ตอนที่ 441 ฉันจัดการเอง
ผมกับเจ้าแว่นกันแดดอยู่ที่เดียวกันเสี่ยวม่านเลยวิ่งมาทางพวกเรา
และตอนนี้ ผู้ชายที่ถือช่อดอกไม้ตรงหน้าผมก็ดูตื่นเต้นมาก
พอเห็นเสี่ยวม่านวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางดีใจเขาก็แทบจะตัวลอยอยู่แล้ว หน้านี้เปล่งประกายยิ่งกว่าอะไรดี
ตอนเสี่ยวม่านกําลังเข้ามาใกล้เขา เขากลับหยุดยืนอยู่ที่เดิม แล้วทําหน้าดีใจและมีความสุขออกมา
“เสี่ยวม่าน เธอดซิฉันซื้อช่อดอกไม้มาให้เธอด้วยนะ แล้วฉันยังขับรถเฟอร์รารี่มาด้วยนะ พวกเราไปกินข้าวขับรถกินลมชมวิวกันเถอะ”
หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นช่อดอกไม่ให้เสียวม่าน
เจ้าหมอนเข้าใจผิดคิดว่าเสี่ยวม่านต้องดีใจ แล้วพยักหน้าตอบรับทันที
แต่ผลลัพธ์กลับอยู่เหนือความคาดหมาย สีหน้าที่เคยดูมีความสุขของเสียวม่าน เปลี่ยนเป็นการกดหน้าลง
เธอเผยสีหน้าเย็นชาออกมา “ไอ้ปื้อ ไสหัวไปซะยิ่งไกลยิ่งดี !”
พอเจ้าแว่นกันแดดได้ยินคําพูดนี้ ก็มีนในทันที
เสี่ยวม่านเจอฉันแล้วไม่ได้ทําหน้าดีใจเหรอ ? เมื่อเธอตอนเห็นฉันเธอไม่ได้ดูตื่นเต้นมากเหรอ ?
แต่ แต่ทําไมท่าทางถึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ละ
ไม่รอให้เจ้าแว่นกันแดดได้ทําอะไร อย่าว่าเสี่ยวม่านจะรับช่อดอกไม้ของเจ้าแว่นกันแดดเลย
เธอยังผลักเจ้าแว่นกันแดดให้หลีกทางจากนั้นก็วิ่งไปข้างหลังเขาทันที
เจ้าแว่นกันแดดขมวดคิ้วเล็กน้อยทําหน้าไม่เข้าใจ “เสี่ยวม่าน เสี่ยวม่านเธอจะไปไหน ?”
หลังจากพูดจบเจ้าแว่นกันแดดก็หันมา แต่ตอนที่หันไปเห็นเสี่ยวม่านอีกครั้ง เขากลับอึ้งในทันที
เพราะเขาเห็นเสียวม่านมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม และเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาอีกครั้ง
แถมอีกฝ่ายยังเป็นแค่เจ้าหน้าจืดที่ขับรถตู้มาในสายตาของเขา
แต่สิ่งที่น่าแค้นที่สุดคือ พวกเราสองคนยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กันพอเทียบกับท่าทีที่มีต่อเขาแล้ว
มันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงมันเลยทําให้เขาอดตกใจไม่ได้
“…..เป่า นายมาได้ยังไง ?” เสี่ยวม่านพูดอย่างมีความสุข เธอตะโกนชื่อที่ตัวเองตั้งให้ผมในสมัยเด็กออกมา
ผมยิ้ม “ ก็หายแล้วนี่นา ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทํา ดังนั้นเลยมาหาเธอ กะจะถามว่าตอนบ่ายเธอว่างไหม
ฉันมาจ่ายหนี้พาเธอไปดูหนังน่ะ ! ”
ผมพูดด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวม่านกลับกัดปาก แล้วรีบพยักหน้าทันที “ว่าง ว่างซิ”
พอเจ้าแว่นกันแดดที่ยืนอยู่ห่างออกไปเห็นฉากนี้แล้วก็ตีหน้ามนหมดกว่าเดิม
“บึก” ช่อดอกไม้ในมือล่วงลงพื้น เขาอ้าปากมองตาค้าง
เมื่อกี้เขายังคุยโวต่อหน้าผม บอกว่าขอแค่ขับรถหรูแบบเขาถึงจะหาแฟนได้
แต่ตอนนี้ มันกลับกลายเป็นการตบหน้าเขาแรงๆ
เจ็บ เจ็บจนเข้ากระดูกเจ้าแว่นกันแดดมีความรู้สึกเหมือนโดนกดไว้บนพื้น แล้วจากนั้นก็ โดนคนปาถังขยะใส่อีกที
ตอนนี้ ผมกวาดตามองเจ้าแว่นกันแดด ทันใดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา
เดิมที่เจ้าแว่นกันแดดก็โมโหจนควันออกหูอยู่แล้ว เขาชอบเสี่ยวม่านมาก เมื่อกี้ยังคุยโวต่อหน้าผม
แถมก่อนหน้านี้ก็เกือบมีเรื่องกันแล้ว
สุดท้ายละ กลับได้จุดจบแบบนี้ มันเลยทําให้เขาอารมณ์เสียมาก
ในเวลานี้ยังเห็นสายตาดูถูกของผมอีกเขาเลยโมโหเลือดขึ้นหน้าทันที
เขาถอดแว่นกันแดดออกทันทีเผยให้เห็นดวงตาเล็กที่ของตัวเองจากนั้นก็เดินเข้ามาหาผม
“เฮ้ยแกน่ะ กล้แย่งแฟนฉันเหรอฮะ ?”
พอได้ยินน้ําเสียงโมโห ผมกับเสี่ยวม่านก็หันไปมอง เราเห็นเจ้าแว่นกันแดดเดินเข้ามาด้วยท่าทาง
ไม่สบอารมณ์พอดี
เพราะตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยง พนักงานจํานวนมากในบริษัทฮงหยูนพัฒนา เลยกําลังออกมากินข้าว
และเห็นฉากนี้เข้าพอดี
ทุกคนต่างหยุดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นพวกเขามองมาทางพวกเรา และเริ่มซบซิบกัน
“ว้าว รถเฟอร์รารี่”
“นี่มันรถเฟอร์รารี่ 458 รถหรูราคาหลายล้าน พระเจ้า ทํางานทั้งชีวิต ยังซื้อไม่ไหวเลย”
พนักงานชายสองคนพูดด้วยความตื่นเต้น แต่พนักงานสาวหลายคนที่อยู่ข้างๆกลับจดจ้องไปที่สถานการณ์ของพวกเรา
“พวกเธอรีบมาดูเร็ว รองผู้จัดการ กับผู้ชายสองคนงั้นเหรอ ?”
“ต้องมีเรื่องกันแน่ๆ !”
“ เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ชายขับรถสปอร์ตคนนั้นเอาดอกไม้มาให้รองผู้จัดการ ผลลัพธ์รองผู้จัดการไม่เอา
จากนั้นก็วิ่งไปหาผู้ชายอีกคน ! ”
“ผู้ชายขับรถเฟอร์รารี่ กับผู้ชายขับรถตู้ พวกเขาคงไม่ได้เป็นศัตรูหัวใจกันหรอกนะ ?”
“เอ่อ อาจเป็นไปได้นะ….”
ระหว่างนั้น คนรอบๆหลายสิบคนก็กระซิบกันเป็นครั้งคราว
แต่พวกเราไม่สนคนพวกนี้ ผมเห็นเจ้าลูกเศรษฐีคนนี้เดินมาทางผม ทําท่าเหมือนอยากจะมีเรื่อง
ผมก็ยืดเส้นยืดสายเตรียมสั่งสอนเจ้าหมอนทันที
พอเสี่ยวม่านเห็นท่าทางแบบนั้น เธอก็หมุนตัวมายืนขวางหน้าผม แล้วทําเสียงดุใส่เจ้าแว่นกันแดด
“ฟานธง นายไม่จบใช่ไหมฮะ ?”
พอได้ยินค่าว่าฟานธง “พรึบ” ผมก็คลี่ยิ้มออกมาทันที
ที่แท้เจ้าหมอนี้ ก็มีชื่อว่าร้ายกาจ
เจ้าแว่นกันแดดเห็นผมยิ้ม เลยชี้หน้าผมทันที “ไอ้นี่ ห้ามยิ้มนะ !”
“เสี่ยวม่าน ฉันชอบเธอจริงๆนะ เธอดูเจ้าหมอนี่ซิ จนจะตายไป แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เธอดรถเฟอร์รารี่ของฉันนี่ต่างหากที่เหมาะกับเธอ ! มาเธอมาขึ้นรถฉันเถอะ !” เจ้าหมอนพูดต่อ
เขายังไม่หยุดอวดรถเฟอร์รารี่ของตัวเอง
เดิมที่เสี่ยวม่านยังคิดจะพูดต่อ แต่ผมกลับเข้ามาคว้ามือเธอ แล้วดึงตัวเธอไปอยู่ข้างหลัง
“เรื่องพันนี้ให้ฉันจัดการจะดีกว่า”
ผมยิ้ม เห็นได้ชัดว่ากําลังทําตัวสบายๆ
พอเสี่ยวม่านได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็เงียบไปพักหนึ่งจากนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ส่วนผมกลับเดินไปข้างหน้ามาถึงตรงหน้าผู้ชายที่โดนเรียกว่าฟานธง
ระยะห่างเรามีไม่ถึงครึ่งเมตรดวงตาปะทะกันตรงๆ
ดวงตาของฟานธงลุกเป็นไฟ กําหมัดแน่น ส่วนผมกลับทํามือเท้าเอว ทําหน้าเฉยชา
ระหว่างนั้น เหมือนอากาศจะน้อยลงเต็มไปด้วยกลิ่น…แทน
ส่วนพนักงานบริษัทฮงหยูนพัฒนากลับมารวมตัวกันมากกว่า 20 คนแล้ว
พนักงานหญิงคนหนึ่งเป็นสาวน้อยอารมณ์อ่อนไหว ตอนนี้เธอดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ว้าว นี่ นี่คือฉากในนิยายที่นางเอกกําลังโดนแย่งเหรอ ?”
“หนุ่มหล่อรวย สู้กับเด็กยากจนงั้นเหรอ ?
ระหว่างที่ผู้หญิงพวกนั้นนินทากัน ผมก็สบตากับเจ้าแว่นกันแดดแล้ว “ไอ้หนู ได้ยินว่าแกมาตอแยเพื่อนฉันเหรอ !”
ผมพูดด้วยน้ําเสียงสบายๆ แต่เจ้าแว่นกันแดดกลับดูโมโห เขาเดินเข้ามาหนึ่งก้าว เชิดหน้าขึ้นจ้องผมอย่าง
ดุร้าย “ไปถามแม่แกซ์ เสี่ยวม่านเป็น….”
คําว่า “ของ” ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก ผมก็ยกขาขึ้นอย่างรวดเร็ว เข่าโดนท้องของเจ้าหมอนั้นเต็มๆ
“อ้า” เจ้าหมอนั้นร้องออกมามันรู้สึกเจ็บท้องมาก
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น ผมยังใช้ศอกกระแทกลงไปที่หลังของเจ้าหมอน
“ปัก” ผมไม่ได้ออกแรงเลยสักนิดเจ้าหมอนี่ก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
“แก แกกล้าทําร้ายฉัน !” เจ้าหมอนั้นตะโกนและยังคิดจะลุกขึ้นมาอีก
ผลลัพธ์ไม่รอให้เขาได้ลุกขึ้นมาอีกครั้งก็โดนผมเตะไปอีกสองสามครั้ง
ลูกเศรษฐีพวกนี้ โดนพวกเหล้าทําลายหมดแล้ว ร่างกายเทียบไม่ได้กับคนธรรมดาด้วยซ้ํา
เลยไม่ต้องพูดถึงจะมาสู้กับผมที่อยู่ร่วมกับความเป็นตายในการไล่ล่าภูติผีเลย
เจ้าหมอนี่ไม่มีแรงโต้กลับเลยสักนิด เขาโดนเตะจนร้อง “โอ๊ย” ออกมาต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นไปไม่ได้อีกพักใหญ่
พอคนรอบๆเห็นแบบนั้น ก็อดทําตาโต และสีหน้าตกใจออกมาไม่ได้
“ว้าว ! หล่อมาก แมนมาก ฉันชอบมาก….” เด็กฝึกงานคนนึงตื่นเต้นจนกระโดดตัวลอย
“นั่นคือแฟนของรองผู้จัดการเหรอ ฉันเองก็ชอบนะ……”