ตอนที่ 435 เก็บตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ผมหยิบเจ้าของที่มีรูปร่างเหมือนเกล็ดปลาออกมาดู ไม่ว่าผมจะคิดยังไง หรือมองมันยังไง ผมก็ไม่เห็นว่าเจ้านี้มีอะไรพิเศษเลยสักนิด
และอาจารย์ยังบอกผมว่า เจ้าศิษย์พี่ที่หลงผิดของผมคนนั้น กลับได้เรียนวิชาขั้นเทพบางอย่างไปจากเจ้าสิ่งนี้
แถมวิชานั้นก็ร้ายกาจมาก พอเรียนสําเร็จ ก็จะทําให้ตัวเองมีฝีมือก้าวกระโดด
ถ้าบอกว่าเมื่อคืนอาจารย์เมา เลยพูดคําพูดงี่เง่าพวกนั้นออกมา
แต่สายของวันนี้ อาจารย์กลับพูดเรื่องนี้กับผมด้วยท่าทางที่ดูจริงจังมาก
บอกว่าต่อไปเจ้าสิ่งนี้จะเป็นของผมแล้ว ให้ผมเก็บรักษามันให้ดีๆ
พวกเราเองก็ไม่ได้มาจากสํานักอะไร เป็นเพียงผู้ฝึกตนทั่วไป รับส่งทอดของสิ่งนี้มารุ่นต่อรุ่น
อาจารย์ยังบอกว่า ไม่ต้องรีบร้อน บอกว่าคนมีพรสวรรค์เหมาะเดินบนทางเส้นนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามโชคชะตา ผมจะต้องหาความลับที่อยู่บนนั้นได้อย่างแน่นอน
อาจารย์พูดฟังดูมีลับลมคมนัยหน่อยๆ แต่พอเห็นท่าทางเคร่งขรึมของอาจารย์ สายตาที่มุ่งมั่น ผมก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด
ในมือของผม เจ้าเกล็ดสีม่วงนี้ ดูเหมือนของธรรมดาทุกอย่าง แต่ตัวมันกลับซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้……
ปีใหม่ผ่านไปเร็วมาก เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กว่าแล้ว อาการบาดเจ็บของผมก็ฟื้นตัวเร็วมาก
และการเดินทางไปเขาเขี้ยวหมาป่าครั้งนี้ แม้มันจะอันตราย แต่พลังของผมกลับพัฒนาขึ้นอย่างที่คาดไม่ถึง
เพียงชั่วพริบตา ก็มาถึงสิ้นปีแล้ว
ทุกคนต่างกลับไปทํางานที่บริษัทของตัวเอง และคืนนี้ผมก็วางแผนจะไปที่ป่าชุ่ยหม่า
เนื่องจากบนตัวผมยังมีหินลี่ลั่วอยู่อีกหนึ่งก่อน ผมกะจะเอามันไปให้มู่หลงเหยียน
ในเวลาเดียวกัน ผมก็อยากเอาเจ้าเกล็ดสีม่วงทองในมือนี้ไปให้มู่หลงเหยียนดูด้วย
ไม่แน่เธออาจจะมองออกว่าเจ้าสิ่งนี้พิเศษตรงไหน
ผมคิดแบบนั้น ดังนั้นหลังกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็ออกมาจากบ้าน แล้วรีบเดินทางไปที่ป่ากุยหม่าทันที
คราวนี้ผมเดินค่อนข้างเร็ว ผ่านไปไม่นานผมก็มาถึงป่ากุยหม่า
ที่นี่ยังเหมือนเดิม
และไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าเดิม พลังวิญญาณลอยตลบ แต่ผมก็ชินแล้ว
ต่อจากนั้นผมก็เดินผ่านหลุมศพไป ตรงเข้าไปในส่วนลึกของป่าก่ยหม่าทันที
ผ่านไปไม่นาน ผมก็มาถึงประตูจวนมู่หลง
ประตูใหญ่บ้านหลังโต โคมไฟสีแดงแขวนอยู่ข้างประตูทั้งสองบาน สิงโตหินตัวใหญ่สองตัวอยู่ด้านหน้า
ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูไหน ดอกไม้สามสี ก็จะเป็นเหมือนเดิมเสมอ
“เคาะๆๆ” ผมเคาะประตู ผ่านไปไม่นาน ประตูก็ถูกเปิด
คนเปิดประตคือยายโม่ ตอนยายโม่เห็นว่าเป็นผม เธอก็ฉีกยิ้มให้ทันที
ต่อจากนั้นเธอทักทายผมด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูให้เกียรติสุดๆ “คุณผู้ชาย !”
“ยายโม่ ผมมาเยี่ยมน้องศพ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่เสียงเพิ่งเงียบลง ยายโม่กลับทําหน้าเศร้าออกมาเล็กน้อย “ คุณผู้ชาย ช่วงนี้คุณหนูกําลังป่วยอยู่
คืนนี้ คุณคงไม่ได้เจอเธอแล้วละเจ้าค่ะ”
“ฮะ ? ไม่สบาย น้องศพเป็นอะไร ?” ผมท่าหน้าตกใจ
ผู้ป่วยได้ด้วยเหรอ ผมคิดในใจ
ยายโม่กลับถอนหายใจออกมา “ คุณผู้ชายคงไม่รู้ ตอนอยู่เขาเขียวหมาป่า คุณหนูได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตอนนี้เธอยังเก็บตัวรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เลยเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ ? น้องศพบาดเจ็บ แถมยังอาการหนักด้วย ?” สีหน้าผมเปลี่ยนทันที ทําหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
ก่อนหน้านี้ตอนกลับมาจากโรงพยาบาล มู่หลงเหยียนยังคุยกับผมอยู่เลย เธอไม่ได้บอกว่าสบายดีเหรอ
แถมยังบอกว่าให้รักษาตัวดีๆ รอให้อาการดีขึ้นแล้ว ค่อยมาหาเธอที่ป่ากุยหม่า
ตอนนี้ผมเกือบหายเป็นปกติแล้ว เลยรีบมาดูเธอทันที
แต่พอได้รู้เรื่องนี้จากปากยายโม่ มันกลับทําให้ผมตกใจมาก
ยายโม่พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่เจ้าค่ะคุณผู้ชาย คุณหนูไม่บอกเรื่องนี้กับคุณ แต่ตอนนี้คุณมาหาถึงบ้านแล้ว ข้าน้อยก็ไม่คิดจะปิดบังคุณผู้ชายอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ !”
“อา อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง ? หรือว่าหลังจากที่พวกเราไปแล้ว เธอก็ไปเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเหรอ ?” ผมพูดต่อ
ยายโม่พยักหน้าเล็กน้อย “คุณผู้ชายคงไม่รู้ วันนั้นคุณหนูและพวกผู้นําตนอื่นๆ ต้องเข้าไปสู่พัวพันอยู่กัยพวกหุ่นเชิดและซากศพที่แข็งแกร่งจํานวนมาก เพื่อปกป้องผู้นําตนอื่นๆ คุณหนูต้องเสี่ยงไม่น้อย ถึงพาทุกคนหนีออกมาได้สําเร็จ พอข้ากลับไปอีกครั้ง คุณหนูก็อ่อนแอมาก แต่เพิ่งฝ่าวงล้อมออกมาได้สําเร็จ……”
ยายโม่เล่าเรื่องที่เกิดหลังจากพวกเราออกมาแล้วให้ผมฟังสั้นๆ
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็อดทําตาเบิกกว้าง สูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
ดูเหมือนสาขาย่อยขององค์กรตาผี จะไม่ได้สู้ด้วยง่ายๆอย่างที่คิดไว้แล้ว
กองกําลังที่ล้อมเราไว้เมื่อตอนแรกสุด น่าจะเป็นแค่กาลังพลเล็กๆ
พวกที่แข็งแกร่งจริงๆ ยังไม่ได้ออกมาปรากฏตัว ยังหลับลึกหรือไม่ก็ไม่ได้ถูกปล่อยออกมา
รอให้นางพญาและท่านเลี่ยฮั่วปรากฏตัวแล้ว ถึงได้ไปกระตุ้นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่ง
แต่ตอนนั้น พวกเราฝ่าวงล้อมออกมาได้แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือ พอมู่หลงเหยียนไปสกัดพวกทาสผีที่ไล่ตามมา เธอกลับต้อง เข้าไปสู้กับพวกหุ่นเชิดที่แข็งแกร่ง
ผมพูดด้วยเสียงเศร้าหน่อยๆ “ยายโม่ พาผมไปดูน้องศพหน่อยได้ไหม บาดแผลของเธอจะหายตอนไหนเหรอครับ ?”
ยายโม่พยักหน้าเบาๆ “ได้เจ้าค่ะ ส่วนเรื่องแผลของคุณหนูจะหายดีตอนไหน ข้าน้อยเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”
หัวใจผมเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
ส่วนยายโม่ก็ไม่พูดกับผมอีก เธอหมุนตัว พาผมเข้าไปในจวนมู่หลงทันที
จวนมู่หลงยังคงมีคนรับใช้และสาวใช้คนกระดาษเยอะเหมือนเดิม ตอนนี้พอเห็นพวกเรา พวกนี้ก็ทักทายด้วยท่าทางเคารพ แต่ก็ยังดูแข็งๆอยู่หน่อยๆ
คนพวกนี้เป็นคนกระดาษทั้งหมด ผมเองก็ไม่ได้สนใจ ในใจมีแต่เป็นห่วงตัวมู่หลงเหยียนเท่านั้น
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็เข้ามาในเรือนด้านหลัง ถึงเรือนที่มู่หลงเหยียนพักอยู่
“คุณผู้ชาย คุณหนูอยู่ด้านในเจ้าค่ะ คุณมองผ่านหน้าต่างก็ได้แล้วเจ้าค่ะ อย่าไปรบกวนคุณหนูเก็บตัวเลยเจ้าค่ะ” ยายโม่เตือน
ในเรื่องนี้ ผมเข้าใจดี
หากอยากให้มู่หลงเหยียนหายเป็นปกติเร็วๆ เธอต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น ใช้พลังวิญญาณจากดินและฟ้า
ฟื้นฟูร่างวิญญาณของเธอ
ก็เหมือนมนุษย์อย่างพวกเรา ไปให้น้ําเกลือที่โรงพยาบาล กินยาอีกหน่อยก็จะหายเป็นปกติเอง
ผมรีบเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองเข้าไปด้านใน
เห็นเพียงในห้องมีแท่งสูงประมาณหนึ่งเมตร ซึ่งตอนนี้มู่หลงเหยียนกําลังนั่งอยู่บนนั้น
เธอหลับตา สีหน้าดูไม่ดีเลยสักนิด แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณรางๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ทําให้ผมตกใจคือ เหนือหัวของมู่หลงเหยียน มีโลงศพโลงเล็กๆลอยอยู่
โลงศพโลงเล็กๆโลงนั้นเป็นสีดําสนิท มันลอยขึ้นๆลงๆอยู่เหนือหัวเธอ เป็นอะไรที่แปลกมาก
ไม่เพียงแค่นั้น มองแค่ครั้งเดียวผมก็จําได้ทันที ว่าเจ้าโลงศพโลงนั้นเป็นโลงเหล็กที่ผมซื้อให้มู่หลงเหยียนเมื่อตอนนั้น
ผมมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา และไม่ได้รบกวนมู่หลงเหยียนเลยสักนิด
ไม่รู้ยายโม่เข้ามาอยู่ข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่
ต่อจากนั้นผมก็ได้ยินยายโม่พูดกับผมว่า “คุณผู้ชาย คุณหนูกําลังใช้โลงรวบรวมพลังวิญญาณ หลังจากนั้นก็ดึงเข้าร่าง ฟื้นฟูร่างวิญญาณ รักษาบาดแผลต่างๆเจ้าค่ะ”
“ทํา ทําแบบนี้มีประโยชน์เหรอ ?” ผมพูดด้วยความสงสัย
ยายโม่กลับพยักหน้าให้ “มีประโยชน์แน่นอนเจ้าค่ะ เพื่อให้ได้โลงใบนี้มา คุณหนูเสียแรงไปเยอะเลยนะเจ้าค่ะ”
พอได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็งงขึ้นมาทันที
เจ้าโลงนี้ไม่ได้หาซื้อในเถาเป่าหรือไง แถมผมยังเป็นคนแบกมาให้ แล้วจะเรียกว่าเสียแรงได้ยังไง
ยายโม่ที่อยู่ข้างๆเห็นผมตีหน้ามน ท่าทางไม่เข้าใจ เธอเลยคลี่ยิ้มออกมา “คุณผู้ชาย ถึงคุณจะจ่ายเงินซื้อโลงใบนี้มา แต่ก่อนหน้านี้ คุณหนูไปหาคนขายด้วยตัวเองเลยนะเจ้าค่ะ ถ้าไม่ทําแบบนั้น ก็ไม่ได้โลงฟีนิกซ์มองจันทร์แบบนี้มาง่ายๆหรอกเจ้าค่ะ”