ตอนที่ 427 มู่หลงเหยียนมาเอง
ตอนผมหันกลับไปเห็นด้านหลังมีร่างคนอยู่จํานวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีมู่หลงเหยียนอยู่ด้วย ผมก็ตัวสั้นอยู่พักหนึ่ง
คลื่นแห่งความสุขซัดซาดเข้ามาในหัวใจผม ผมไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามู่หลงเหยียนจะมาที่นี่ในเวลาที่พวกเราตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
พระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือหัวพวกเขา แต่ละตนลอยลงมาในวงล้อมทาสผี
นอกจากมู่หลงเหยียนแล้ว ผมยังพบว่ามีผีบางตนที่ผมรู้จักด้วย
หวางเป่าเฉิงผู้นําแห่งสุสานจินชาน เทิงหนิวผู้เฒ่าเขาผี และยังมีอีกตนก็คือยายโม่
พวกม่หลงเหยียนมีพลังระดับไหนละ ทาสผีพวกนี้จะรับมือได้เหรอ
เมื่ออยู่ต่อหน้าผีระดับพวกเขา ทาสผีพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเต้าหู
เพิ่งเริ่มปะทะกันเท่านั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาสผีกลุ่มใหญ่ตายด้วยน้ํามือของพวกมู่หลงเหยียน
ตอนนี้วินาทีนี้ ผมจนแทบบ้า
ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็มีโอกาสหนีออกไปจากที่นี่ได้แน่ๆ หรือแม้แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฆ่าด้วยซ้ํา
อาจเป็นเพราะดีใจเว่อร์ พลังที่เคยเดือดแห้งเลยเริ่มเพิ่มขึ้นมานิดนึง
ปากตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ในขณะเดียวกันก็จับดาบไม้ไปไล่ฆ่าพวกทาสผีอีกครั้ง
พอก่ยซานหยวนและยัยป้าคนสวยที่กําลังสู้กับท่านเลี่ยชั่วอย่างเอาเป็นเอาตายเห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงดัง ฮึ
ในเวลาเดียวกันยัยป้าคนสวยที่อยู่ข้างๆก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ตีกลอง เรียกราชาศพ”
เสียงของยัยป้าคนสวยเพิ่งเงียบลง “ตึงๆๆๆ” รอบๆก็มีเสียงกลองดังขึ้น
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงคารามแปลกๆดังไปทั้งหุบเขาเขี้ยวหมาป่า
ต่อจากนั้น เราก็เห็นไอพลังศพที่เข้มข้นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดูเหมือนจะมีศพที่ทรงพลังออกมา
ไม่ใช่แค่นั้น ภายในหุบเขา ยังมีทาสผีจํานวนมหาศาลจนน่าตกใจพุ่งออกมาอีกด้วย
ทางฝั่งผมเพิ่งสู้กับทาสผีตนหนึ่ง และหลังจากจัดการเสร็จแล้ว มู่หลงเหยียนก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าผม
“เจ้ากาก นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”
มู่หลงเหยียนยังสวยเหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้เธอกําลังทําหน้าเป็นห่วงผม
พอเห็นท่าทางของมู่หลงเหยียน มุมปากของผมก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่ ไม่เป็นอะไร”
หลังจากพูดจบ ผมก็หยิบกระบอกไม้ไผ่พิเศษอันนั้นออกมาจากหน้าอก
แต่หัวจรดเท้า พอเห็นบนตัวผมมีคราบเลือดอยู่ เธอก็เผยท่าทีแปลกๆออกมา “ขอ ขอโทษนะ !”
จู่ๆก็ได้ยินสามคํานี้ ผมเลยงงทันที
ยัยผู้หญิงเจ้าอารมณ์อย่างมู่หลงเหยียน พูดขอโทษเป็นกับเขาด้วยเหรอ
และตอนพูดสามค่นี้ ดวงตาของเธอเหมือนจะแดงหน่อยๆด้วย
ผมเงียบไปพักหนึ่ง “พูดอะไรน่ะ ! รีบรับไปซิ อย่าให้เจ้าพวกนั้นมาแย่งไปได้เชียว !”
ขณะพูด ผมก็เอื้อมมือไปจับมือที่เย็นเฉียบของมู่หลงเหยียน จากนั้นก็นํากระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ําลี่ลั่วยัดใส่มือของเธอ
หวางเป่าเฉิง เทิงหนิว และยายโม่ ล้อมตัวพวกเราเอาไว้ พวกเขากําลังคุ้มกันพวกเรา และฆ่าพวกทาสผีอย่างต่อเนื่อง
มู่หลงเหยียนรับกระบอกไม่ไผ่ไว้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงพยักหน้าให้รัวๆ ราวกับเหมือนเธอกําลังซึ้งใจ
“ตกลง ตอนนี้พวกเราจะหาโอกาสฆ่าศัตรูแล้วออกไปจากที่นี่กัน ! คือใช่ เหล่าเพิ่งโดนพวกทาสผีจับไป ทางนั้น….” ผมรีบพูด แล้วชี้ไปทางด้านหนึ่ง
มันทําให้เห็นกลุ่มทาสผีที่จับเหล่าเฟิงและพี่เฟิงไปพอดี พวกนั้นยังลากพวกเขาออกไปเรื่อยๆ
มู่หลงเหยียนรีบเก็บน้ําลี่ลั่ว และพยักหน้าให้ผมเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็พูดกับยายโม่ว่า “ยายโม่ ยายคอยคุ้มครองติงฝาน ส่วนคนอื่นๆตามฉันมา !”
“อ๋อ !”
พวกหวางเป่าเฉิงและผู้นําตนอื่นๆรีบขานรับ
หลังจากนั้นผมก็เห็นมู่หลงเหยียนพุ่งออกไปเร็วสุดๆ
พวกหวางเป่าเฉิงเองก็รีบตามไป ถึงด้านหน้าจะมีทาสผู้ขวางอยู่จํานวนมาก
แต่คราวนี้ พวกเขามาในร่างจริงทั้งหมด พลังที่มีเลยดูทรงพลังผิดปกติ
พวกทาสผีที่นี่ ไม่มีทางต้านพวกเขาได้เลยสักนิด
เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็ไล่ฆ่าไปทางที่เหล่าเพิ่งและพี่เฟิงถูกพาตัวไปแล้ว
และในตอนนี้เอง เธอก็หยิบยาเม็ดสีดําๆออกมา แล้วโน้มตัวลงมายื่นให้ผม “คุณผู้ชาย รีบกินสิ่งนี้เข้าไปซิเจ้าคะ”
ผมเองก็ไม่รู้ว่ายาเม็ดสีดําๆนี้คืออะไร แต่ยายโม่ต้องไม่คิดจะทําร้ายผมอย่างแน่นอน
ผมเลยรับไว้ มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บางทีคงเป็นยาชั้นเลิศบางอย่าง
ผมไม่คิดอะไรเลย จากนั้นก็กลืนลงไปทันที
ยาเม็ดเพิ่งลงไปอยู่ในท้อง ผมก็รู้สึกได้ถึงไอร้อน เหมือนพลังในตัวผมกําลังฟื้นกลับมาทีละนิด
ท่าทางมันน่าจะเป็นยารักษา หรืออาจช่วยฟื้นพลังได้อีกด้วย
แต่ผมเพิ่งกลืนยาเม็ดนี้เข้าไป ก็มีทาสผีกลุ่มนึ่งปรากฏขึ้น และล้อมรอบพวกเราเอาไว้ทันที
ยายโม่แข็งแกร่งเว่อร์ ลงมือเหี้ยมผิดปกติ
ทาสผีพวกนี้ไม่สามารถเข้ามาใกล้พวกเราได้เลยสักนิด แต่ละตัวโดนยายโม่จัดการในทันที
ผมมองรอบๆ พบว่าจิ้งจอกน้อยยังนอนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปหา แล้วอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาทันที
จิ้งจอกน้อยบาดเจ็บหนัก ท่าทางเหมือนกําลังจะหมดสติ
“เสี่ยวเหมย เธออดทนเอาไว้ก่อนนะ” ผมรีบพูด
แต่เสี่ยวเหมยกลับลืมตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับผมอย่างช้าๆ “ใช้ ใช้เลือดของฉัน อัญ อัญเชิญ อัญเชิญนางพญา”
หลังจากพูดจบ จิ้งจอกน้อยก็หลับตา สลบไปในทันที
“เสี่ยวเหมย เสี่ยวเหมย” ผมเขย่าร่างเธอสองสามครั้ง พบว่าเสี่ยวเหมยบาดเจ็บหนัก และสลบไปแล้ว
ทันใดนั้นเองผมก็คิดถึงคําพูดเมื่อกี้ของเธอ ผมขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ลังเลอะไรมากนัก
ใช้มือปาดเลือดที่มุมปากของจิ้งจอกน้อย จากนั้นก็ประสานมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
เพราะยายโม่คอยปกป้องพวกเราอยู่ ดังนั้นผมเลยไม่กังวลว่าทาสผีพวกนั้นจะลอบโจมตีเลยสักนิด
ผมใช้การเคลื่อนไหวที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ และการท่องคาถาอัญเชิญเซียนอย่างต่อเนื่อง
เพราะผมเป็นตัวแทนเผ่าจิ้งจอกที่นางพญามาทําพิธีด้วยตัวเอง ดังนั้นผมเลยสามารถเชิญนางพญาจิ้งจอกมาสถิตร่างได้
เพียงแต่ในเวลานี้ เธอคงอยู่ไม่ได้นานนัก
ทั้งหมดน่าจะใช้เวลาประมาณสามนาที นี่เป็นเพราะเลือดจิ้งจอกมีส่วนด้วย
ถ้าเป็นเวลาเชิญเซียนปกติ หากคิดจะเชิญนางพญาจิ้งจอกออกมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบนาที
หลังจากนั้นสามนาที ผมก็รู้สึกว่ามันใกล้จะเสร็จแล้ว
จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “ศิษย์ติงฝาน ขออัญเชิญนางพญาสถิตร่าง……”
หลังจากพูดจบ ผมก็ประสานมืออย่างรวดเร็ว พร้อมพูดออกมาเบาๆ “เพียง”
ทันใดนั้น พลังปีศาจประหลาดก็เข้ามาห่อหุ้มตัวผมเอาไว้
พลังปีศาจนี้รุนแรงมาก และเข้มข้นมาก
ในขณะที่พลังปีศาจปรากฏขึ้นรอบๆตัวผม ตรงที่ผมอยู่ก็กลายเป็นจุดปลดปล่อยพลังปีศาจที่อันตรายออกมา
สายลมปีศาจพัดเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า ทาสผีพวกนั้นอย่าว่าแต่เข้ามาทําร้ายผมเลย ตอนนี้แค่อยากจะเข้ามาใกล้ผม พวกมันก็ยังทําไม่ได้เลย
สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ ในขณะที่พลังปีศาจปรากฏขึ้น จู่ๆเหนือหัวของผมก็มีพลังปีศาจรวมตัวกลายเป็นหัวจิ้งจอกในรูปของหมอกสีขาว
พอหัวจิ้งจอกปรากฏขึ้น มันก็คํารามออกมาทันที
“วิว” เสียงดังมาก น่าเกรงขามจนทาสผีรอบๆไม่อยากเข้ามาใกล้
หลังจากหัวจิ้งจอกอันนั้นก้มลงมา พลังปีศาจที่เข้มข้นพวกนั้นก็เข้ามาในหัวของผม แล้วสุดท้ายก็มาอยู่ในตัวของผม
ระหว่างนั้น ดวงตาของผมก็เปลี่ยนสี ตอนนี้มันส่องแสงสีทองออกมา
ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ม่านตาของผม ก็ยังเปลี่ยนไปด้วย มันเปลี่ยนเป็นม่านตาจิ้งจอกแทน
ในขณะที่ม่านตาของผมเปลี่ยนไป ผมก็พบว่าแขนขาของผม ไม่อาจขยับได้ตามใจเหมือนเดิม
ผมเองก็รู้ดีแก่ใจว่าตอนนี้ในร่างของผมมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ไม่ ถ้าพูดให้ชัดเจน น่าจะมีจิ้งจอกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัวมากกกว่า
เพิ่งรับรู้ถึงเรื่องพวกนี้ เสียงนางพญาจิ้งจอกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัวของผม “เสี่ยวจินถง ดูเหมือนคืนนี้เจ้าจะเจอเรื่องล่าบากไม่น้อยเลยนะ….”