ศพ – ตอนที่ 465 ความปรารถนาสุดท้าย

ตอนที่ 465 ความปรารถนาสุดท้าย

คุณหวงตะโกนออกมา เพราะวู่วามเกินไป เขาเลยเริ่มไอออกมาอีกครั้ง

“แค่กๆๆ”

เรื่องที่เขาเจอมันแย่มาก แต่สิ่งที่เขาทํา มันก็ผิดจริงๆนั่นแหละ

แต่ตอนนี้เขา ไม่ยอมรับว่าตัวเองทําผิด แถมยังคิดว่าเป็นเพราะฟ้าไม่ยุติธรรมกับเขา

แต่ในสายตาของพวกเรา การทําให้ตัวเองตกต่ํา และจ่ายด้วยการทําร้ายชีวิตคนอื่น เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นไม่ใช่คนและปีศาจ วิธีการแบบนี้ไม่มีทางถูกต้อง

บางที่ชะตาชีวิตอาจจะล่าบากสักหน่อย แต่ก็ไม่ควรทําให้ตัวเองตกต่ํา เข้าร่วมกับสํานักชั่วกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด หรือแม้แต่ฆ่าคนอื่น พรากชีวิตของผู้อื่น

สําหรับผู้ที่โดนทําร้าย การทําแบบนี้ ก็ไม่เท่ากับต้องโดนทรมานรูปแบบหนึ่งเหรอ

หลังคุณหวงไอมาได้พักใหญ่ เขาก็เริ่มพูดกับพวกเราอีกครั้ง “ท่าน ท่านนักพรตทั้งสอง ผม ผมกําลังจะตายแล้ว ผมรู้ รู้ว่าตัวเองอาจเป็นคนเลวคนหนึ่ง แต่ แต่ก่อนตาย ผมขอ ผมของร้องพวกคุณสักเรื่องได้ไหม ?”

“พูดมาซิ !” ผมตอบกลับเบาๆ

“พา พาผมกลับบ้าน ผมอยาก ผมอยากดูหน้าครอบครัวเป็น เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าได้ ผม ผมจะบอก บอกความ ความลับของสํานักสื่อเย่เฉิน ให้พวกคุณฟัง……”

ขณะพูดเจ้าหมอนี่ก็เริ่มไอ และยังไอเป็นเลือดไม่หยุด

พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็หันไปมองหน้าอาจารย์

อาจารย์ขมวดคิ้ว หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็พยักหน้าตกลง

พอเห็นอาจารย์พยักหน้า ผมก็พูดกับเขาว่า “ได้ ! เราจะพาคุณกลับบ้าน”

หลังจากพูดจบ ผมก็ย่อตัวลง อุ้มตัวคุณหวงขึ้นมา แล้วรีบวิ่งไปที่รถทันที

แต่วินาทีที่ผมยกตัวคุณหวงขึ้น และกําลังจะออกไป กลับเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น

ศพสาวกสํานักชั่วที่นอนตายอยู่บนพื้นเหล่านั้น

ในเวลานี้กําลังเน่าอย่างรวดเร็ว ผิวของพวกเขา มีหนอนชอนไชออกมาเร็วมาก

“ทําไมถึงเน่าแล้วละ ?” ผมทําหน้าตกใจ

นี่เพิ่งผ่านไปกี่นาทีเอง ยังไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ําตั้ง ? ถึงจะโยนลงไปในหลุม ก็ยังไม่เน่าเร็วขนาดนี้เลย

อาจารย์เองก็ขมวดคิ้ว “ไม่ต้องสนอะไรมากมาย ศพพวกนี้เป็นศพปีศาจ ไม่เหมือนปกติอยู่แล้ว……”

พอได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น ผมก็กวาดตาสองสามรอบ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก รีบวิ่งไปทางที่รถจอดอยู่ทันที

หลังขึ้นมาบนรถแล้ว อาจารย์ก็คอยประคองคุณหวงอยู่ข้างหลัง ส่วนมู่หลงเหยียนนั่งอยู่ข้างคนขับ

แต่ดูจากท่าทางของมู่หลงเหยียน เธอดูแปลกใจกับรถตู้ของผมมาก เธอมองไปรอบๆ บางที อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยนั่งรถยนต์มาก่อน

ที่นี่ห่างจากบ้านคุณหวงไม่ไกล ดังนั้นหลังผ่านไปไม่นาน พวกเราก็กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านอีกครั้ง

จากนั้นผมก็เป็นคนแบกคุณหวง ขึ้นไปบนตึกชั้นห้า

ในเวลานี้คุณโจวนอนหลับเรียบร้อยแล้ว เราเลยต้องเคาะประตูอยู่พักหนึ่งเธอถึงเดินออกมาเปิดประตู

แต่ในขณะที่ประตูถูกเปิดออก คุณโจวก็เห็นคุณหวง

ท่าทางง่วงเหงาหาวนอนของเธอ ก็เปลี่ยนเป็นมีสติขึ้นมาทันที “คะ คุณคะ คุณเป็นอะไรไป…..”

ขณะพูด ผมก็พาคุณหวงเข้าไปในบ้าน วางเขาลงบนโซฟา

คุณโจวเห็นคุณหวงหายใจรวยริน ปากเต็มไปด้วยเลือด เธอเลยร้องไห้โฮในทันที

แต่คุณหวงกลับพยายามเอื้อมมือ ลูบหน้าของคุณโจว “เมีย เมียจํา ชาตินี้ ชาตินี้ฉันต้องขอ ขอโทษเธอ”

คุณหวงพูดได้เศร้าสร้อยมาก แต่คุณโจวกลับร้องไห้ ส่ายหัว และจับมือของคุณหวง “ไม่ ไม่ คุณเป็นอะไรไป ? เมื่อ เมื่อตอนกลางวัน ยังดีๆอยู่เลย……”

“เลิก เลิกงานแล้วไม่ระวัง โดน โดนรถชนเข้า โชค โชคดีได้เจอกับท่าน ท่านนักพรตทั้งสอง” คุณหวงใกล้จะหมดลมแล้ว เขาเหลือบมองผมกับอาจารย์ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้พวกเราบอกความจริงกับคุณโจว

“งั้น งั้นฉันจะพาคุณไปหาหมอ” คุณโจวพูดอย่างร้อนรน

คณหวงกลับส่ายหัว “ไม่ ไม่ต้อง ฉัน ฉันจะไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ บอกว่า ฉันรักเธอมาก ชาติ ชาตินี้ได้มีลูกกับเธอสองคน ฉันพอใจมากแล้ว แต่น่าเสียดาย ที่ฉันกําลังจะตายแล้ว”

“ไม่ ไม่คุณต้องไม่ตาย ไม่……” คุณโจวรับไม่ไหว

แต่คุณหวงกลับลูบหน้าคุณโจวแล้วพูดว่า “ไปเรียกลูกออกมา ให้ฉันเห็นหน้าพวกเขาหน่อย……”

หลังจากพูดจบ คุณหวงก็เริ่มไออีกครั้ง

พอคุณโจวได้ยินแบบนั้น ก็รีบพยักหน้า แล้วไปปลุกลูกทันที

คุณโจวเพิ่งไป คุณหวงก็กลั้นหายใจ แล้วพูดกับผมและอาจารย์ว่า “ผมรับปากพวกคุณเอาไว้ว่าจะบอกความลับเรื่องหนึ่งกับพวกคุณ”

ผมและอาจารย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองคุณหวงเท่านั้น

คุณหวงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ “สํานักเฉินของ ของพวกเรา อยาก อยากทําให้คนบนโลก กลายเป็นแบบผม ครึ่ง ครึ่งคนครึ่งปีศาจ”

“ถึงผมจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ และยอมเปลี่ยนเป็นแบบนี้ แต่ผมไม่อยาก ไม่อยากให้ลูกๆและเมียต้องเปลี่ยนเป็นสภาพบ้าๆแบบนี้ ถ้า ถ้าเป็นไปได้ พวกคุณช่วยหยุดสํานักเฉินด้วย….”

พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมและอาจารย์ก็อดสูดหายใจเข้าไม่ได้

มู่หลงเหยียนยังขมวดคิ้ว เจ้าสํานักชั่วนโรคจิตเกินไปแล้วมั้ง

จะทําให้คนบนโลกกลายเป็นไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจทั้งหมด ความคิดแบบนี้ก็น่าสยอง และน่ากลัวไปนะ

ระหว่างคิด คุณโจวก็พาลูกทั้งสองคนมาที่ห้องรับแขก

เด็กทั้งสองคนนี้เป็นเด็กดีมาก พวกเขาเองก็รักคุณหวงมาก เพียงแต่ตอนเห็นมือปีศาจของคุณหวง พวกเราก็ทําท่าทางแปลกใจหน่อยๆ

และยังถามคุณหวงว่า ทําไมมือของเขาถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้

คุณหวงกลับคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน บอกว่าเขาใส่ถุงมือหนัง และยังบอกว่าตัวเองต้องเดินทางไปที่ที่ไกลมากๆ บอกให้ต่อไปเด็กๆต้องเชื่อฟังแม่ อย่าซน โตแล้วต้องเป็นคนดีอะไรพวกนั้น

เด็กทั้งสองคนเพิ่งสามขวบกว่า อยู่ระดับอนุบาลเท่านั้น

อาจยังไม่เข้าใจว่าตายคืออะไร พวกเขาเลยไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่

ตอนนี้คิดว่าพ่อตัวเองเหนื่อยมาก เลยตั้งใจฟังค่าพูดของเขา

คุณโจวร้องไห้ตั้งนานแล้ว เธอพูดกับคุณหวงตลอดเวลา

สถานการณ์พรากจากกันเช่นนี้ ผมเห็นแล้วรู้สึกกดดันมาก

ไม่ว่าจะพูดยังไง เหตุการณ์ในตอนนี้ ก็มีสาเหตุหลักมาจากผมกับอาจารย์

แต่ ในฐานะคนปราบภูติผี พวกเราจะไม่ลงมือท่าก็ไม่ได้

ผมรู้สึกสับสนมาก ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย พวกเรายึดมั่นหลักการของตัวเอง

กําจัดภูติผีที่ชั่วร้าย หยุดไม่ให้พวกเขาไปก่อกรรมทําชั่วอีก ในจุดนี้ พวกเราไม่ได้เป็นคนผิด

แต่ถ้าหากคิดอีกแบบ สิ่งที่พวกเราทําไปทั้งหมด กลับทําร้ายครอบครัวอื่นทางอ้อม

ทําให้คุณโจวไม่มีสามี ลูกไร้พ่อ อย่างน้อยพวกเขา ก็เป็นผู้บริสุทธิ์

ดังนั้น ผมเลยรู้สึกสับสนมาก หรือแม้แต่คิดวนอยู่แบบนั้น

ส่วนชีวิตของคุณหวงก็เดินมาจนสุดทางแล้ว หลังไอออกมาแรงๆพักหนึ่ง

เขาก็จับมือของลูกเมียไว้ แล้วจากโลกไปอย่างไม่เต็มใจ

คุณโจวร้องไห้โฮในทันที เธอถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับผมและอาจารย์ไม่หยุด

พวกเราเองก็ยกคําพูดของคุณหวงเป็นหลัก ได้แต่สร้างเรื่องโกหกต่อเท่านั้น

บอกว่าตอนขับรถกลับมามีอุบัติเหตุรถชนกัน และคุณหวงก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว และโทรศัพท์ก็หายไปด้วย

ส่วนคุณโจวกลับบอกว่าจะแจ้งตํารวจ ให้มาจับคนผิด

ผลลัพธ์เสียงของเธอเพิ่งเงียบลง เธอกลับพบว่าศพของสามีเธอ เริ่มเน่า และมีหนอนชอนไชออกมา……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset