ตอนที่ 474 แผนการตัดหัว
เพราะระยะทางไม่ค่อยไกล ดังนั้นหลังจากผ่านไปไม่นานพวกเราก็เข้ามาใกล้ตัวบ้านพักและโกดังเก็บสินค้าพวกนั้น
ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ ใจผมก็ยิ่งสั่นเท่านั้น
ผมมีความรู้สึกแบบนั้น มันเครียดกว่าตอนมาที่นี่ครั้งที่แล้วซะอีก
ตอนนี้พระอาทิตย์กําลังตกดินแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ
แต่พวกเรากลับไม่รีบเข้าไป เพียงแอบเดินไปตามไหล่เขาอย่างระมัดระวัง และสํารวจสถานการณ์ภายในสาขาของสานักสื่อเย่แห่งนี้อย่างละเอียด
เนื่องจากรู้เขารู้เราถึงจะรบร้อยชนะร้อย ก่อนที่จะรู้สถานการณ์ภายในอย่างชัดเจน พวกเราจะไม่ลงมืออย่างนุ่มบ่าม
ในเวลานี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน กําแพงรอบนอกถูกทําให้สูงขึ้น หรือแม้แต่เพิ่มลวดหนามเข้าไปด้วย
แต่ถ้ามองจากข้างนอก ที่นี่ยังเหมือนกับบริษัทโลจิสติกส์ทั่วไป
และคนงานด้านในก็ใส่ยูนิฟอร์มเดียวกัน พวกเขากําลังขนถ่ายสินค้ากันตามปกติ มองไม่เห็นความผิดปกติเลยสักนิด
แต่ ตอนเราเปิดตาสวรรค์แล้ว สถานการณ์พวกนั้นอาจเปลี่ยนไปบ้าง
เพราะท้องฟ้าค่อยๆมืดขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อการมองเห็นอย่างมาก
ทุกคนทยอยเปิดตาที่ละคน ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ในบ้านสองสามหลังนี้ มีไอสีเหลืองอ่อนลอยออกมาอย่างชัดเจน
ไอสีเหลืองพวกนี้ผมกับอาจารย์เคยเห็นแล้ว พวกมันลอยออกมาจากเตาหลอมยาขนาดยักษ์อันนั้น
นอกจากนี้ ในอากาศยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ
มนุษย์อย่างพวกเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะรู้ได้ แต่หูเหมย ปู่หูลิ่วและยายหูชีจิ้งจอกสามตัวนี้ กลับมีสัมผัสที่ไวมากต่อกลิ่นเลือด
ทุกคนมองหน้ากันพักหนึ่ง จากนั้นถึงได้ยินนักพรตเฉินแห่งสํานักเหมาชานพูดออกอย่างเย็นชา
“สถานที่แบบนี้ซ่อนได้ดีจริงๆ ถ้าไม่ได้เข้ามาใกล้ก็ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจริงๆ”
“อ๋อ ! ถ้าข้าเห็นไม่ผิด คนขนของพวกนั้น ไม่มีใครเป็นคนปกติสักคน” นักพรตหวังก็พูดเสริม
สําหรับเรื่องนี้ ผมรู้ดี เลยพูดขึ้นมาจากทางด้านข้าง “ท่านผู้อาวุโสหวังพูดถูก คนขนของพวกนั้นเป็นสาวกของสํานักชั่วนี้ทั้งหมด ภายนอกดูเหมือนคนปกติ แต่ที่จริงแล้วเจ้าพวกนี้เป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ หากเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกมันก็จะเปลี่ยนเป็นตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งปีศาจ”
นักพรตหวังและนักพรตเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มสารวจต่อ เราอยากหาจุดที่จะแอบเข้าไปในดีที่สุด
แต่ทันใดนั้นเอง คิ้วของผมและอาจารย์ก็ขมวดเข้าหากันอย่างแรง สายตาจับจ้องไปที่ชายชุดดำคนหนึ่ง
แม้มันจะอยู่ไกลมาก แต่พวกเราก็จําได้ตั้งแต่แวบแรก ชายชุดค่าคนนั้นก็คือคนที่อยู่ที่นี่เมื่อครั้งก่อน
เขาก็คือคนที่พวกสาวกเรียกว่า “ท่านหลิง”
มันชัดเจนมาก เจ้าหมอนี่ก็คือหัวโจกของฐานนี้ เป็นบอสของที่นี่
เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ คือถ้าจับเจ้าหมอนี่ได้ เราก็จะได้รู้ข้อมูลจํานวนมากเกี่ยวกับเจ้าสํานักสื่อเย่น
และยังมี “บ้านเหมียวหนานเหยียน” อะไรนั่นอีก เราจะต้องได้ร่องรอยอะไรบ้างแน่นอน
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็ไม่รอให้อาจารย์พูดออกมา ซึ่งพูดกับทุกคนทันที “ รีบดูเร็ว ชายชุดดำคนนั้น
เขาเป็นบอสของที่นี่ ถูกเรียกว่าท่านหลิง ”
เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็เผยสีหน้าหนักใจออกมา สายตาจับจ้องไปที่ตัวท่านหลิงคนนั้นทันที
ปู่หูลิ่วพูดเบาๆ “ จะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้ามันให้ได้ก่อน พวกเราคนน้อย ถ้าจับเจ้าหมอนี่ได้
พวกสมุนปีศาจที่อยู่ที่นี่ ก็ต้องเสียขวัญ พอเวลานั้นมาถึง เราก็จะจัดการเรื่องทุกอย่างได้ง่ายขึ้น”
“ท่านปู่หูลิ่วพูดถูก ตามหลักแล้วมันต้องเป็นแบบนั้น” ท่านนักพรตพูดเสริม เขาเห็นด้วย
ถึงคนอื่นจะไม่พูดออกมา แต่ก็พยักหน้าให้ แสดงความเห็นด้วยเช่นกัน
ชายชุดดําคนนั้นปรากฏตัวออกมาเพียงครู่เดียว ต่อจากนั้นเขาก็เข้าไปในโกดัง
ในขณะที่ทุกคนกําลังให้ความสําคัญกับสถานการณ์ดังกล่าว หยางเจ่วกลับมาอยู่ข้างผม แล้วพูดกับผมว่า “ติงฝาน คราวก่อนนายกับท่านผู้อาวุโสติงเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ?”
พอได้ยินหยางเฉวถามแบบนั้น ผมก็ชี้ไปที่กําแพงที่โดนเสริมขึ้นแล้วพูดว่า “ตรงนั้น แต่ตอนนี้ มันโดนเสริมให้สูงขึ้นแล้ว ถ้าคิดจะปีนข้ามไป คงจะยากหน่อย”
หยางเฉ่วกลับยิ้มอ่อน “แบบนี้ไม่ได้ยิ่งดีกว่าเดิมเหรอ ? แบบนี้ อีกเดี๋ยวพอสู้กันขึ้นมา เจ้าปีศาจพวกนั้นอยากหนี ก็ไม่ได้หนีได้ง่ายๆแล้ว”
พอเห็นหยางเฉ่วทําหน้ามั่นใจ ผมกลับลดเสียงลงต่ํา แล้วถามหยางเจ่วแบบสงสัยมากๆ “ใช่แล้วหยางเฉ่ว อาจารย์ลุงของเธอกับท่านผู้อาวุโสเฉิน มีพลังขนาดไหนเหรอ ? พวกเขาร้ายกาจขนาดไหนเหรอ ?”
“ถึงครั้งที่แล้วเจ้าคนชุดดํานั่นจะไม่ได้มาสู้กับฉันและอาจารย์ แต่เหมือนมันจะแข็งแกร่งมาก คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาก็ทรงพลังมาก ระดับพลังคงไม่ธรรมดา และพวกบอร์ดี้การ์ดที่คอยคุ้มกัน เขาก็มีหลายคนที่ร้ายกาจ”
พอหยางเฉ่วได้ยินผมพูดแบบนั้น กลับไม่ได้ตอบกลับผมตรงๆ เธอเพียงฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ไม่ต้องห่วง เชื่อใจอาจารย์ลุงของฉันกับท่านผู้อาวุโสเฉินได้เลย”
ผมเห็นหยางเฉ่วไม่ตอบ เลยไม่ไล่ถามต่อ
แต่ดูจากท่าทางของหยางเฉ่วแล้ว ระดับพลังของนักพรตหวังและนักพรตเฉิน คงดูน่าเชื่อถือมาก
หลังผ่านไปอีกพักหนึ่ง ทุกคนก็เข้าใจสภาพแวดล้อมของที่นี่ทั้งหมด และกําหนดเป้าหมายต่อไปได้แล้ว
นักพรตหวังและนักพรตเฉินบอกให้ทุกคนเข้ามาสุมหัว จากนั้นก็เริ่มบอกแผนต่อไปคืออะไร
แผนการง่ายมาก ยังคงเป็นการแอบเข้าไปโจมตี ตัดหัวตัวหัวโจก จากนั้นก็ทําลายทุกอย่างจนหมดสิ้น
ตามความหมายของท่านนักพรตทั้งสอง ขอแค่เป็นสาวกของสํานักชั่วนี้ ก็ไม่ต้องไว้ชีวิตสักคน
ผม เหล่าเฟิง หยางเฉ่ว จุ่ยเฉิงจึงล้วนเป็นผู้น้อย จึงไม่กล้าพูดขัดใดๆ
แต่หลังได้ยินแผนนี้แล้ว ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมการสังหารปีศาจแบบนี้ เมื่อก่อนทําแต่ล่าผี แต่คราวนี้ผมสามารถสู้กับปีศาจได้เยอะขนาดนี้ แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
แน่นอน ว่ามันยังอันตรายอยู่
แต่นักพรตหวังและนักพรตเฉิน กลับดูนิ่งมาก เหมือนตนเป็นฝ่ายกุมชัยชนะเอาไว้อย่างงั้น
บวกกับมีปู่หูลิ่ว ยายหูชีและคนอื่นๆอยู่ด้วย ผมเลยไม่กังวลเท่าไหร่
อีกเดี๋ยวผู้อาวุโสว่ายังไง พวกเราก็ทําอย่างงั้น
หากทําสําเร็จจริงๆ งั้นมันก็จะเป็นความสําเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เดินออกไปเผชิญโลกในวันข้างหน้า ก็จะมีเรื่องนี้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
ขณะคิดได้แบบนี้ ผมก็จับดาบไม้ เข้าไปฟาดฟันศัตรูทันที
การวางแผนผ่านไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้สถานที่ที่เราจะแอบเข้าไปคือด้านหลังโกดัง
สถานที่แห่งนั้นอําพรางตัวพวกเราได้ดี ไม่มีเวรยามและไม่มีลวดหนาม ปืนเข้าไปไม่ใช่เรื่องยาก
หลังปีนเข้ามาแล้ว เราจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม ล้อมเอาไว้ทั้งสองด้านและแอบเข้าไปในโกดัง
หลังยืนยันตําแหน่งท่านหญิงคนนั้นได้แล้ว เราก็จะเข้าไปลอบโจมตี หากทําสําเร็จแล้ว เราก็จะกําจัดปีศาจในที่นั้นอีกที……
หลังมีแผนแล้ว วัยรุ่นอย่างพวกเราไม่กี่คน ก็มือไม้สั่นอยากลงมือกันนานแล้ว
หลังจากได้รับอนุญาต พวกเราก็เริ่มเข้าใกล้ฐานของสํานักชั่วนทันที
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว พวกเรายังแอบเข้าไปจากทางด้านหลัง ดังนั้นเลยไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเรา
ผ่านไปเพียงครู่เดียว พวกเราก็มาถึงด้านหลังโกดัง
กําแพงของที่นี่สูงขึ้นประมาณ 5 เมตร มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาคิดจะปีนกําแพง ห้าเมตรแบบไม่มีเครื่องมือ
แต่กลุ่มของพวกเราไม่ใช่คนธรรมดา เราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย
เพิ่งเข้าไปใกล้ ทุกคนก็เริ่มเปิดใช้พลัง
หลังพลังขับเคลื่อนแล้ว กําแพงห้าเมตร ก็เป็นแค่การปืนไม่กี่ครั้งเท่านั้น
สําหรับจิ้งจอกอย่างพวกปู่หลิ่ว กําแพงนี่แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากของปกติแล้ว ทุกคนกระโดดข้ามไปภายในครั้งเดียว
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็เข้ามาอยู่ในฐานที่มั่นของสํานักสื่อเย่เฉินอย่างเงียบๆ และเตรียมพร้อมสําหรับการสังหารที่รออยู่……