ตอนที่ 451 ตรวจสอบ
คุณโจวมองพวกเราด้วยสายตาคาดหวัง อยากได้ยินคําตอบจากพวกเราเร็วๆ
ผมสูดหายใจเข้า จากนั้นก็พูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์ นี่มันใช่วิญญาณปีศาจออกมาทําชั่วเหรอ ?”
อาจารย์ขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบคําถามผม เพียงโบกมือให้ผมเท่านั้น
จากนั้นก็พูดกับคุณโจวอีกครั้ง “ คุณโจว คุณบอกว่าสามีของคุณเปลี่ยนไป หลังจากเริ่มทํางานใหม่
ถ้างั้นคุณเคยไปที่ทํางานของสามีบ้างไหม ? ”
เมื่อคุณโจวได้ยินอาจารย์ผมพูดแบบนั้น ก็ส่ายหน้าทันที “ ไม่ค่ะ ไม่เคยไป ฉันยุ่งอยู่กับงานบ้านทุกวัน
ไม่มีเวลาไปเลยสักครั้ง สามีของฉันบอกว่า ที่ทํางานของเขาอยู่ที่โกดังขนส่งสินค้าในแถบชานเมือง
เขาเป็นหัวหน้าคมโกดัง เพราะเวลาขนส่งสินค้าไม่แน่นอน ดังนั้นเวลาทํางานของเขาเลยไม่แน่นอนเช่นกันค่ะ
“มีอะไรเหรอคะ ? ท่านนักพรตติง หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับที่ทํางานของเขาเหรอคะ ?” คุณโจวพูดด้วยความสงสัย
อาจารย์กลับส่ายหน้า “เอ่อมันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว แค่ถามดูเฉยๆก็เท่านั้น ! แต่คุณโจว เรื่องของคุณค่อนข้างจัดการยากหน่อย เราต้องไปดูสถานการณ์ที่บ้านคุณด้วยตัวเองก่อน”
“ได้ค่ะ ท่านนักพรตติง ถ้าคุณยอมช่วยพวกเรา แบบนั้นก็จะเยี่ยมไปเลยละค่ะ ตอนนี้ครอบครัวของเรา
ต้องพึ่งพาสามีของฉันคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไปหรือได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวค่ะ……”
พอพูดถึงตรงนี้ คุณโจวก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า คุณโจวรักสามีของเธอมากจริงๆ
ในบ้านต้องดูแลคนแก่สองคน เด็กอีกสองคน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีเงินเก็บ
ในแต่ละวันต้องทําและคิดทุกอย่างอย่างรอบคอบ หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ ในแต่ละเดือนไม่มีโอกาสได้กินเนื้อกันเลยสักครั้งด้วยซ้ํา
คุณโจวยังทนและผ่านมันมาได้ เธอยังคงยืนเคียงข้างสามี ใช้กําลังทั้งหมดปกป้องครอบครัวนี้ของเธอ
คุณโจวไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่สวยเว่อร์ แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด รูปร่างยังดูสง่ามีราศี แถมยังเพิ่งอายุ 30 เท่านั้น
คนประเภทเธอ ถ้าเอาไปโพสหาคู่ในเน็ต หาสามีที่มีฐานะธรรมดาคนหนึ่ง ย่อมไม่มีปัญหา อย่างแน่นอน
ผมหยิบทิชชูขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นให้คุณโจว “ คุณโจว ไม่ต้องร้องครับ ในเมื่อคุณมาหาเราสองครูศิษย์แล้ว
เราก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้คุณอย่างแน่นอน ถ้าสามีของคุณโดนของไม่ดีเข้าสิง พวกเราก็ต้องช่วยคุณแก้ปัญหาแน่ๆ”
คุณโจวรับกระดาษทิชชูไว้ เธอเช็ดน้ําตาของตัวเอง “ขอบ ขอบคุณพวกคุณมาก แต่ แต่ไม่รู้ว่าพวกท่านนักพรตจะคิดค่าตอบแทนยังไง !”
อาจารย์ยิ้ม ทําท่าทางเหมือนเทพเจ้า “ ข้าใช้ชีวิตเป็นผู้พิทักษ์ ไม่ได้ทําเพื่อเงิน ไม่ได้หลงไหลทางโลก
สามร้อยห้าร้อยก็ได้แล้ว แต่เรื่องนี้ไม่สําคัญ เราไปดูบ้านของคุณก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ ! ”
พอคุณโจวได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น และยังเห็นอาจารย์ผมทําท่าทางเหมือนเทพเซียนองค์
หนึ่ง
เลยรู้สึกเหมือนได้มาเจอบุคคลที่สูงส่งตัวจริง
หมอดที่เธอเคยไปดูดวงในสมัยก่อน ยังไม่ทันแสดงฝีมือ ก็จะเอาเงินจากเธอ 200 หยวนแล้ว
แต่อาจารย์ผม กลับไม่สนใจเรื่องเงิน ทําให้เธอรู้สึกปลอดภัย สามารถวางใจได้
คุณโจวพยักหน้ารัวๆทันที “ค่ะค่ะ ! ขอบคุณท่านนักพรต ขอบคุณท่านนักพรตมากค่ะ !”
อาจารย์ยิ้มอ่อน ส่งสัญญาณให้ผมไปเก็บข้าวของ อีกเดี๋ยวจะไปบ้านคุณโจว
ผมเองก็ไม่ลีลา ช่วยคนเหมือนช่วยดับเพลิง รีบไปเก็บอาวุธและข้าวของต่างๆทันที
ต่อจากนั้น พวกเราก็ปิดร้าน แล้วขึ้นรถผม
ผมขับรถไปบ้านเธอ ตามทางที่คุณโจวบอก
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมง พวกเราก็มาถึงหมู่บ้านที่คุณโจวอยู่
ที่นี่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง รอบๆเต็มไปด้วยโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านคมนาคม สภาพแวดล้อมการศึกษา หรือการรักษาพยาบาล ก็อยู่ในระดับแย่สุดทั้งนั้น
บ้านของคุณโจวอยู่ในอาคารเก่าหลังหนึ่ง มันเป็นตึกสูงห้าชั้นที่ไม่มีลิฟต์อํานวยความสะดวก
พวกเราเดินตามคุณโจวขึ้นไปบนตึก ผ่านไปไม่นานเราก็มาถึงหน้าประตูบ้านเธอ
เพิ่งเปิดประตูออก เสียงไร้เดียงสาสองเสียงก็ดังขึ้น “แม่ !”
เมื่อกวาดตามอง เราก็เห็นเด็กน้อยอายุประมาณสามสี่ขวบ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
เมื่อคุณโจวเห็นเด็กสองคนนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความรัก เธอย่อตัวลงพื้นแล้วโอบกอดเด็ก ทั้งสองคนทันที “แม่ไม่อยู่ พวกลูกสองคนเป็นเด็กดีหรือเปล่า ?”
เด็กผู้ชายทําหน้าจริงจัง “เป็นเด็กดีครับ หลังคุณยายหลิวบ้านข้างๆพาเรากลับบ้านแล้ว ผมกับน้องก็ดูแลคุณยายกับคุณตาอยู่ในบ้านครับ”
ขณะเสียงพูดดังขึ้น ผมก็เห็นบนโซฟา มีคนแก่ทําหน้าอมทุกข์นั่งอยู่คนหนึ่ง
เขาน่าจะเป็นพ่อสมองเสื่อมคนนั้น จากนั้นในบ้านก็มีเสียงอีกคนดังขึ้น “เสี่ยวโจวกลับมาแล้วเหรอ ?
“อ่า ! หนูเองแม่” คุณโจวตอบกลับ จากนั้นก็ปล่อยมือจากเด็กๆ
แล้วพูดกับพวกเขาว่า “นี่คือคุณลุงติงกับคุณปู่ตั้ง พวกเขาเป็นแขกของบ้านเรานะจ๊ะ”
เด็กทั้งสองคนน่ารักมาก และไม่ดื้อเลยสักนิด
ขณะมองผมกับอาจารย์ ดวงตาก็โตขึ้น พร้อมกันนั้นเสียงตะโกนของเด็กน้อยก็ดังขึ้น “คุณลุงกับคุณปู่”
ผมลบหัวพวกเขา จากนั้นก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมอาจารย์
และคุณโจวก็ให้พวกเรานั่งรอก่อน ส่วนตัวเธอก็ไปจัดการงานในบ้านตามเคย
พวกเราเองก็มองสถานการณ์ในบ้านคุณโจวพอสมควร เด็กน้อยสองคน พ่อสมองเสื่อม แม่อัมพาต
ดังนั้น พวกเราเลยไม่ได้ไปกวนคุณโจว และมองสารวจภายในบ้านแทน
ห้องนั่งเล่นสองห้อง ใบบ้านรกมาก แสงที่ส่องผ่านเข้ามาก็ไม่ดีเท่าไหร่
แต่นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งที่เราสนใจเป็นพิเศษคือ ในบ้านนี้มีไอปีศาจอยู่หรือเปล่า
เพราะไอพวกนี้ สามารถทําให้พวกเราตัดสินได้ว่า ในบ้านหลังนี้มีของไม่พึงประสงค์อยู่หรือเปล่า
แต่หลังจากผมและอาจารย์กวาดตามองรอบๆบ้านหลังนี้แล้ว เรากลับสัมผัสไม่ได้เลยว่าในบ้านหลังนี้มีพลังที่ไม่ใช่ของมนุษย์อยู่
แต่ เมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ํา ผมกลับพบว่ามีดโกนมีขนสีเหลืองติดอยู่
ผมเอามาใส่ไว้ในมือ มองมันพักหนึ่ง รู้สึกว่าขนพวกนี้เหมือนกับที่คุณโจวพูดไว้พอสมควร
ดังนั้นผมเลยเอาเจ้าพวกนี้ไปให้อาจารย์ดู “อาจารย์ ดูนี่ซิ เหมือนกับที่คุณโจวพูดเลยนะ !”
อาจารย์ขมวดคิ้ว เอามาใส่ไว้ในมือ แล้วมองอยู่พักหนึ่ง
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้เสียงอาจารย์พูดว่า “เอ๊ะ เจ้าขนนี่ ทําไม ทําไมมันถึงเหมือนขนหนูขนาดนี้นะ ?”
“หนู” ผมพูดด้วยความตกใจ
“น่าจะไม่ผิด ตอนอาจารย์ทํางานโกนผมให้พระอยู่บนเขา ถึงจะเป็นคนโกนผมพระแล้ว แต่ก็ยังไม่ปฏิบัติตามกฏอยู่บ้าง บางครั้งอาจารย์ก็จะไปจับพวกหนูมาทํากับข้าว นี่เป็นขนของหนู น่าจะใช่นะ” อาจารย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมกลับสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผม ผมเจอขนนจากที่โกนหนวดในห้องน้ํา บางทีมันคงเป็นของคุณหวง”
อาจารย์พยักหน้า “ เสี่ยวฝาน มันอาจเป็นเหมือนที่แกพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ วิญญาณปีศาจออกมาทําชั่ว
ในร่างของคุณหวง อาจมีวิญญาณหนูที่บรรลุแล้ว แต่ก็ตายไปแล้วสิ่งอยู่”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็อดเผยท่าทางเคร่งเครียดออกมาเล็กน้อยไม่ได้
เพราะก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าควรรับมือหรือจัดการยังไง
ผมพูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์ ถ้างั้นเราควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ?”
“อาจารย์ก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ดูต่อไปก่อน พอมั่นใจแล้วค่อยว่ากันอีกที ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เดี๋ยวอาจารย์จะโทรไปหาเหล่าติ ดูว่าเขามีวิธีอะไรบ้างไหม” อาจารย์พูด
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็พยักหน้าเบาๆ ท่านนักพรตตู้เดินทางมาทั้งชีวิต ได้พบเห็นอะไรมาไม่น้อย
ถึงจะเป็นอาจารย์ ก็ยังมีประสบการณ์ไม่เท่าท่านนักพรตต์
สิ่งที่พวกเราต้องทําในตอนนี้ ก็คือสรุปสถานการณ์ให้แน่ชัด
มีเพียงทางนี้เท่านั้น ถึงจะกําหนดการกระทําในขั้นต่อไปได้
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสียงร้องกรี๊ด ก็ดังมาจากในห้อง “อร้าย ! ปี ปีศาจ……”