ศพ – ตอนที่ 426 ท่านเดี่ยว

ตอนที่ 426 ท่านเดี่ยว

จู่ๆแสงสีขาวก็ปรากฎขึ้น ทําให้ทุกคนในที่นี้อดตกใจไม่ได้

และในขณะที่แสงสีขาวปรากฏขึ้น ในอากาศก็มีพลังงานแปลกๆปรากฏขึ้น

พลังงานพวกนั้นดูเหมือนจะกดดันพวกภูติผีมาก ทําให้พวกมันถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มผีที่กระทบกับแสงสีขาว กรีดร้องโหยหวนออกมาทันที

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สําคัญที่สุด สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ จู่ๆก็มีร่างคนปรากฏขึ้น

ร่างใครคนนั้นเพิ่งออกมาปรากฏตัว ก็มีเสียงทรงพลังของผู้ชายคนหนึ่งตามมาติดๆ

พอได้ยินเสียงนี้ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “บิ๊ก” เขา เขาคือใคร

แต่ไม่รอให้ผมได้ลงมือทําอะไร แสงสีขาวก็ค่อยๆจางหาย

ทันใดนั้นเองนุ่ยเฉิงจังที่หายใจโรยรินอยู่ข้างๆผม ก็อ้าปากอย่างอ่อนแรง “อาอาจารย์

ผมอยู่ใกล้ฉียเฉิงจังมาก เลยได้ยินคําพูดของเธออย่างชัดเจน

ตอนผมได้ยินคําว่า “อาจารย์” สองคํานี้ ผมก็อดสูดหายใจเข้าไม่ได้

อาจารย์อาจารย์ของนุ่ยเฉิงจึงงั้นเหรอ

สามารถเป็นอาจารย์ของนุ่ยเฉิงจึงได้ ก็ต้องเป็นบิ๊กบอสในสํานักเหมาชานอย่างแน่นอน

ถึงจะไม่ใช่เจ้าสํานัก แต่ก็ต้องเป็นผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่เป็นถึงผู้อาวุโสสํานักเหมาที่สืบทอดกันมายาวนานถึงขนาดนี้ได้ งั้นระดับพลังก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

จู่ๆก็ออกมาปรากฏตัวตอนนี้ เลยทําให้ผมอดทําหน้าตกใจไม่ได้

แสงสีขาวค่อยๆหายไป ขณะเดียวกันตรงหน้าของพวกเรา กลับมีนักพรตใส่ชุดนักพรตสีน้ําเงินครามปรากฏตัวขึ้น

นักพรตเฒ่าอายุราวๆ 50 คิ้วคมเข้ม ตอนสมัยหนุ่มๆคงหล่อแน่ๆ

มือเขาถือแส้ขนหางจามรี ท่าทางเหมือนเซียนในเทพนิยายพอสมควร

“ศิษย์ อาจารย์มาแล้ว อาจารย์จะไม่ปล่อยให้เดรัจฉานพวกนี้รังแกเจ้าอีก”นักพรตเฒ่าพูดออกมาอย่างเย็นชาขณะเดียวกันก็หันไปมองนุ่ยเฉิงจังที่นอนอยู่บนพื้น

จุ่ยเฉิงจึงพยักหน้าเล็กน้อย แต่เธอไม่มีแรงพูดต่อ และไม่อาจยืนขึ้นได้

และพวกผีที่อยู่รอบๆ ก็เปลี่ยนเป็นเงียบนิ่งขึ้นมา

ยึดตรงที่พวกเราอยู่เป็นหลัก ภายในระยะห้าเมตร ไม่มีภูติผีตนใดกล้าเข้ามาใกล้เลยสักตัว

แต่เราก็ยังโดนอีกฝ่ายล้อมเอาไว้ ทาสผีทุกตัวต่างจองพวกเราด้วยสายตาดุร้าย

จางจีเทาที่โดนคลื่นพลังโจมตีเมื่อก่อนหน้านี้ ก็โดนพวกทาสผีประคองเอาไว้

จางเทาทําหน้าไม่สบอารมณ์ รีบชี้หน้านักพรตเฒ่าคนนั้นทันที “แกเป็นใครฮะ….”

เสียงเพิ่งเงียบลง นักพรตเฒ่าคนนั้นก็หันไปมองทันที จากนั้นก็สะบัดแสในมือ

“ตูม !”

เหมือนมีสายลมปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันพุ่งตรงไปปะทะกับร่างจางจีเทาทันที

จางจีเทายังไม่ทันรู้ตัว เสียงกรีดร้อง “อ้า” ก็ดังขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นแม้แต่ทาสผีไม่กี่ตัวที่อยู่ข้างๆ ก็ยังล้มคว่า หรือแม้แต่มีทาสผีสองตัวที่รับพลังอันทรงพลังขนาดนี้ไม่ไหว จนวิญญาณแตกสลายในทันที

พอเห็นฉากแบบนี้ ผมก็มองตาค้างทันที

สุดยอด ! แข็ง แข็งแกร่งมาก สมกับที่เป็นผู้อาวุโสในสํานักเหมาซานจริงๆ

พอทาสผีที่อยู่ข้างๆเห็นฉากนี้ ก็กลัวนักพรตเฒ่าทันที แต่ละตัวต่างอดไม่ได้ที่ถอยออกไปหนังก้าว

แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากที่ห่างไกล “ฉันก็คิดว่าใคร ! ที่แท้ก็ท่านเลี่ยชั่วมาเยือนนี่เอง”

เสียงนี้ คือเสียงของปุยซานหยวน

น้ําเสียงปนไปด้วยความดูถูก และเสียงเพิ่งเงียบลง กลุ่มผีตรงหน้าพวกเรา ก็แยกย้ายเปิดทางเส้นหนึ่งหลังจากนั้นเราก็เห็นปุยซานหยวนและยังมียัยป้าคนสวยค่อยๆเดินเข้ามาตรงที่พวกเราอยู่

ความเจ็บปวดบนตัวผมยากที่จะอดกลั้น แขนขาบาดเจ็บทั้งคู่ แต่ในเวลานี้กลับยังกัดฟันและค่อยๆลุกขึ้นมา

เพียงแค่ตอนลุกขึ้นมาแล้ว ผมกลับหายใจหอบเหนื่อย ตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว

นอกจากบาดเจ็บแล้ว พลังที่เหลือในตัวผม ก็ทําให้ผมรู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพิ่งลุกขึ้นยืน อาจารย์ของจุ่ยเฉิงจิง ท่านเลี่ยฮัวก็หันไปมองปุยซานหยวนและยัยป้าคนสวย

ดวงตาคมกริบของเขาหลง พร้อมพูดออกมาว่า “กุยซานหยวน ที่แท้ก็เป็นแก”

“ฮ่าๆๆๆ ! ใช่ข้าเอง นักพรตเลี่ยฮั่ว ลูกศิษย์ของแกหาเรื่องเอง ไม่มีอะไรก็มาถิ่นของข้า ข้าเลยสั่งสอนแทนเจ้าไง”หลังจากพูดจบ ปุยซานหยวนยังยกมือขึ้นอย่างหยิ่งผยอง

พอท่านเลี่ยชั่วได้ยินแบบนั้น ก็โมโหขึ้นมาทันที “ศิษย์ของข้า ไม่ใช่คนที่เจ้าคิดจะสั่งสอนก็สั่งสอนได้ !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ท่านเลี่ยฮั่วก็ตัวสั่นไปทั้งตัว เขาปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมาทันที

คลื่นพลังที่มหาศาลนั่นไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทําให้คนอื่นรู้สึกแสบร้อนผิดปกติ

ในเวลาเดียวกัน ท่านเดี่ยวก็ไม่คิดจะยืนอยู่เฉยต่อเลยสักนวินาที เขายกแสในมือขึ้นแล้วพุ่งเขาไปจัดการ

กุยซานหยวนทันที

กุยซานหยวนทําหน้าไม่แยแส ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นักพรตเดี่ยว ที่นี่คือถิ่นของข้าเจ้ามาคนเดียวมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

หลังจากพูดจบ ปุยซานหยวนก็ถึงหน้าลง กางมือออก ทันใดนั้นเองไม้เท้าประหลาดก็ออกมาปรากฏในมือของเขา

ส่วนปลายไม้เท้าเป็นรูปตะขอ เหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว

พอไม้เท้าอันนี้ปรากฏขึ้นก่ยซานหยวนก็เอาเจ้าสิ่งนี้มาสู้กับท่านเดี่ยว

ไม่เพียงเท่านั้น ยัยป้าคนสวยที่อยู่ข้างๆก็เป็นเหมือนกัน เธอเองก็เอาไม้เท้ามาสู้กับท่านเลี่ยชั่ว

ทันใดนั้น พลังหยินอันเข้มข้นก็แพร่ซ่าน ทั้งสามคนเพิ่งเจอหน้าก็เริ่มสู้กันแล้ว

นี้คือร่างของปุยซานหยวน ไม่ใช่ร่างวิญญาณ และไม่ใช่ศพแทนที่

พลังของปุยซานหยวนเลยเพิ่มขึ้นได้ถึงจุดสูงสุด คลื่นพลังหยินที่ทรงพลังขนาดนั้นดูรุนแรงผิดปกติ

ยัยป้าคนสวยเองก็ร้ายกาจ พลังหยินเข้มข้น ร่วมมือกับปุยซานหยวนโจมตีท่านเลี่ยฮั่วทั้งทางซ้ายขวา

ท่านเลี้ยยั่วไม่ได้กลัวง่ายๆ แสในมือระเบิดความร้อนออกมาไม่หยุด

ถึงจะเป็นร่างวิญญาณ แต่ก็สามารถสู้กับศัตรูหนึ่งต่อสอง

ห่างออกไป จางจีเทาที่โดนท่านเลี่ยฮัวซัดออกไปก่อนหน้านี้ ก็รีบลุกขึ้นมา

แต่เจ้าหมอนี่น่าจะบาดเจ็บหนัก วิญญาณเลยเริ่มไม่ค่อยเสถียร

แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ท่าทางดูจะโมโหสุดๆ เขาผลักสาวกสองคนที่ประคองเขาออกแล้วพูดด้วยน้ําเสียงโมโหเสียงดังลั่น “ไม่ต้องมาสนใจฉัน ไป ฆ่าเจ้าติงฝานกับยัยผู้หญิงคนนั้นให้ตายจับวิญญาณของพวกมัน มาทําเป็นทาส……”

พอสาวกสองคนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคําพูดนี้ ก็รีบทํามือคํานับทันที “ครับนายน้อย !”

หลังจากพูดจบ สาวกสองคนนั้นก็โบกมือ

ทันใดนั้น พวกผีที่ยืนล้อมพวกเราอยู่เฉยๆ ก็เหมือนได้รับคําสั่ง แต่ละตัวต่างคํารามออกมายกกรงเล็บขึ้นและแยกเขียวออกมาแล้วพุ่งเข้ามาหาพวกเราอีกครั้ง

ถึงผมจะตัวสั่น แต่ผมก็ยังกําดาบไม้เอาไว้แน่น

ตอนนี้พอเห็นพวกผีร้ายพุ่งเข้ามา ผมก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง เตรียมตัวสังหารศัตรูต่อ

วันนี้ผมตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ผมมีความคิดอยู่หนึ่งอย่าง ฆ่าได้หนึ่งตัวคือหนึ่งตัวถ้าฆ่าได้อีกก็เพิ่มอีก

ถึงผมจะตาย แต่วันข้างหน้าต้องมีคนมาแก้แค้นให้ผมอย่างแน่นอน

ผมจับดาบไม้แน่นพร้อมรับมือตลอดเวลา

ผีพวกนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกัน จู่ๆผีสามตัวก็กระโดดขึ้น พร้อมคํารามออกมา

“โฮก !”

ในเวลาเดียวกัน ก็กางกรงเล็บมาตรงคอผม เป็นอะไรที่เร็วสุดๆ

พอเห็นแบบนั้น ผมก็ขมวดคิ้ว ยกดาบกันเอาไว้ทันที

แต่ไม่รอให้ผมลงมือ จู่ๆด้านหลังผมก็มีลมหนาวที่รุนแรงพัดเข้ามา

ต่อจากนั้น เสียง ฮี ของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น

ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้นคลื่นพลังหยินที่มองไม่เห็นก็กวาดเข้ามา ไม่รอให้กรงเล็บของผีพวกนั้นลงมาถึงตัวผม

“ปัง” ทาสผีกลางอากาศทั้งสามตัวนั้น ระเบิดเป็นจุล วิญญาณแตกสลาย กลายเป็นแสงทันที

พอเห็นแบบนั้น ผมก็กลับมาเกร็งอีกครั้ง นี่มัน…

ผมหันไปมองทันที แต่พอหันไป ผมกลับพบร่างคนจํานวนมาก กําลังลอยสูงอยู่เหนือหัวตรงพระจันทร์ที่สุกสว่าง

และคนที่ลงมือเมื่อกี้ ก็คือผู้หญิงชุดขาวที่ดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าใครเพื่อน

เธอไม่ใช่ใครอื่นเธอก็คือเมียผีขี้โมโหของผมมู่หลงเหยียน

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset