ตอนที่ 445 โดนจับวิญญาณ
หลังจากตกใจไปพักหนึ่ง ผมก็มั่นใจว่าผมเห็นร่างกายตัวเองล้มลงมาจริงๆ
และสภาพของผมในตอนนี้คือ ไม่มีอุณหภูมิ หัวใจไม่เต้น ไม่ต้องหายใจ และตัวเบา
ผมมั่นใจ ตัวผมต้องอยู่ในรูปแบบวิญญาณ ตอนนี้ผมเป็นแค่วิญญาณ ไม่มีกายเนื้อ
สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ ผมโดนยมทูตทั้งสองตนตรงหน้า ใช้โซ่เหล็กดึงวิญญาณออกจากร่าง ทั้งที่ผมยังรู้สึกตัวอยู่
พอคิดได้แบบนั้น ผมก็รู้สึกกลัวสุดๆ
แต่ผมไม่อยากตาย และยิ่งไม่อยากตายแบบไม่ชัดเจนแบบนี้ด้วย
ผมหันไปมองตามที่จิตใต้สํานักบอก ทันใดนั้นผมก็เห็นเฮยไปอู่ฉางกําลังจ้องผมอยู่พอดี
และโซ่เหล็กตรงเอวผม ก็มีเฮ่ยอู่ฉางเป็นคนจับปลายอีกด้านหนึ่งเอาไว้ เขาก็คือคนที่ลงมือกับผมดื้อๆ
ดึงวิญญาณผมออกมาจากร่าง
ไม่รอให้ผมได้พูด ไปอู่ฉางก็เดินเข้ามาหาผมหลายก้าวแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าซีดขาวของไปอู่ฉาง ก็ทําท่าสบัดลิ้นสองสามครั้ง หรี่ตาลง ยิ้มหัวเราะฮิๆๆ
ทําเอาผมต้องเขยับถอยหลังไปหลายก้าว
แต่ตอนนี้ไปอ่ฉาง กลับใช้น้ําเสียงแปลกๆ และฟังดูไม่ค่อยชัดพูดกับผมอีกครั้ง “ไอ้หนู ในเมื่อเห็นยมทูตจับวิญญาณแล้ว งั้นเจ้าก็ตามข้าลงไปเถอะ !”
หลังจากพูดจบ ลิ้นที่ยาวมาถึงหน้าอกเพราะผูกคอตาย ก็สบัดไปมาอีกสองสามครั้ง ทําให้คนที่เห็นถึงกับขนพองสยองเกล้ากันเลยทีเดียว
แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด ทําให้ผมต้องทําใจกล้า รีบเอ่ยปากพูดกับเชี่ยปีอ้านว่า “ท่าน ท่านไปอ่ฉาง ผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาเจอกับร่างจริงของพวกท่าน ปล่อย ปล่อยผมไปเถอะ!”
ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง ใบหน้าบวมเป่งของฟานอู่จิ๋ว ก็เผยแววตาที่ดุร้ายออกมา “ปล่อย? ไม่มีทาง
เสียงนี้ทําให้ผมตกใจทันที แต่เพื่อเอาชีวิตรอด ผมยังพูดกับยมทูตทั้งสองท่านด้วยความเคารพ
“ท่าน ท่านอฉางทั้งสอง ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ และ และผมเองก็เป็นนักพรตทํามาหากินในโลกวิญญาณเช่นกัน ปกติก็ไล่ล่าภูตผีปีศาจที่ชั่วร้าย”
“โห เจ้าก็เป็นนักพรตทํามากินกับโลกวิญญาณงั้นเหรอ ?” ไปอู่ฉางพูด เขาค่อนข้างสนใจ
ผมรีบพยักหน้า “ใช่ครับ ถ้าท่านทั้งสองปล่อยผมไป พอ พอข้าน้อยกลับไปแล้ว จะต้องเผาเงินกระดาษ
เงินตําลึงไปให้ทั้งสองท่านเยอะๆแน่นอนครับ ใช่เงินตําลึงเยอะๆเลยครับ”
ที่ผมพูดแบบนั้น เพราะ “เงินกระดาษ” “เงินตําลึง” ที่ผมพูดถึงตรงกับสี่ค่าบนหมวกของเชี่ยปี
อ้าน
“ใครพบจะร่ํารวย”
นิทานพื้นบ้านกล่าวว่า ถ้าเจอเชี่ยปีอ้านกลางดึก
ขอแค่ใช้เงินตีเขา เชี่ยปีอ้านคนนี้ ! ก็จะก้มหัวเก็บเงิน หลังจากนั้นคนเป็นก็สามารถวิ่งหนีไป ได้แล้ว
ตอนนี้ผมไม่สนว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงไหม ขอแค่ทําให้ตัวเองรอดไปได้ก็พอ ผมเลยเอาเงินมาติดสินบนพวกเขา
แต่เสียงของผมเพิ่งเงียบลง แววตาของยมทูตทั้งสองตนก็เผยให้เห็นประกายเล็กน้อยอย่างคิดที่ไว้ไม่มีผิด
ไปอฉางพูดด้วยความตื่นเต้น “มีเงินเหรอ ?”
พอเห็นว่าได้ผล ผมก็รีบตอบกลับทันที “ท่านทั้งสอง บ้านผมเปิดร้ายขายของให้คนตาย ในบ้านมีเงินกองเป็นภูเขาจนนับไม่ถ้วน ขอแค่ท่านทั้งสองยอมปล่อยผมไป ข้าน้อยจะต้องตอบแทนกองโตอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของเชียปีอ้าน เปื้อนยิ้มขึ้นมาทันที เลยพูดด้วยเสียงแปลกๆ และไม่ค่อยชัดเช่นเดิม
“ไอ้หนู แบบนี้มันคุยกันยากหน่อยนะ ! เพราะพวกเราก็มีกฎเช่นกัน ในฐานะยมทูตจับวิญญาณ เมื่อมนุษย์เห็นพวกเราทํางานแล้ว ก็ต้องเอาชีวิตไปทั้งนั้น ไม่อย่างงั้นพวกเราสองพี่น้องก็ต้องเสียศักดิ์ศรี”
พอพูดถึงตรงนี้ ไปอ่ฉางก็หยุดพูดไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า “ แต่ก็นะ ตัวข้ามีความเมตตากรุณา
สามารถผ่อนผันได้เหมือนกัน”
พอได้ยินคําพูดนี้ ผมก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ใช่ใช่ใช่ ผ่อนผันผ่อนผัน”
ไปอู่ฉางสบัดลิ้นยาวๆของตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ! ในเมื่อบอกว่าเจ้าเป็นนักพรตั้งั้นก็บอกนามเต่ของเจ้ามา ให้ข้าได้ตรวจเช็คตัวตนของเจ้า ดูว่าเป็นคนดีหรือเลว
มีบุญอยู่เท่าไหร่ ถ้าเป็นคนดี ! ข้าก็จะยอมให้สักครั้ง ยกโทษที่เจ้ามาเจอเราในวันนี้ แต่ถ้าทําเรื่องทั่วๆไว้
บุญไม่พอ งั้นก็อย่าโทษที่ข้าพาเจ้าไปนรกเลย”
ไปอู่ฉางคลี่ยิ้ม พูดด้วยน้ําเสียงสบายๆ
เฮ่ยอู่ฉางที่อยู่ข้างๆทําตาโต หน้าดํา กลัวผมจะวิ่งหนี เลยจ้องผมไม่วางตา
พอได้ยินว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป ผมก็ดีใจขึ้นมาทันที
ตามหลักแล้ว ผมไม่ได้ทําเรื่องเลวร้ายอะไร และปกติก็คอยไล่ล่าภูติผีช่วยผู้คน ต้องไม่จัดอยู่ในพวกคนเลวอย่างแน่นอน เรื่องนี้ผมมั่นใจพอสมควร
ถ้าคนแบบผมจัดว่าเป็นคนเลว งั้นผมก็ไม่รู้แล้วว่าคนดีอยู่ที่ไหน
แต่ “นามเต๋า” คืออะไร ? ตอนรับผมเป็นศิษย์ อาจารย์ก็ไม่ได้ให้นามเต๋าอะไรกับผมเลย
ผมทําหน้าอึดอัดใจทันที “ท่าน ท่านไปอู่ฉาง ผมไม่มีนามเต๋ ให้ชื่อเทนได้ไหม ? ผมชื่อติงฝาน”
ผมลองหยั่งเชิง ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง ฟานอู่จิ๋วที่หน้าดําอยู่ข้างๆก็ทําหน้าดุขึ้นมาทันที จากนั้นก็ตะคอกใส่ผม “ บังอาจ เป็นนักพรต แต่กลับไม่มีนามเต่ํา ในเมื่อเจ้ากล้าหลอกพวกเราแอบอ้างเป็นนักพรต
งั้นก็เอาโทษตายไปเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ ฟานอจิ๋วผู้มีใบหน้าบวมเป้ง ก็ยกไม่ไว้ทุกข์ขึ้นเตรียมตีลงมาที่หัวผม
สุดยอด ! นี่เหรอยมทูต ผู้จับวิญญาณที่เขาล่าลือกัน
ไม่ไว้ทุกข์ในมือ มีไว้ใช้จัดการวิญญาณโดยเฉพาะ
สภาพแบบผม ถ้าโดนไม้ไว้ทุกข์ทุบเข้าละก็ วิญญาณต้องแตกสลายแน่ๆ
ขณะมองไม่ไว้ทุกข์ที่ร่วงลงมาเรื่อยๆ สีหน้าผมก็เปลี่ยนไป รีบพูดขึ้นมาทันที “อย่าอย่า อย่า……”
เสียงเพิ่งเงียบลง จู่ๆไปอฉางที่ยืนอยู่ข้างๆเชี่ยปีอ้านก็เอื้อมมือออกมา หยุดมือของฟานอู่จิ๋วเอาไว้
“น้อง รอก่อน” เชี่ยปีอ้านพูดเบาๆ
พอฟานอู่จิ๋วโดนห้ามไว้ เขาก็เค้นเสียงดัง จากนั้นก็เก็บไม้ไว้ทุกข์ทันที
แต่เขาก็ยังทําท่าทางดุร้าย เหมือนกับมีคนไปติดหนี้เขาเอาไว้หลายล้าน
เมื่อเห็นเฮ่ยอฉางหรือท่านฟานอู่จิ้วเก็บไม่ไว้ทุกข์ไปแล้ว ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจทันที
แม่เจ้า เกือบโดนเฮ่ยอู่ฉางตีตายซะแล้ว อันตรายจริงๆเลย
แต่ไม่รอให้ผมได้พักหายใจ ไปอู่ฉางก็หัวเราะฮ่าๆแล้วพูดกับผมว่า “ไอ้หนู ไม่มีนามเต๋าจะเรียกนักพรตได้ยังไง ? ถ้าหลอกลวงข้า เจ้าจะมีโทษถึงตายเลยนะ”
“จริง จริงๆท่านไปอู่ฉาง อาจารย์ของข้าน้อยเป็นผู้ฝึกตนพเนจร ข้าน้อยติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก
อาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้ผม แต่ไม่ได้ให้นามเต่กับผมจริงๆ ! ” ผมรีบพูดตามความจริง
พอไปอฉางได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหน้าเฮ่ยอู่ฉาง
แล้วไป๋อู่ฉางถึงได้หันกลับมาอีกครั้ง “ในเมื่อไม่มีนานเต๋า งั้นก็บอกวันเดือนปีเกิดกับชื่อแซ่เจ้ามา ! ให้ข้าได้ตรวจประวัติของเจ้า”
หลังจากพูดจบ ไปฉางหรือเชี่ยปีอ่านก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ทันใดนั้นสมุดเล่มสีเหลืองเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนมือเขา
ตอนนี้ผมไม่สนเรื่องเวทมนตร์ใดๆทั้งนั้น ผมจะกล้าลีลาได้ยังไง ผมรีบบอกชื่อแซ่และวันเดือนปีเกิดของตัวเอง…..กับไปอู่ฉางไปทันที
หลังฟังจบไปอู่ฉาง ก็ใช้มือวาดอะไรบางอย่างลงบนสมุดเหลืองเล่มเล็กอันนั้น จากนั้นก็เปิดดูทันที
หลังสมุดเล่มเล็กโดนเปิดออกมาแล้ว ไปดู่ฉางก็หลี่ตาสองสามครั้ง “ติงฝาน อยู่ที่ต่าบลชิงฉือ เกิดปีนเดือนน้ําวันน้ําเวลาน้ํา อาชีพ โห! เป็นนักพรตจริงๆ ส่วนเรื่องบุญ ข้าขอดูหน่อย……”
ตอนนี้สิ่งที่ไปอู่ฉางทํา ก็เหมือนกับการตรวจสอบบัญชี
เขาจ้องมองสมุดเล่มเล็กพักหนึ่ง หลี่ตาลง จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ โห ! ไม่เลว มีบุญเยอะใช้ได้
ถ้าดูจากข้อมูลพวกนี้ เจ้าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ”
“จริงเหรอครับ ? งั้นก็เยี่ยมไปเลย ท่านไปอู่ฉาง งั้นท่านก็ปล่อยข้ากลับไปเถอะ ! ไม่อย่างงั้นอีกเดี๋ยวข้าต้องหนาวตายแน่ๆ” ผมทําหน้าดีใจ อยากกลับไปเร็วๆ
แต่เสียงเพิ่งเงียบลง ไปอฉางกลับหัวเราะฮ่าๆ “ ไม่รีบไม่รีบ ข้าให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องตาย ถ้าข้าจะให้เจ้าอยู่
เจ้าก็ไม่มีทางตายได้หรอก ในเมื่ออยากให้พวกเราผ่อนผัน งั้นพวกเราก็มาคุยเรื่องค่าผ่อนผันกันหน่อย……”