ศพ – ตอนที่ 440 รถหรูและลูกเศรษฐี

ตอนที่ 440 รถหรูและลูกเศรษฐี

ที่จริง ช่วงหลายวันมานี้ ก็ถือว่าเงียบสงบพอสมควร

ตั้งแต่กลับมาจากเขาเขี้ยวหมาป่าองค์กรตาผีก็เงียบไปเยอะ

ออกจากบ้านครั้งนี้ ผมเองก็ไม่กลัวว่าสมุนขององค์กรตาผีจะมาแก้แค้น

ผมขับรถตู้ของตัวเอง ฟังเพลงไปเดินทางสบายๆไปตลอดทาง

พอมาถึงตัวเมือง ผมก็เห็นเวลากําลังดี เพิ่งสิบโมงกว่าๆ

เลยคิดว่าอีกเดี๋ยวจะไปรอเสี่ยวม่านที่บริษัทหลังจากนั้นค่อยออกไปกินข้าวพร้อมกัน

ถ้าตอนบ่ายเธอว่าง ผมก็จะพาเธอไปดูหนังต่อ ทําตามสัญญาที่เธอช่วยดูแลพวกเราในตอนนั้น

ถ้าเธอไม่ว่างงั้นผมก็จะรอจนถึงตอนเย็น

ไม่ว่ายังไงผมก็มีเวลาเยอะเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

บริษัทของเสี่ยวม่าน ผมแค่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ยังไม่เคยไปสักครั้ง

รู้แค่ว่าบริษัทที่เธอทํางานอยู่ในตอนนี้ คือบริษัทลูกของพวกเธอชื่อว่าฮงหยูนพัฒนาค้าขาย ด้านอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ

ผมเปิดจีพีเอส ขับตรงไปหาจุดหมายทันที

บริษัทของเธอตั้งอยู่บนถนนเศรษฐกิจของเมืองเรา ทางเข้ากว้างมาก ส่วนใหญ่เป็นอาคารสํานักงานและบริษัทต่างๆ

ทํางานที่นี่ได้ ล้วนเป็นบุคลากรที่มีความสามารถ หรือระดับผู้จัดการอะไรประเภทนั้น

หลังมาถึงที่หมาย ผมกลับต้องตะลึง

บริษัทฮงหยูนพัฒนาที่ว่า เป็นตึกสูงระฟ้า

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง

เพิ่งลงจากรถ ผมก็ตะลึงทันที “แม่เจ้า แบบนี้ก็เรียกบริษัทลูกเหรอ บริษัทลูกยังใหญ่ขนาดนี้ แล้วบริษัทแม่จะขนาดไหนนะ”

ผมบ่นพึมพําคนเดียว ไม่เคยคิดฝัน ว่าธุรกิจบ้านเสี่ยวม่านจะใหญ่โตถึงขนาดนี้

มันเป็นอะไรที่จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ บริษัทแม่ของบ้านเสียวม่านจะใหญ่ขนาดไหนนะ

เป็นบริษัทอะไรกันแน่

ในเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่เคยถามมาก่อน รู้แค่ว่าบ้านของเธอทําธุรกิจใหญ่มาก และรวยมาก

มีลูกน้องจํานวนมาก เวลาเจอหน้าก็เรียกเธอว่าคุณหนูใหญ่ราวกับเป็นคนที่สูงส่งมาก

ผมยืนอยู่ข้างล่างตึก มองตึกสูงระฟ้าด้วยหน้าช็อกในสมองเต็มไปด้วยความคิดพวกนั้น

แต่ในตอนนั้นเอง จ่ๆข้างๆก็มีเสียงเหยียดของใครบางคนดังขึ้น “ไอ้หน้าจืด !”

พอได้ยินคําพูดนี้ ผมก็หันไปมองทันที

ทันใดนั้นผมก็พบว่าหลังรถตัวเองมีรถเฟอร์รารี่สีแดงมาจอดต่อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

และข้างตัวรถเฟอร์รารี่ก็มีชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งยืนอยู่

เด็กหนุ่มคนนั้นใส่แว่นกันแดดท่าทางดูหล่อมาก

ในมือถือกุญแจรถเฟอร์รารี่ตอนนี้กําลังจ้องผมแบบไม่สบอารมณ์

ผมเหลือบมองเขาแวบหนึ่งจากนั้นก็ไม่สนใจอีก

รู้สึกว่าก็แค่ลูกเศรษฐีเจ้าสําราญคําหนึ่ง ในสายของพวกเขา ขอแค่ไม่มีเงินเท่าพวกเขา ก็จะโดนมองว่าเป็นคนธรรมดาไม่เอาไหนเห็นแล้วขัดหูขัดตาไปซะหมด

ผมเองก็ยืนพิงรถตู้ของตัวเอง เล่นพวงกุญแจรถ SGMW ในมือตัวเองต่อไป

เจ้าหมอนั้นเห็นผมทําท่าทางแบบนั้น เลยยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ไอ้หน้าจืดมารอคนเหรอ

ผมได้ยินเจ้าหมอนั้นพูดกับผม ผมเลยกวาดตามองเขา จากนั้นพูดด้วยน้ําเสียงไม่ใยดี “คือรอคน”

หลังเจ้าหมอนั้นได้ยินผมตอบกลับ มันก็เคาะรองเท้าหนังสีขาวของตัวเอง จากนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาสูบ “ฉันเองก็กําลังรอคนอยู่ แต่ที่ฉันรอคือว่าที่แฟนสาวแล้วนายละมารอใคร ?”

“เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง” ผมพูดต่อ

เจ้าหมอนั้นจุดบุหรี่ พันควันออกมาดื้อๆ “ฉันเดาว่าคงเป็นผู้หญิงละซิ ! นายน่าจะยังตามจีบเธออยู่ละซิ……”

เจ้าหมอนี่คิดเองเออเองทั้งนั้น คิดว่าตัวเองฉลาดไปซะหมดผมเองก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่คิดว่าเจ้าหมอนี่ก็เหมือนคนปัญญาอ่อน

ส่วนเจ้าหมอนั้น เห็นได้ชัดว่ากาลังมั่นใจอยากหาความรู้สึกสําเร็จจากตัวคนอื่น

ผมยิ้มอ่อน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เจ้าหมอนั้นเห็นผมไม่พูดเลยเริ่มพูดแนะนํา “แต่อย่าว่าพี่ด่านายเลยนะ ผู้ชายธรรมดาหน้าตาบ้านๆแบบนาย ขับรถขยะแบบนี้มาพี่ว่าหมดหวังแล้วละ”

“ผู้หญิงสมัยนี้เรื่องเยอะไม่มีรถไม่มีบ้าน ใครเขาจะไปคบกับนาย นายดูฉัน รถเฟอร์รารี่ 458 ราคาตามท้องตลาด 5 ล้านได้ ! ขอแค่ขับรถแบบฉันถึงจะหาแฟนได้”

“ที่นายหาคือผู้หญิงหน้าเงินละซิ” ผมแนะนําสั้นๆ

ผลลัพธ์เจ้าหมอนี้กลับไม่เห็นด้วย “ผู้หญิงสมัยนี้ใครบ้างไม่ชอบเงิน พอดีเลย ว่าที่แฟนของฉันคนนั้นก็ทํางานที่ตึกนี้ ถึงพวกเราจะแค่มีวาสนาได้เจอหน้ากัน แต่รอให้เธอออกมาแล้ว เห็นรถเฟอร์รารี่ 458 ของฉัน เธอจะไม่รีบมาขึ้นเหรอฮะ ? ถึงตอนนั้นก็พาไปดื่มสักสองสามแก้ว ตกกลางคืนจะไม่ใช่ฉันเหรอที่ได้เป็นใหญ่ ?”

เจ้าหมอนี้ท่าทางเป็นพวกแสแสร้ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเจ้าเล่ห์ด้วย
แต่จะว่าไปแล้วเจ้าหมอนี้ก็พูดถูกนะ

ในสมัยนี้ ไม่มีรถไม่มีบ้านการหาแฟนสักคนก็เป็นเรื่องยากจริงๆนั่นแหละ แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งหมด

และดูจากเงื่อนไขของเจ้าหมอนขอแค่เปิดประตูรถคงมีสาวๆหน้าเงินขึ้นรถเยอะมากแน่ๆ

แต่ในความรู้สึกของผม ผมไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้สุดๆ ไม่สบอารมณ์ที่จะคบหากับคนประเภทนี้

ดังนั้นผมเลยไม่สนใจเขาหรือแม้แต่ขี้เกียจจะพูดกับเจ้าหมอนี่ต่อ

อาจเป็นเพราะรออยู่ที่นี่จนเบื่อแล้วเจ้าหมอนี่เห็นผมเองก็รอคนอยู่ที่นี่ด้วย เลยเริ่มถามผมอีกรอบ

“น้องหน้าจืด ในเมื่อพวกเรามีวาสนาได้เจอกันแล้ว งั้นพวกเรามาแลกวีแชทกันไหม ถ้าอีกเดี๋ยวพี่ชายทําสําเร็จ พี่จะให้นายยืม 458 ไปขับสักสองวัน ถึงตอนนั้นจะได้โอบสาวๆขึ้นรถ นายเองก็จะได้ลองลิ้มรสดูบ้างว่าเป็นยังไง”

ไม่พูดไม่ได้ เจ้าหมอนี่น่ารังเกียจจริงๆ

ผมโดนเจ้าหมอนี่พูดพร่ํามานานสองนาน เลยรู้สึกรําคาญเช่นกัน

ผมดึงหน้าลง แล้วพูดกับเจ้าหมอนตรงๆ “ไสหัวไปไกลๆ ถ้ายังไม่หุบปากอีก ฉันจะอัดแกแน่

ผมนี่ตัวชา ขนาดมีแค่รถเฟอร์รารี่ยังพูดพร่ําอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ แล้วถ้ามีโรลส์รอยซ์ขึ้นมา มันจะไม่ตัวลอยขึ้นฟ้าไปเลยหรือไง

ดูจากท่าทางของมัน เหมือนคนขับรถตู้อย่างพวกเราจะหาแฟนไม่ได้แล้วอย่างงั้น

ถ้าเป็นไปได้ ผมละอยากปล่อยเมียตัวเองออกมาทําให้เจ้าหมอนี่ตกใจตายไปเลย

ผมคิดในใจแบบนั้น แต่เจ้าลูกเศรษฐีคนนั้นกลับอึ้งคิดไม่ถึงว่าผมจะกล้าขู่เขาแบบนั้น

ปกติหยิ่งยโสจนเคยตัว ตอนนี้พอได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที “ไอ้หน้าจืดเมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ ?”

ขณะพูด เจ้าหมอนั้นก็ยกมือชี้หน้าผม

พอเห็นเจ้าหมอนี่กล้าชี้หน้าผม ถ้าไม่ได้เป็นเพราะตรงนี้คนเยอะ ผมคงได้หักนิ้วของเจ้าหมอนี่ไปแล้ว

ผมกดไฟในใจเอาไว้ “บอกให้แกหุบปาก ไสหัวไปไกลๆได้เท่าไหร่ยิ่งดี พูดพล่ามนานสอง นาน อย่างกับคนโง่”

เจ้าหมอนี่ได้ยินผมด่าเขาอีกรอบเขาเลยหัวร้อนขึ้นมา “แม่งเอ้ย ไอ้หน้าจืด ดูเหมือนถ้าฉันไม่ทําให้แกรู้ฤทธิของฉันสักหน่อย แกคงไม่รู้ว่าตายเขียนยังไงซินะ !”

พอพูดจบ เจ้าหมอนั้นก็ถอดแว่นกันแดดออกทําท่าทางอยากจะมีเรื่องกับผม

แต่หลังจากเจ้าหมอนี่ถอดแว่นกันแดดออกผมกลับพบว่าเจ้าหมอนตาตื่มาก

ถึงว่าทําไมใส่แว่นกันแดด ที่แท้ก็เอาไว้ซ่อนความน่าเกลียดนี่เอง

เมื่อเห็นเจ้าหมอนี่คิดจะมีเรื่องผมก็ไม่พูดพร่ําทําเพลง หันไปมองหน้าเขาทันที จากนั้นก็รอให้เจ้าหมอนต่อยเข้ามาก่อน

แต่ไม่รอให้เจ้าหมอนี่ได้เข้ามาทันใดนั้นเสียงหวานๆของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาถึงหูผม

“เอ๊ะ นายมาได้ยังไง !”

พอได้ยินเสียงนี้ ผมก็หันไปมองทันที

ตรงประตูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมีสาวสวยในชุดทํางานกําลังยืนอยู่

ตัวสูง หน้าตาสะสวยไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือเสี่ยวม่าน

พอเห็นเสี่ยวม่าน ผมก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยกำลังจะอ้าปากพูด

ผลลัพธ์เจ้าลูกเศรษฐีที่กาลังจะมีเรื่องกับผม กลับดูตื่นเต้นขึ้นมา

เจ้านั้นโบกมือทักทายเสี่ยวม่าน “เฮ้เสี่ยวม่าน ฉันมารับเธอไปกินข้าวโดยเฉพาะเลย !”

หลังจากพูดจบ เจ้าหมอนก็รีบใส่แววกันแดด เอาช่อดอกกุหลาบออกมาจากรถ แล้วเดินตรงไปทางเสี่ยวม่านทันที

ผมตกใจ ว่าที่แฟนสาวที่เจ้าหมอนี่พูดถึง คือเสี่ยวม่านงั้นเหรอ ?

ผมทําหน้าหนักใจนิสัยแบบนี้ เสี่ยวม่านชอบเขาลงเหรอ ? ถ้าเป็นผมตีให้ตายผมก็ไม่ยอมชอบ

อย่าพูดว่าขับรถเฟอร์รารี่ 458 เลย ด้วยนิสัยของเจ้าลูกเศรษฐีคนนี้ ถึงจะขับฮิวอายร่าก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก

ไม่รอให้ผมได้ตอบสนองใดๆ เจ้าหมอนั้นยังทําหน้าได้ใจ หันมาพูดกับผมว่า “ ไอ้หน้าจืด เห็นไหมฮะ ?

นี่เรียกว่าเสน่ห์ วันนี้ถือว่าแกโชคดี อย่าให้ฉันเจอหน้าแกอีกละ ! ”
ขณพูดเจ้าหมอนั้นก็เดินไปหาเสียวม่านแล้ว

ส่วนเสี่ยวม่านเองก็ดูดีใจมาก รีบวิ่งมาทางพวกเราทันที……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset