ตอนที่ 447 เสี่ยวม่านเศร้า
ในขณะที่มองร่างของเฮียไปอู่ฉางและวิญญาณอีกสี่ดวงเดินจากไป ผมก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งตามที่เคยชินไม่ได้
ถึงเฮียไปอู่ฉางจะจากไปแล้ว แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก็ยังติดอยู่ในสมองของผม
ไม่ว่ายังไงผมก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้มาเจอเรื่องแปลกๆแบบนี้
เจอยมทูตจับวิญญาณหลังจากนั้นยังเอาชีวิตรอดได้สําเร็จ
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือผมยังได้ของดีติดมือกลับมาถูกประทับตรา “อู่ฉาง” ที่หน้าอก
แน่นอน ผมเองก็โดนเฮยไปอู่ฉางเล่นกลับเช่นกัน
แต่เรื่องเงินกระดาษเงินต่าลึง ทาสสาวอะไรพวกนั้น เป็นแค่เรื่องเล็ก จัดการได้ง่ายนิดเดียว
พอคิดถึงตรงนี้แล้ว ผมก็เอื้อมมือไปที่รูปตราอู่ฉางตรงหน้าอกตัวเอง และไม่ลังเล หันหลังกลับจะไปเข้าร่างทันที
แต่วินาทีที่ผมหันไปประตูหลังร้านกลับโดนคนผลักให้เปิดออก
ต่อจากนั้นผมก็เห็นเสี่ยวม่านวิ่งออกมาจากข้างใน
ตอนเสี่ยวม่านเห็นผมนอนอยู่บนพื้น สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที และตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
.เป่า ติงฝาน……”
หลังจากพูดจบเสี่ยวม่านก็เข้ามาอยู่ตรงหน้ากายเนื้อของผมแล้ว เธอเขย่าตัวผมไม่หยุด
“…เป่า นายอย่ามาทําให้ฉันตกใจนะ นาย นายเป็นอะไรไป ?” เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวม่านกระวนกระวายผิดปกติ
ขณะมองท่าทางของเสี่ยวม่าน ผมก็พูดออกไปตามที่จิตใต้สํานึกบอก “ฉันไม่ได้เป็นอะไร !”
ตอนนี้ผมอยู่ในร่างวิญญาณ แล้วเสี่ยวม่านจะได้ยินเสียงผมงั้นเหรอ
เธอยังเขย่าตัวผมหลายครั้งแถมยังกดร่องใต้จมูกของผม
หรือแม้แต่ร้อนใจจนร้องไห้ออกมาเสียวม่านตะโกนออกมาไม่หยุด อย่ามาทําให้ฉันตกใจอย่ามาทําให้ฉันตกใจนะ
ผมเองก็ไม่อยากให้เสี่ยวม่านเป็นห่วงเลยไม่ลีลาอีกรีบเดินไปข้างร่างตัวเองทันที
เพิ่งเข้ามาใกล้ตัวเอง ผมก็สัมผัสได้ถึงแรงดูดที่มองไม่เห็น
มันเหมือนกับแม่เหล็กที่ร่างผมมีต่อวิญญาณตัวเอง อารมณ์เหมือนมันกําลังถูก “ดูด” เข้าหาก
และยังไม่ทันได้คิดอะไรมากร่างผมก็โดนดูดกลับเข้าไปในกายเนื้อของตัวเองแล้ว
ในวินาทีที่ผมเข้าไป ผมรู้สึกเหมือนโลกกลับหัวตรงหน้ามืดมิด ตกอยู่ในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงเสี่ยวม่านเรียกผมเบาๆ
และก็รู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเองสัมผัสได้ถึงความรู้สึกต่างๆในร่างกาย
ผมรู้ได้ในทันที ผมกลับเข้ามาแล้วกลับเข้ามาอยู่ในร่างกายตัวเองอีกครั้ง
ผมค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นเสี่ยวม่านกําลังร้องห่มร้องไห้อยู่พอดี
จู่ๆเสี่ยวม่านก็เห็นผมลืมตาเธอเลยดีใจขึ้นมาในทันที “ติงฝาน ในที่สุดนายก็ฟื้น ฉันตกใจจะ ตายอยู่แล้ว !”
หลังจากพูดจบเสี่ยวม่านก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น เธอโผเข้ามากอดผมทันที
ผมที่โดนกอดทําตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
“เอ่อ เอ่อเสี่ยวม่าน ฉัน ฉันไม่ได้เป็นอะไร…..” ผมพูดเสียงติดอ่าง
แต่เสี่ยวม่านกลับ “ฮือๆๆ” ร้องไห้ออกมา “ ยังบอกว่าไม่เป็นอะไร เมื่อกี้นายแทบจะไม่หายใจแล้วนะ
ถ้าฉันมาเจอช้ากว่านี้อีกหน่อยหรือมากดร่องจมูกนายไม่ทัน นายคงตายไปแล้ว !”
เสี่ยวม่านระเบิดอารมณ์ ผมรู้สึกซึ้งใจมาก
เนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเด็ก มิตรภาพที่มีต่อกันเลยลึกซึ้งมาก
ผมคลี่ยิ้ม “เสี่ยวม่าน ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
พอเสี่ยวม่านได้ยินอย่างงั้น ก็ค่อยๆปล่อยมือทั้งสองข้าง ดวงตาแดงก่ “นาย นายไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆเหรอ ?”
“จริงๆ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว !”
หลังจากพูดจบผมก็กระโดดลุกขึ้นจากพื้น
ถึงจะรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออกอยู่หน่อยๆ อาจเป็นผลจากวิญญาณกลับเข้าร่าง
แต่ตอนนี้ ก็แกล้งทําเป็นสบายดี
“งัน งั้นเมื่อกี้ทําไมนายถึงสลบไปได้ละ ?” เสี่ยวม่านเห็นผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เลยอดถามออกมาไม่ได้
“พูดแล้วเธอคงไม่เชื่อ เมื่อท่านเฮ่ยไปอู่ฉางดึงวิญญาณฉันออกจากร่าง !” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ผลลัพธ์เสี่ยวม่านที่กําลังร้องไห้อยู่ กลับกลอกตาให้ผมทันที “ฮ! นายนี่โม้เก่งจริงๆ ต้องเป็นเพราะนายเลือดน้อย เลยสลบไปแน่ๆ”
เลือดน้อย ฉัน……
ผมพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ปัดฝุ่นร่างกายของตัวเอง “เอ่อเราไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ พวกเรากลับเข้าไปข้างในก่อนเถอะ !”
“นายไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ ? เราไปตรวจที่โรคพยาบาลกันหน่อยไหม ?” เสียวม่านพูดด้วยความห่วงใย
“ไม่ต้องหรอก ฉันแข็งแรงอย่างกับวัว !” ผมพูดติดตลก ในขณะเดียวกันก็ทําท่าเบ่งกล้าม
เสี่ยวม่านกลับหัวเราะเพราะท่าทางของผม ผมเห็นเธอหัวเราะเลยหุบยิ้มทันที จากนั้นก็พูดกับเธอด้วยน้ําเสียงจริงจังอีกครั้ง “ขอบใจนะเสี่ยวม่าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นห่วงฉันขนาดนี้”
จู่ๆเสียวม่านที่กําลังหัวเราะอยู่ ก็เห็นผมทําท่าทางจริงจัง เลยทําปากมัยอีกครั้ง “ใครใช้ให้เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กละ !”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวม่านก็ยิ้มหวานแบบเว่อร์ๆออกมาอีกครั้ง
พอเห็นเสี่ยวม่านยิ้ม ผมก็พยักหน้าให้เธอแรงๆ
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ไม่อยากอธิบายกับเสี่ยวม่าน ว่าผมโดนเฮียไปอู่ฉางดึงวิญญาณออกมาจากร่าง
เธอคิดว่าผมเป็นลมงั้นก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ !
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงในใจผมก็ยังรู้สึกอบอุ่น
พอกลับมาในร้านแล้วผมก็เหล่ตามองไปทางห้องน้ํา
ดูเหมือนยังไม่มีใครไปเจอศพของทั้งสี่คน
ผมไม่ใช่พ่อพระ และไม่ได้เอะอะโวยวายเรื่องเก็บศพผมไม่อยากยุ่งด้วย ปล่อยให้คนอื่นมาเจอพวกเขาก็แล้วกัน !
ดังนั้นหลังกวาดตามองรอบหนึ่งแล้วผมก็ตามเสี่ยวม่านกลับเข้าไปข้างใน
เสี่ยวม่านไม่มีอารมณ์ดื่มต่อแล้วเธอบอกผมให้ไปส่งเธอที่บ้าน
ผมไม่ลังเล ตอบรับ “อ๋อ” ทันทีจากนั้นก็พาเสี่ยวม่านออกไปจากบาร์แห่งนี้
ต่อจากนั้นผมก็ขับรถออกมาส่งยังหมู่บ้านที่เสี่ยวม่านพักอยู่ พอพวกเรามาถึงทางเข้าหมู่บ้าน
ก็เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว
เสี่ยวม่านมองไปที่ทางเข้า จากนั้นก็หันมามองผม แววตาดูแปลกๆ
ผมเห็นเสียวม่านยังไม่เปิดประตูลงจากรถ เลยพูดกับเธอว่า “เสียวม่านมีอะไรหรือเปล่า ?”
พอเสี่ยวม่านได้ยินผมถามแบบนั้น ก็ดูเหมือนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอตอบกลับแบบลุกลี้ลุกลนหน่อยๆหรือจะเรียกว่าเลิ่กลั่กเลยก็ได้ “อ่อ ! ไม่ไม่มีอะไร”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวม่านก็เปิดประตูรถทําท่าเหมือนจะลงรถ
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสี่ยวม่านก็นั่งนิ่ง หันมามอง แล้วพูดกับผมด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ติง ซึ่งฝาน…….”
“หือ มีอะไรเหรอ ?” ผมมองเธออย่างเคร่งขรึม พอเห็นหน้าเธอแดงขนาดนั้น ก็คิดว่าคงเป็นเพราะเธอดื่มมา
เสี่ยวม่านกระพริบตาพักหนึ่ง ท่าทางเหมือนจะประหม่ามาก “เอ่อคือ เอ่อคือนายคอแห้งไหมอยากไปดื่มน้ําที่บ้านฉันไหม ฉัน ฉันอยู่บ้านคนเดียว !”
พอพูดถึงตรงนี้ หน้าเสี่ยวม่านก็แดงไปจนถึงโคนหูหัวแทบจะซุกเข้าไปในหน้าอก
ตอนนี้ผมยังเด็ก และหัวทึบ เลยไม่เข้าใจที่เธอพูด
พอได้ยินเสี่ยวม่านถามผมว่าอยากไปดื่มน้ําไหม ผมก็หัวเราะฮ่าๆแล้วพูดกับเสี่ยวม่านว่า “อ่อ ! ไม่เป็นไรฉันไม่อยากดื่มน้ําเลยสักนิด”
หลังจากพูดจบ ผมยังยิ้มให้เสี่ยวม่าน
แต่เสี่ยวม่านกลับหันมาเร็วมาก และเธอก็เห็นผมกําลังยิ้มให้เธออยู่พอดี
เสี่ยวม่านที่เคยอ่อนโยน ชักสีหน้า ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที
ผมเห็นสีหน้าเสี่ยวม่านเปลี่ยนไปไวถึงขนาดนั้น เลยเริ่มมันนิดหน่อยเดิมที่ยังคิดจะถามว่าเธอเป็นอะไรไป
ผลลัพธ์เสี่ยวม่านกลับคว้ากระเป๋าตัวเอง แล้วลงจากรถไปทันที
“ปัง” เสียงปิดประตูรถท้ายที่สุดยังทิ้งคําพูดที่ไร้เหตุผลเอาไว้ “ปัญญาอ่อน !”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวม่านก็ไม่หันกลับมามองอีก “ต๊อกๆๆ” รองเท้าส้นสูงก้าวเข้าไปในหมู่บ้านทันที
ทิ้งไว้เพียงผมที่นั่งโง่อยู่ในรถมองแผ่นหลังเสี่ยวม่านที่กําลังเดินจากไป
นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ทําไมจู่ๆก็เปลี่ยนไปละ ?