิ่มขึ้นเยอะแน่ๆ !”ก่ยซานหยวนเองก็เห็นด้วย

ผลลัพธ์เสียงของปุยซานหยวนเพิ่งเงียบลง ยัยป้าคนสวยคนนั้นก็ยกมือขึ้น ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่พี่เฟิงและเหล่าเฟิง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง “ไป จับพวกมันมาเป็นๆ”

เสียงของยัยป้าคนสวยเพิ่งดังขึ้น เงามืดด้านหลังเธอ ก็ขานรับทันที “ได้ !”

หลังจากพูดจบ เงาดํานั้นก็พุ่งออกมาทันที

การเคลื่อนไหวของเงาด่า เร็วจนคนแทบจะมองไม่เห็นร่างของมัน

มันใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเข้าไปอยู่ในฝูงผี ยังไม่รอให้เหล่าเฟิงและพี่เฟิงรู้ตัวหรือแม้แต่ให้พี่เฟิงสังเกตเห็น เจ้าเงานั้นก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้ว

พี่เฟิงรู้สึกไม่ดีเลยคิดจะหาที่มาของแรงกดดัน

แต่มันสายไปแล้วในวินาทีนั้นเงามืดได้ออกมาปรากฏตัวที่ตรงหน้าของพี่เฟิงแล้ว

พี่เพิ่งทําหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเร็วถึงขนาดนี้ เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

พี่เฟิงกําลังจะถอยหลัง แต่ตอนนี้เขายังมีโอกาสเหลือเหรอ

เงาดําตนนั้นยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ต่อยเขาทันที “ปัง” พลังหยินระเบิด

หมัดนั้นตรงเข้าตรงท้องพี่เฟิงเต็มๆ พี่เฟิงถึงกับร้องออกมาทันที

เขาที่เพิ่งเพิ่มระดับพลังเมื่อกี้ กลับไม่มีแรงต่อต้านเลยสักนิด

หลังจากร้องออกมาแล้ว ตัวเขาก็ล้มลงไปกับพื้นทันที

“หานเฉ่วเฟิง หานเฉ่วเฟิง……” เหล่าเพิ่งตะโกนอย่างร้อนรน คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้

และเจ้าเงาดํานั้น กลับพูดออกมาอย่างเย็นชา “จับเป็นทั้งสองคน !”

หลังจากพูดจบ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นหมอกสีดํา หายไปจากสายตาของทุกคนทันที

เสี้ยววินาทีต่อมา มันก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ายัยป้าคนสวยอีกครั้ง

เขาดูเลือนลางมาก มองเห็นได้ไม่ชัด เหมือนเขามีรูปร่างเหมือนคนในหมอกสีดํา

เขาทํามือคารวะยัยป้าคนสวย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ยัยป้าคนสวยพยักหน้าให้เล็กน้อย “ทําได้ไม่เลว”

เสียงของยัยป้าคนสวยเพิ่งเงียบลง ใครคนนั้นก็กลับไปอยู่ในความมืดด้านหลังยัยป้าคนสวยและคนอื่นๆ อีกครั้ง ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏมาก่อน

พอหันไปมองทางเหล่าเพิ่งและพี่เฟิงอีกครั้ง ตอนนี้พี่เพิ่งกําลังกําหมัด โดนอัดจนวิญญาณไม่เสถียร

หรือเกือบวิญญาณแทบแตกสลาย

แต่เจ้าเงากะแรงได้พอดี หมัดนั้นไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตเขา เพียงแค่ทําให้เขาไม่มีแรงสู้หรือแม้แต่แรงที่จะขยับไปไหนได้

ต่อจากนั้น พี่เฟิงก็โดนทาสผีสองสามตัวจับเอาไว้ และกําลังจะโดนลากไป

เหล่าเพิ่งโดนล้อมเอาไว้ หลังจากพยายามสองสามครั้งตัวเขาเองก็โดนจัดการเช่นกัน

ในเวลาที่เหล่าเฟิงและพี่เฟิงโดนจัดการ ผมเองก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลโดนทาสผีห้าตัวล้อมโจมตี

ผมพยายามสู่สุดก่าลัง หรือแม้แต่เอากระดิ่งออกมาเขย่า

แต่เสียงกระดิ่งในเวลานี้โดนเสียงกรีดร้องของพวกผีกลบหมด แทบสูญเสียงความสามารถเดิมไปทั้งหมด

ตอนนี้ ผมได้แต่รู้สึกเจ็บที่หลัง ความรู้สึกเสียวสันหลังผุดขึ้นมา ใจเต้นไม่หยุดขณะเดียวกันก็พุ่งไปข้างหน้า

และตรงหน้าของผม ก็มีผีร้ายตนนึ่งยืนอยู่

ดวงตาของทาสผีตนนี้เต็มไปด้วยความดุร้าย พอเห็นผมพุ่งเข้าไปหามัน

มันก็กางกรงเล็บอันแหลมคมออกแล้วตวัดมาที่คอผมอย่างรวดเร็ว…..

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset