ศพ – ตอนที่ 425 ทําอะไรไม่ได้

ตอนที่ 425 ทําอะไรไม่ได้

ขณะมองกรงเล็บที่กําลังเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใจผมก็เต้นแรง แอบพูดว่าซวยแล้ว

ถ้าโดนมันเข้าไป ถึงจะไม่ตายก็ต้องมีเนื้อหลุดออกมาแน่

ผมรู้สึกกลัวจนผิดปกติ แต่ครั้งนี้ตัวผมไม่มีสติเหลือแล้ว

อย่าว่าแต่เบี่ยงตัวหลบ หรือต่อต้านเลย แม้แต่ยืนให้มั่นผมก็ยังทําไม่ได้

วินาทีนี้ ผมรู้สึกเย็นไปทั้งตัว ลมหายใจแห่งความตายครอบงําผมอย่างสมบูรณ์

หรือผมติงฝานคนนี้ จะต้องมาตายแบบนี้เหรอ

ในสมอง มีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

แต่ในช่วงเวลาเป็นตายนี้เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในขณะที่กรงเล็บพวกนั้นกําลังฟาดลงมา

นุ่ยเฉิงจิงก็พุ่งเข้ามาในวงล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตอนนี้เธอรีบวิ่งมาขวางตรงหน้าผม

พอเห็นการกระทําของจุ่ยเฉิงจิง ผมก็ตะลึงในทันที

ผมกับเธอเพิ่งเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นหรือแม้แต่ไม่เรียกว่าเพื่อนแท้เลยด้วยซ้ํา

แต่ตอนนี้เธอก็เอาร่างกายตัวเองมาปกป้องตัวผม

ฉากนี้ การกระทํานี้ทําให้ผมรู้สึกช็อกมาก

ดวงตาอดไม่ได้ที่จะเบิกกว้าง มันเขียนค่าว่าตกใจและสงสัยเต็มสองตา

และเสี้ยววินาทีต่อมาเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น

กรงเล็บของผีร้ายตนนั้น ฟาดลงมาใส่ดาบไม้ของจี่ยเฉิงจึง

ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของผีร้ายตนนั้นได้อย่างสมบูรณ์

ปลายกรงเล็บ ฉีกกระฉากเสื้อผ้าตรงคอของเธอ ตรงลําคอของเธอ มีแผลที่ค่อนข้างตื้นปรากฎขึ้น

พอเจ้าผีร้ายตนนั้นเห็นว่าการโจมตีของตัวเองโดนขัด มันก็ดูโมโหสุดๆ เผยหน้าตาดุร้ายออกมาทันที

มันค่ารามใส่จุ่ยเฉิงจิงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ตวัดกรงเล็บเข้ามาเป็นครั้งที่สองทันที

ระหว่างนั้น มันยังปลดปล่อยพลังหยินที่ทรงพลังออกมาอีกด้วย

พอนุ่ยเฉิงจึงรับรู้ได้ถึงพลังหยินระดับนี้ เธอก็ได้แต่ฝืนต้านการโจมตีต่อไป

แต่ทาสผีที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว จะเป็นสิ่งที่เธอผู้ซึ่งไร้พลังแล้วจะต้านไหวอย่างงั้นเหรอ

“ปัง” เสียงปะทะดังขึ้น ตัวฉัยเฉิงจิงโดนซัดกระเด็นออกไปทันที

ตัวผมที่อยู่ข้างหลัง ก็ยังล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วย

ผมไม่เป็นอะไร มีจุ่ยเฉิงจึงคอยกันอยู่ข้างหน้า เลยไม่ได้เป็นอะไรมากนัก

แต่อาการของจุ่ยเฉิงจึงกลับไม่ดีเท่าไหร่ เผชิญหน้ากับพลังหยินที่ทรงพลังขนาดนี้แถมยังโดนซัดออกไปจนบาดเจ็บ

ยังไม่ทันลุกขึ้น “อัก” ฉียเฉิงจิงก็กระอักเลือดออกมาทันที

มันย้อมคอเสื้อและเสื้อเป็นสีแดงฉาน ส่วนตัวฉ่ยเฉิงจึงในตอนนี้ ก็ได้บาดเจ็บหนักจนสู้ไม่ได้อีกต่อไป

พอเห็นภาพนี้ ผมก็ท่าหน้าเครียด รีบวิ่งเข้าไปหาทันที “นุ่ยเฉิงจิง จี่ยเฉิงจิง !”

มุมปากนุ่ยเฉิงจึงเปื้อนด้วยคราบเลือด หายใจหอบเหนื่อย มองผมด้วยท่าทางอ่อนแรง “ฉัน ฉัน ฉันอาจจะ อาจจะตาย……”

หลังจากพูดจบ มุมปากของจี่ยเฉิงจึงยังยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ไม่ พวกเรายังออกไปฆ่าได้อีกหลายรอบ !” หลังจากพูดจบ ผมก็กําลังจะประคองฉียเจ๋งจึงขึ้น

ร่างกายของนุ่ยเฉิงจิงไร้เรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้ผมประคองเธอขึ้นได้ยากมาก

ส่วนเจ้าทาสพวกนั้นก็เข้ามาในระยะสังหารแล้ว ผมจับดาบไม้แน่น จัดการเจ้าทาสผีพวกนั้นไปพร้อมกับประคองตัวนุ่ยเฉิงจึง

นุ่ยเฉิงจึงในเวลานี้อ่อนแอมาก พลังหยินเมื่อกี้ทําเธอบาดเจ็บหนัก ตอนนี้เธอไม่มีแรงพูดด้วยช่า

ได้แต่มองผมอยู่แบบนั้น

ปากตะโกน “ย้าๆ” ออกมาอย่างบ้าครั้ง ท่าทางสู้สุดชีวิต ผมพยายามปกป้องจุ่ยเฉิงจึงต้านการโจมตีจากทาสผี และสู้กับซากศพที่อยู่รอบๆอย่างต่อเนื่อง

นอกจากผมตรงนี้ เสี่ยวเหมยที่กลายร่างเป็นสัตว์ ก็โดนศพตัวนึงทําให้บาดเจ็บ แล้วจากนั้นก็โดนพลังหยินของทาสผีจํานวนมาก

ตัวเธอล้มลงกับพื้น สุดท้ายร่างกายก็เปลี่ยนกลับมาเป็นจิ้งจอกน้อยที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่ง

“เสี่ยวเหมย !” ผมตะโกนเสียงดัง อยากจะเข้าไปช่วยเสี่ยวเหมย

แต่มีทาสผ่ขวางเอาไว้เยอะขนาดนี้ ผมจะเข้าไปใกล้ได้ยังไง

แม้แต่ตัวผมเอง ก็ยังปกป้องตัวเองยากเลย

“ปัง” ความเจ็บแลบแล่นมาที่หลังของผมอีกครั้ง จากนั้นตัวผมก็โน้มไปข้างหน้า และล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

นุ่ยเฉิงจึงที่ผมประคองอยู่ ก็ล้มอยู่ข้างๆผม
หางตาผมเห็นเธอพอดี

ฉียเฉิงจึงแทบจะขยับไม่ได้ เธอมองผมด้วยดวงตากึ่งหลับ
และระยะห่างระหว่างพวกเรา ทําให้ผมเห็นตรงหน้าอกของจี่ยเจ๋งจึงมีจี้หยกรูปคนห้อยอยู่อันหนึ่ง

ขณะมองท่าทางอ่อนแรงและใกล้จะหมดลมของจุ่ยเฉิงจิง ผมก็กลั้นความเจ็บเอาไว้จับไม่ได้แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ใครจะคิดผมเพิ่งลุกขึ้นมาได้ ก็โดนทาสผีตนหนึ่งเล่นงานอีกรอบ ตัวล้มไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง

คราวนี้ ผมเริ่มจะลุกไม่ไหวแล้ว

ความเจ็บปวดแพร่ซ่านไปทุกอณูรูขุมขน

แต่ผมยังไม่ยอมแพ้ไม่อยากพอเพียงเท่านี้ ผมยังอยากลุกขึ้น แต่หลังจากลองทําไปสองครั้งผมก็ได้ลิ้มรส

ความล้มเหลว

ในเวลาเดียวกัน เจ้าจางจีเทาก็ออกมาปรากฏตัวตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

พอจางจีเทาออกมาปรากฏตัว ทาสผีที่อยู่รอบๆก็หยุดโจมตี

จางเทาทําท่าทางเป็นผู้ชนะ “ติงฝาน ดูซิคราวนี้จะมีใครมาช่วยแก !”

หลังจากพูดจบ จางจีเทาก็ยกเท้ามาเหยียบหัวผม และยังออกแรงเหยียบอยู่พักหนึ่ง

หน้าเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ปากยังหัวเราะ “ฮ่าๆๆ” ออกมาเสียงดังลั่น

“เก่ง เก่งจริงก็ฆ่าฉันให้ตาย ไม่อย่างงั้นฉันจะให้แกต้องชดใช้เป็นร้อยเท่า….” ผมท้าทายพูดปากกล้าออกไปแบบนั้น แต่ร่างกายกลับไม่ฟัง มันแทบจะขยับไม่ได้เลยสักนิด

“ฮ่าๆๆ ร้อยเท่า ? แกคิดว่าฉันจะไม่ฆ่าแกหรือไง ? ไอ้โง่ ไปตายซะไป !” จางจีเทาพูดอย่างเย็นชา

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะกระทืบผมให้ตาย

เมื่อก่อนผมกลัวตายมาก ตอนผีน้ําจะมาเอาชีวิต ผมกลัวจนตัวสั่น

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ครั้งนี้ ผมไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด แต่เป็นความรู้สึกไม่พอใจมากกว่า

ฉียเจ๋งจึงที่อยู่ข้างๆ ทนดูไม่ได้จนต้องหลับตา

แต่ผมรู้ดี ถึงจะไม่พอใจแต่ผมก็ทําอะไรไม่ได้

ในป่ารกร้างแบบนี้ แถมที่นี่ยังเป็นสาขาย่อยขององค์กรตาผี
รอบๆเต็มไปด้วยทาสผีซากศพและตัวประหลาด ด้านนอกยังมีเรื่องต้องห้ามอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้

นอกจากพวกเราจะใช้ทางหลังเขาออกไปจากที่นี่แล้ว คนอื่นจะออกมาปรากฏตัวที่นี่ได้งั้นเหรอ

ราวกับในขณะนั้น ผมได้ถอนหายใจในส่วนลึกของจิตใจ

เหมือนกับว่าผมได้รับความตายที่จะมาถึงในเสี้ยววินาทีต่อไปแล้ว
แต่ ผมก็ดวงแข็งโชคชะตาชีวิตผมมักขึ้นๆลงๆอยู่เสมอ

ภายใต้สถานการณ์เป็นตายแบบนี้ เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

ทันใดนั้นเอง หยกเปื้อนเลือดของนุ่ยเฉิงจิง กลับเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา ในช่วงเส้นยาแดงนั้นพอดี

เสียงสว่างนั้นเหมือนกับแสงจากหลอดไฟ ในหุบเขาที่มืดมิด จู่ๆก็สว่างขึ้นมา และยังมีพลัง แปลกๆปรากฏขึ้น

แสงสว่างที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ทําให้ผมตกใจทันที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนจางจีเทาที่กําลังยกเท้าจะกระทืบผมให้ตาย และพวกทาสผี ซากศพ และตัวประหลาดที่อยู่ข้างๆ

ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ และแยกย้ายกันหันหน้าหนี ในวินาทีที่แสงสว่างนั้นปรากฏขึ้น

แสงสว่างสีขาวแสบตาแบบนั้น ทําให้พวกมันรู้สึกแย่มาก หรือแม้แต่รู้สึกเจ็บปวดจนผิดปกติ

“อ้า !”

“อร้าย !”

“โฮก….”

ผีพวกนั้นรีบถอยไปข้างหลัง ส่วนเจ้าจางจีเทาที่กําลังจะกระทืบผม เพราะแสงสว่างนี้ปรากฎขึ้นตัวมันเลยกรีดร้องออกมาเช่นกัน ราวกับโดนพลังมหาศาลโจมตี

หลังจากกรีดร้องออกมาได้หนึ่งครั้ง “ปัง” ร่างของเขาก็กระเด็นออกไปทันที

ถึงเหตุการณ์ประหลาดนี้ จะทําให้ผมมึนงง

แต่ผมกลับต้องตกใจ เพราะผมพบว่าในแสงสว่างแสบตานั้น มีร่างของใครบางคนกําลังรวมตัวเป็นรูปร่างคล้ายคน

ใครคนนั้นออกมาปรากฏตัวเร็วมากและพอออกมาปรากฏตัวแล้วเสียงทุ่มต่าอันทรงพลังของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นทันที“พวกชั่วตัวไหนกล้าทําร้ายลูกศิษย์ของข้า….”

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset