ตอนที่ 456 การแสดง
ผมกับอาจารย์ซ่อนตัวอยู่ข้างๆ หลังได้ยินปีศาจสองตนนี้คุยกันแล้ว ใจเราก็อดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ถูก”
ดีจริงๆ นี่มันสําานักสื่อเย่เฉินบ้าบออะไร มันยังเป็นสํานักธรรมดาอยู่ที่ไหน
คนบ้าอะไรปล่อยให้คนในสํานักกลายเป็นปีศาจ กลายร่างเป็นปีศาจนี่มันยังไงกันแน่
เหมือนตอนที่เจ้าจางจีเทามีกายเนื้อไม่มีผิด เดิมทีเป็นมนุษย์ กลับยอมละทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ทําให้ตัวเองกลายเป็นตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งสัตว์
แต่จากคําพูดของอีกฝ่าย ผมพบว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายเหมือนของเจ้าจางจีเทา ต่างเป็นเพราะป่วย
และยังเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ หลังจากนั้นเพราะสาเหตุบางอย่าง ทําให้พวกเขาได้ติดต่อกับองค์กรชั่ว
องค์กรชั่วร้ายพวกนี้ก็ใช้จุดอ่อนของคนพวกนี้ ทําให้พวกเขาต้องเข้ากับองค์กรชั่ว กลายเป็นหุ่นเชิดใต้กํามือ
ต่อจากนั้นก็ถ่ายทอดวิชามารให้พวกเขา ทําให้พวกเขากลายเป็นปีศาจ เป็นสาวกของสํานักลื่อเย่เฉิน
และเมื่อกี้ชายคนนั้นก็พูดแล้ว ถ้ากลายร่างเป็นปีศาจสําเร็จแล้ว จะสามารถควบคุมตัวเองได้ดั่งใจ
แต่สุดท้ายก็ต้องกินยาตามกําหนด
แบบนี้ คนพวกนั้นก็จะตกอยู่ในกํามือสํานักชั่วนั่นอย่างสมบูรณ์ จากศรัทธากลายเป็นทาสรับใช้
แต่กฎสวรรค์ไม่อาจเปลี่ยน แต่ละคนย่อมมีอายุขัยของตัวเอง
ความทุกข์บนโลกมนุษย์ก็คือมีทุกข์มีสุขมีอยู่ก็ต้องมีวันจากลา เกิดแก่เจ็บตาย
ทุกคนต้องเผชิญทั้งนั้น แต่หากฝืนคิดจะทําลายกฎนี้ ใช้วิชามารยืดชีวิตตัวเอง
และทําร้ายคนอื่นแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ในความเชื่อของผมความทุกข์ในชีวิตนี้ เป็นเพราะเวรกรรมจากชาติที่แล้ว
ขอแค่มีจิตใจที่ดีงาม ถึงจะอายุสั้นหน่อย แต่ขอแค่สะสมบุญบารมีทําความดีแล้ว สร้างกรรมดเอาไว้
หลังจากโลกไปแล้วก็จะได้รับการตอบแทนที่ดี
อย่างปีศาจพวกนี้พวกมันได้ละเมิดกฎแล้ว
ทําตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจ ทําร้ายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป
เป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่แหกกฏโดยสิ้นเชิง
เพราะพวกเราโดนเรียกว่านักพรตเต๋ คนปราบภูติผี เป็นผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลความสงบบนโลกมนุษย์
ผมค่อยๆขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดกับอาจารย์ที่อยู่ข้างๆว่า “อาจารย์ พวกเราเริ่มลงมือกันเถอะ !”
หลังฟังผมพูดจบ อาจารย์ก็พยักหน้ารับ
ตอนนี้รอบๆไม่มีคนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงมือ
ต่อจากนั้น ผมและอาจารย์ก็แยกกันไปทางซ้ายและขวา เริ่มเข้าใกล้ปีศาจสองตัวนั้น
พวกมันทําหน้าสบายใจ และไม่มีพลังอะไรไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กําลังเข้ามาใกล้
เลย
ตอนอยู่ห่างจากปีศาจทั้งสองตนไม่มากแล้ว ผมก็เดินออกมาจากที่ซ่อนตรงๆ
ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังทําหน้ายิ้มดีใจท่าทางสบายๆ เข้ามาใกล้พวกชั่วสองตัวอย่างเปิดเผย
ที่ผมทําแบบนี้ ไม่ใช่เพราะรนหาที่ตาย แต่เป็นแผนที่วางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
คนที่ทํางานอยู่ที่นี้คงมีหลายสิบคน และหากดูจากภายนอก พวกเขาก็เหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง
ผมสามารถใช้จุดนี้ แกล้งปลอมตัวเป็นพวกเดียวกันกับพวกมัน
ภายในระยะเวลาสั้นๆ สามารถหลอกให้อีกฝ่ายสับสนหรือแม้แต่ดึงดูดความสนใจจากอีกฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์ก็จะสามารถเข้าไปใกล้จากทางด้านหลังได้เงียบๆ และหาโอกาสลงมือได้
นี้ก็คือแผนของผมกับอาจารย์ตอนนี้ผมเดินออกมาแล้ว และยังเริ่มทักทายยานสองคนนั้นก่อน
“ฮ่าๆๆ สวัสดีพี่ชายทั้งสอง”
ผมทําตัวไร้เดียงสาในมือยังถือซองบุหรี่อีกหนึ่งซอง ทําท่าเตรียมจะยื่นมันให้พวกเขา
ปีศาจทั้งสองตนก็เห็นผมตั้งแต่วินาทีแรกเช่นกันทั้งสองคนอดหันมามองหน้ากันไม่ได้
จากนั้นผมก็เห็นคนที่กลายเป็นปีศาจครึ่งตัวพูดกับผมว่า “ แกเป็นใคร ? เมื่อก่อนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
แล้วก็ ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ แกไม่รู้หรือไง ?”
ผมโดนอีกฝ่ายดุในเวลาเดียวทั้งสองคนก็ทําท่าระวังผม
แต่ผมกลับยังทําหน้ายิ้มไม่เปลี่ยน และทําท่าทางไม่มีผิดภัยเหมือนเดิม “พี่ชายทั้งสอง เอ่อ คือผมเพิ่งเข้ามาใหม่ ขนของด้านนอกเสร็จแล้ว แต่ดันเดินหลงมาถึงที่นี่ พอเห็นพี่ชายทั้งสองดูฉลาดและทรงพลัง ก็เลยอยากเข้ามาทําความรู้จัก ต่อไปต้องฝากพี่ชายทั้งสองช่วยดูแลด้วยนะครับ”
ปีศาจทั้งสองตนก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาไม่ได้โดนหลอกเพราะคําพูดไม่กี่ประโยคของผม
สําหรับผม พวกเขายังทําท่าทีระวังต่อไป
โดยเฉพาะคนที่กลายร่างเป็นปีศาจแล้วเขาเอาอุ้งมือออกมา เผยให้เห็นเล็บที่แผลมคม หากผมทําอะไรตุกติก ก็อาจโดนอีกฝ่ายโจมตีทันที
ไม่ใช่แค่นั้น ปีศาจอีกตนหนึ่งยังพูดกับผมว่า “มาใหม่ซินะ ? มาเมื่อไหร่ รหัสคืออะไร ?”
รหัส ? ผมจะไปรู้เรื่องรหัสบ้าบอนั่นได้ยังไง
แต่ผมก็ไม่ได้ลนลานเพราะผมพบว่าอาจารย์มาอยู่ข้างหลังทั้งสองคนแล้ว เขาห่างจากพวกนั้นไม่ถึงสามเมตร
ขอแค่ผมดึงดูดความสนใจจากพวกเขาต่อก้าวต่อไป ก็จะส่งพวกเขากลับบ้านเก่าได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ผมยังฉีกยิ้มมีความสุขต่อไป “ใช่ใช่ใช่ มาใหม่ครับ เอ่อ เอ่อรหัสคืออะไร……”
พอพูดถึงตรงนี้ จ่ๆท่าทีของผมก็เปลี่ยนไป มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชา “รหัสก็คือ พวกแกสองคนมันโง่จริงๆไงละ……”
พอค่าพูดนี้ดังขึ้น สีหน้าของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป เป็นใบหน้าโกรธจัดทันที
เจ้าคนที่มีร่างปีศาจครึ่งตัว พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา “กล้าด่าพวกเรางั้นเหรอ ? รอดูว่าฉันจะ……
ผลลัพธ์ยังไม่ทันพูดจบ อาจารย์ก็ได้เข้ามาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาราวกับภูติผี เขาฟาดหมัดไปที่คอของอีกฝ่ายทันที
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปัก” ปีศาจที่ดูเหมือนจะดุร้ายตนนั้น โดนอาจารย์ต่อยจนลงไปนอนสลบกับพื้นทันที
พอคนที่อยู่ข้างๆเห็นเพื่อนตัวเองล้มลงไปแล้ว ก็ทําท่าตกใจ อยากจะตะโกนส่งสัญญาณให้พวกพ้องทันที
แต่มันสายไปแล้ว ในวินาทีที่เขาอ้าปากจะตะโกน ผมก็เปิดใช้พลังทั้งหมด พุ่งเข้าไปหาเขาทันที
ไม่รอให้เจ้าหมอนั้นได้ทําอะไรทั้งสิ้น หลังจากกระโจนเข้าไปแล้ว ผมก็เตะอัดคางเจ้าหมอนั้นทันที
“ปัก” อีกนิดเดียวก็เกือบทําฟันเขาร่วงหมดปากแล้ว
และชายคนนั้นก็ล้มลงไปพร้อมกับปากที่เต็มไปด้วยเลือด
อาจารย์พลิกฝ่ามือ เข้าไปบีบคอเจ้าหมอนั้นต่อ
ปกติอาจารย์ดูเหมือนเซียนเฒ่าเป็นเพียงแค่คนแก่คนหนึ่ง
แต่พอได้สู้กับพวกภูติผีแล้วเขาก็ไม่เคยปราณีเลยสักนิด
หลังจากบีบคอเจ้าหมอนั้นแล้ว เขาก็เคลื่อนพลัง ต่อยไปที่ขมับของเจ้าปีศาจตนนี้อีกหนึ่งหมัด
ไม่รอให้เจ้าหมอนี่ได้ส่งเสียงเลยสักแอะ เจ้าหมอนั้นก็ทรุดตัวนอนแนบกับพื้น เสียการควบคุมตัวเองไปทันที
ในเวลานี้พวกเรากําลังรีบจึงไม่สนความเป็นตายของเจ้าสองคนนั้น
เราหากุญแจเจอจากบนตัวปีศาจตนหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นําร่างของเจ้าสองคนนี้ไปซ่อนไว้ด้านข้าง
โดยมีอาจารย์เป็นคนเฝ้า ส่วนผมไปเปิดประตู
แต่หลังเปิดประตูบานนี้ออก ผมกลับพบว่าด้านในเป็นห้องขนาดใหญ่ และในนั้นยังมีโลงวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ทั้งหมด 23 โลง
ผมเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบเข้าไปเปิดโลงใบหนึ่งดูทันที
วินาทีที่เปิดฝาโลงออกผมพบว่าด้านในมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่
ชายคนนั้นเหมือนกับคนกําลังนอนหลับนอนอยู่ในโลงอย่างสงบ
แต่ตรงหัวของเขากลับมียันต์แปะอยู่แผ่นหนึ่ง
แม้จะไม่รู้ว่านี่คือยันต์อะไร แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว มันน่าจะเอาไว้ใช้สะกดชายคนนี้
ผมไม่ลังเล รีบดึงยันต์แผ่นนั้นออกทันที
ในขณะที่ผมถึงยันต์แผ่นนั้นออกชายที่นอนหลับสนิท ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ตอนลืมตามาเห็นผม เขาก็ทําหน้าหวาดกลัวหรือแม้แต่ยังร้องตะโกนออกมา
ผมเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ผมเอามือเข้าไปปิดปากเขาเอาไว้ทัน จากนั้นก็ทําท่าบอกให้เงียบๆ แล้วกดเสียงลงต่ํา “ผมมาช่วยคุณ ถ้าไม่อยากตายก็อย่าร้อง เข้าใจไหม ?”
ผมทําตาโต พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังผู้ชายที่โดนผมปิดปากเอาไว้ได้ยินอย่างงั้น ก็เผยสีหน้าตกใจ แต่ก็ยังพยักหน้าให้ผมรัวๆ
พอเห็นเขาพยักหน้าแล้ว ผมถึงได้ปล่อยมือ
ต่อจากนั้น ผมก็ประคองอีกฝ่ายออกมา เจ้าหมอนั้นก็เดินตามผม ทําท่าทางหวาดกลัว เดิมที่คิดจะเอ่ยปากถาม แต่กลับโดนผมห้ามเอาไว้
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูด ผมเองก็ไม่ได้มีเวลามาอธิบายเยอะขนาดนั้น
และหลังจากห้ามอีกฝ่ายแล้วผมก็รีบเดินไปที่โลงอีกโลงหนึ่ง……