ตอนที่ 430 หนีออกมาสําเร็จ
ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ทางฝั่งผมก็เริ่มสู้กับทาสผีหลายคนแล้ว
แต่เพิ่งสู้ได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า เหล่าเฟิงและนุ่ยเฉิงจึงก็เข้ามาช่วยอีกแรง
สามคนสามด้าน เราล้อมเจ้าทาสผีชุดขาวพวกนั้นไว้ตรงกลาง
เจ้าทาสผีพวกนั้นดุร้ายไม่กลัวตาย แต่ก็รับการโจมตีจากพวกเราทั้งสามด้านไม่ไหว
ผลลัพธ์เพิ่งสู้ได้ไม่กี่กระบวนท่า พวกมันก็ตายคาดาบพวกเราแล้ว
เพิ่งจัดการทาสผีพวกนี้เสร็จ ทางยายโม่ก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ยายโม่หันกลับมาทันที “ไปพวกเรา !”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็เริ่มวิ่งไปข้างหน้า เร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ ส่วนด้านหลังของพวกเรา ก็มีทาสผีปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งคราว
แต่ปัญหาจากทาสผีพวกนี้ ไม่ได้สร้างปัญหาให้พวกเราระยะยาว แต่ก็ทําให้พวกเราต้องตั้งสติอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครกล้าชักช้าเลยสักคน
เส้นทางที่ควรใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง แต่พวกเรากลับใช้เวลาไปถึง 50 นาที
ตอนพวกเราออกมาสู่เขตเขารอบนอกของเขาเขียวหมาป่า สายหมอกก็เริ่มลางเลือนแล้ว
และพวกเราก็พบว่า พวกทาสผีที่ไล่ตามฆ่าพวกเรามา ก็เริ่มหยุดตามตรงที่สายหมอกเจือจาง
หรือจะพูดอีกอย่างคือ พวกเราหนีออกมาสําเร็จแล้ว
ตอนนี้ทาสผีพวกนั้น ยังไม่สามารถออกมาจากหมอกพวกนั้นได้
ผมหายใจหอบเหนื่อย เข้าไปพิงกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง “ตอนนี้น่าจะปลอดภัยแล้วมั้ง !”
ยายโม่กวาดสายตามองรอบๆ “ตอนนี้เราออกมาจากเขตเขาเขียวหมาป่าแล้วจริงๆ แต่จะประมาทไม่ได้ ยังไงเราก็ควรเดินทางต่อ ออกห่างจากที่นี่ให้ยิ่งไกลได้ยิ่งดี หากยาในร่างกายของพวกคุณหมดฤทธิ์ขึ้นมา จะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานมาก”
พอได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
ร่างกายของแต่ละคน ทุกคนต่างรู้ดี
พวกเราไม่มีแรงนานแล้ว พลังก็ใช้กันจนเกือบหมดแล้ว
เป็นเพราะกินยาเม็ดเข้าไป เราถึงกลับมามีพลัง และพละกําลังอีกครั้ง
นี่มันก็เหมือนการใช้ยากระตุ้น หากยาหมดฤทธิ์ ผลข้างเคียงที่ตามมาก็จะร้ายแรงมาก
แผนในตอนนี้คือ เราต้องออกไปก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์ อย่างมากที่สุดก็ต้องไปให้ถึงตัวตําบล จากนั้นก็ออกไปจากที่นี่ และไปหาโรงพยาบาลสักแห่งเพื่อพักฟื้น
มีเพียงทางนี้เท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด
ดังนั้น หลังพักหายใจครู่หนึ่ง พวกเราก็เริ่มเดินทางต่อ
ที่นี่เป็นเขตรอบนอกของเขาเขี้ยวหมาป่าแล้ว พวกเราอยู่ห่างจากตัวตําบล ประมาณสองชั่วโมงได้
ตอนมาพวกเราระวังตัวมาก เลยเดินทางกันค่อนข้างช้า
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเราพยายามวิ่งออกไปจากภูเขาให้ได้เร็วที่สุด
และขามาเราก็ชินกับเส้นทางแล้ว ตอนนี้เลยกลับไปได้เร็วยิ่งกว่าเดิมหน่อย
ภายใต้สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด จากระยะทางสองชั่วโมง พวกเราใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 20 นาที
ก็ออกมาจากเขตป่าแล้ว
ตอนนี้ พวกเราเห็นตัวตําบลอยู่ไกลออกไป
ขอแค่พวกเราพยายามเพิ่มอีกหน่อย เราก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
และยาในร่างกายของพวกเรา ก็เริ่มจะหมดฤทธิ์แล้ว ความเจ็บปวดบนร่างกาย เริ่มกลับมาอีกแล้ว
แต่ทุกคนต่างกัดฟัน วิ่งต่อไปเรื่อยๆ เรายังทนได้
ในที่สุด พวกเราก็ออกมาจากหลังเขา มาถึงเส้นทางในตัวตําบลแล้ว
เพิ่งออกมาถึงถนนตําบล พวกเราก็เห็นไกลออกไปมีใครคนหนึ่งกําลังยืนอยู่
ใครคนนั้นมองมาทางพวกเรา หลังมั่นใจว่าเป็นพวกเราแล้ว เขาก็รีบวิ่งมาหาทันที “ท่าน ท่านนักพรต……”
พอได้ยินเสียงนี้ ผมก็หันไปมองทันที
ทันใดนั้นผมก็ได้พบว่าคนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือลั่ว ลุงลั่วคนนําทางให้พวกเราเมื่อวานนั่นเอง
พอเห็นว่าเป็นลุงลั่ว ผมก็พูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างอ่อนแรง “ลุง ลุงลั่ว……”
ลุงลั่วเห็นพวกเราแต่ละคนหายใจหอบเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เลยอดไม่ได้ที่จะตกใจ
“ท่าน ท่านนักพรตติง นี่ นี่พวกคุณ……”
ผมฝืนยิ้ม “พวกเราไม่เป็นอะไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย ลุงลั่ว ลุงขับรถเป็นไหม ?”
“ขับรถ” ลุงลั่วสงสัยนิดหน่อย
“อ๋อ ! ขับรถ ไปส่งพวกเราที่โรงพยาบาลในเมืองหน่อย” ผมพูดต่อ
“เอ่อคือ เป็น เป็น เมื่อก่อนเคยขับรถขนถ่าน แค่ไม่มีใบขับขี่……” ลุงลัวพูดแบบอึดอัดนิดหน่อย
พอได้ยินว่าลุงลั่วขับเป็น ผมก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ยื่นกุญแจให้เขาทันที บอกให้ลุงลั่วไปส่งพวกเราที่โรงพยาบาล
ขอแค่พวกเราได้ออกห่างจากเขาเขี้ยวหมาป่า เราก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว สิ่งที่ยังกังวลอยู่ก็คือผลข้างเคียงหลังยาหมดฤทธิ์แล้ว
ลุงลัวเห็นพวกเราแต่ละคนบาดเจ็บไม่น้อย เลยไม่คิดอะไรมาก รีบรับกุญแจไว้ แล้วถามว่ารถอยู่ที่ไหนทันที
ผมบอกเขาว่าจอดไว้ที่ถนน พอลุงลั่วได้ยินแบบนั้น ก็บอกให้พวกเรารอแป๊บนึง เขาจะรีบไปขับมารับเดี๋ยวนี้
ลุงลั่วเพิ่งออกไป ยายโม่ก็พูดกับผมว่า “คุณผู้ชาย พวกคุณกลับไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะกลับไปดูคุณหนู !”
พอได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็พยักหน้าให้ทันที “ตกลงยายโม่ พวกยาย พวกยายต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ !”
ยายโม่ยิ้มให้ผม “วางใจได้เจ้าค่ะคุณผู้ชาย แล้วก็ พอยาหมดฤทธิ์แล้วห้ามใช้พลัง อย่าพยายามฝืนต้านความเจ็บปวดพวกนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งทรมานกว่าเดิมนะเจ้าคะ”
พวกเราพยักหน้าเล็กน้อย ทุกคนต่างจําขึ้นใจ
ส่วนยายโม่ เธอไม่คิดจะอยู่ต่อ หลังจากนั้นเธอก็หมุนตัวกลับกลายเป็นเงาดํา แล้วพุ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
ขณะมองทางที่ร่างของยายโม่หายไป ผมก็รู้สึกเป็นห่วงพวกมู่หลงเหยียนไม่น้อย
ทาสผีกับพวกศพเยอะขนาดนั้น ไม่รู้ตอนนี้พวกมู่หลงเหยียนจะเป็นยังไงบ้าง
และยายโม่เพิ่งจากไป ฉยเฉิงจึงก็พูดกับผมว่า “ติงฝาน พวกผี พวกผีก่อนหน้านี้ เป็นวิญญาณคุ้มครองนายจริงๆเหรอ ?”
ฉียเจ๋งจึงเริ่มพูดแบบหอบหายใจ ท่าทางล่าบากพอควร
พอได้ยินเธอถามแบบนั้น ผมก็พยักหน้าเล็กน้อย “คือ คือใช่ !”
ฉัยเฉิงจึงอดไม่ได้ที่จะทําตาโต “ งั้นพวกเขา พวกเขาก็ร้ายกาจมากเลยนะ แต่ทําไมนายถึงมี
มีวิญญาณคุ้มครองได้ละ ? แถมทําไมยายที่เพิ่งไปเมื่อกี้ ถึงเรียกนายว่า เรียกนายว่าคุณผู้ชายละ?
จุ่ยเฉิงจึงถามเพิ่มอีกสองคําถาม พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไงดี
เหล่าเฟิงและเสี่ยวเหมย ก็หันมามองหน้าผมเช่นกัน
เพราะเสียวเหมยมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางพญา เลยรู้เรื่องผมกับมู่หลงเหยียนพอสมควร แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงเหล่าเพิ่งจะรู้นานแล้วว่าข้างกายผมมีผีผู้หญิงที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง แต่เขาก็ไม่เข้าใจมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกครั้งที่ผมแถเพื่อให้ผ่านไป เขาก็จะไม่ไล่ถามต่อ
ตอนนี้พอได้ยินจี่ยเฉิงจึงถามขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็เกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
แต่ผมจะตอบยังไงละ บอกว่าผมแต่งงานกับผี นี่มันเรื่องต้องห้ามของลัทธิ เป็นข้อห้ามร้ายแรงเลยนะ
และก่อนหน้านี้มู่หลงเหยียนกับอาจารย์ก็เคยพูดว่า ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครทั้งนั้น
แม้แต่ท่านนักพรตตู้ อาจารย์กับเหล่าฉันก็ไม่เคยพูดออกไปแม้แต่น้อย
ผมเงียบไปพักหนึ่ง แต่ก็รู้ว่าควรตอบกลับยังไงดี
สุดท้ายหลังจากเงียบมาพักหนึ่ง ผมถึงพูดขึ้นมาว่า “อ่อ ! เรื่องนี้ เรื่องนี้ ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็จุดธูปให้พวกเขา เวลามีอันตราย ก็จะสามารถเชิญพวกเขาออกมาช่วยได้”
àยเฉิงจึงและเหล่าเฟิงไม่ได้โง่ พวกเขารู้ดีว่าผมกําลังเลี่ยงคําถาม และพูดออกมาพอเป็นพิธี
พอเห็นผมไม่อยากพูด นุ่ยเฉิงจิงก็ไม่ถามต่อ เพียงทําเสียง “อือๆ” สองครั้ง “คืนนี้ คืนนี้ต้องขอบคุณพวกเขามาก ถ้าครั้งหน้านายเจอพวกเขาอีก ฝากขอบคุณแทนพวกเราด้วยนะ”
ผมรีบฉีกยิ้ม “อือ วางใจได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา……”
เสียงเพิ่งเงียบลง แสงไฟของรถคันหนึ่งก็ส่องเข้ามา ลุงลัวขับรถเข้ามาแล้ว
เพิ่งถึงตรงหน้าพวกเรา ลุงลั่วก็โผล่หัวออกมาครึ่งหัว “รีบขึ้นมาเถอะ !”
พวกเราไม่ได้ลลา ผืนผลข้างเคียงของยาเอาไว้ แล้วรีบขึ้นรถทันที
เพิ่งนั่งลง ลุงลัวก็กลับรถ แล้วขับไปทางในเมืองทันที
ในเวลาเดียวกันก็พูดว่า “ท่านนักพรตวางใจได้ นอกจากผมจะเก่งเรื่องเก็บสมุนไพรแล้ว ตอนขับรถขนถ่าน ผมยังมีฉายาอีกอย่างหนึ่งก็คือราชาแห่งการแข่งรถ ผมต้องพาพวกคุณไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดแน่นอน….”
เสียงเพิ่งเงียบลง หัวรถก็ถูกกลับอย่างรวดเร็ว เสียงยางเสียดสีกับพื้นถนนและเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอย่างรุนแรง
เสี้ยววินาทีต่อมา ลุงลั่วก็เหยียบคันเร่ง พาพวกเราออกไปจากตําบลเล็กๆแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
และเขาเขี้ยวหมาป่าที่อยู่ห่างออกไป ยังเต็มไปด้วยหมอกหนา และพลังชั่วร้ายที่ลอยขึ้นตลบอบอวล……