ศพ – ตอนที่ 476 สมุนปีศาจนับร้อย

ตอนที่ 476 สมุนปีศาจนับร้อย

ปัจจุบันหวังเฉิงกานเป็นนักพรตหวังระดับผู้อาวุโส และเป็นคนในสํานักใหญ่ ผู้อาวุโสแห่งสํานักอู่ตัง

อาจารย์ลุงของหยางเฉ่ว คนระดับนี้จะต้องมีฝีมือไม่น้อยแน่ๆ

สําหรับคนอย่างพวกเรา คนระดับท่านนักพรตหวังก็ถือเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง

ตอนนี้ท่านนักพรตหวังเปิดใช้พลังทั้งหมด คลื่นพลังมหาศาลสาดซัดไปรอบๆ กดดันทุกสิ่ง

ระดับพลังของผมอยู่แค่เต้าฉือขั้นสุด ยังไม่ถึงขั้นเต้าชื่อด้วยซ้ํา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ อาวุโสระดับนี้ มันทําให้ผมรู้สึกว่าตัวเองต่ําต้อยมาก

ดังนั้น ผมไม่อาจบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายมีพลังขนาดไหน ระดับขั้นที่เท่าไหร่

คลื่นพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ ผมได้แค่คิดว่าท่านนักพรตหวังมีพลังมหาศาลที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ และทรงพลังมาก ยังไงก็ต้องขั้นเต้าจจิ้นขึ้นไปแน่นอน

แต่ชายชุดดําที่นั่งอยู่บนนั้น กลับไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด หรือแม้แต่หัวเราะ “ฮ่าๆ ๆ” ออกมา

“พลังแค่นี้ ก็ยังกล้ามา ไม่รู้จักเจียมตัว……”

เสียงของชายชุดด่าเพิ่งเงียบลง ท่านนักพรตเฉินจื่อแห่งสํานักเหมาชานก็ก้าวไป ข้างหน้าหนึ่งก้าว

เขาเองก็ตัวสั่น เปิดใช้พลังทั้งหมดทันที

พลังที่รุนแรงระเบิดออกมาอีกครั้ง เขาเหมือนกันท่านนักพรตหวัง คลื่นพลังสาด ซัดไปรอบๆ กดดันทุกสิ่ง

นักพรตเฉินมีสีหน้าเยือกเย็น “ถ้ารวมข้าด้วยอีกคนละ”

เสียงเพิ่งเงียบลง ปู่หลิ่วและยายหชีที่ยืนอยู่ข้างหน้าผม ก็ระเบิดพลังปีศาจอย่างรวดเร็ว

ในวินาทีนั้น คลื่นพลังปีศาจก็พุ่งขึ้นสูงทันที

มือทั้งสองข้างของปู่หลิ่วและยายหูชี ก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บในช่วงเวลานั้นเช่นกัน เผยให้เห็นคมเขี้ยว

และแสดงพลังที่แข็งแกร่งของตัวเองออกมา เพื่อข่มขวัญศัตรู

เด็กๆอย่างพวกเราที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและคลื่นพลัง ปีศาจที่กวัดแกว่งไปมา

ตอนนี้ดูเหมือนระยะห่างระหว่างพวกเขากับพวกเรา จะไม่ใช่แค่ช่องว่างน้อยๆอีก ต่อไปมันกลายเป็นหุบเหวลึกไปแล้ว

แม้จะใจสั่น แต่ทางฝั่งพวกเรายิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ

แบบนี้ โอกาสที่พวกเราจะชนะก็จะมีมากขึ้นไปอีก

ผมไม่ลังเล รีบเปิดใช้พลังเช่นกัน

แม้ระดับพลังของผมจะไม่ได้สูงมาก แต่ก็เป็นการแสดงความแข็งแกร่งได้เช่นกัน

เพิ่งขับเคลื่อนพลัง อาจารย์ ท่านนักพรตต์ เหล่าเฟิง หูเหมยและคนอื่นๆ ก็เปิดใช้ พลังทั้งหมด พวกเขาเองก็คิดจะลงมือกับชายชุดด่าคนนี้

ชายชุดด่าคนนั้นกลับยิ้มอ่อน ราวกับไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา

ตัวเขาค่อยๆยืนขึ้น “ข้าเคยพูดแล้ว พลังน้อยนิดของพวกเจ้า มันไม่พอ !”

เสียงนี้เพิ่งดังขึ้น บอร์ดี้การ์ดที่ถือตะขอเหล็กคู่ข้างๆชายชุดดําก็พูดต่อ “นายท่าน ให้พวกข้าเป็นคนจัดการนักพรตรนหาที่ตายพวกนี้เถอะ พวกข้าต้องเอาชีวิตของพวกมันได้แน่นอน”

ยังไม่รอให้ชายชุดดําได้คุยกับบอร์ดี้การ์ด ท่านนักพรตเฉินแห่งสํานักเหมาชานก็ พูดด้วยน้ําเสียงโมโห “บัดซบ วันนี้ข้าจะลงทัณฑ์แทนสวรรค์ ฆ่าพวกแกทั้งหมด !”

เสียงเพิ่งเงียบลง นักพรตเฉินก็ยกดาบขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปทันที

พอหวังเฉิงกานเห็นนักพรตเฉินลงมือ เขาก็ไม่ลังเล ตะโกนออกมาว่า “ฆ่า !”

เสียงเพิ่งดังขึ้น นักพรตหวังก็พุ่งออกไปเช่นกัน

นอกจากนี้ ปู่หลิ่ว ยายหูชี ก็ครามเสียงจิ้งจอกออกมา ยกกรงเล็บพุ่งเข้าไปหา ชายชุดดํา

พวกเขาเพิ่งเคลื่อนไหว พวกเราเองก็ไม่ลังเลและไม่รอช้า ต่างแยกย้ายพุ่งเข้าไป เช่นกัน

เราคิดจะสังหารปีศาจไม่กี่ตัวนี้ก่อน แต่ทางฝั่งพวกเราเพิ่งขยับตัว บอร์ดี้การ์ดปี ศาจสี่ตัวก็เข้าไปขวางตรงหน้าชายชุดด่าไว้ แล้วตะโกนออกมาว่า “ปกป้องท่านหลิง

น้ําเสียงหนักแน่นและทุ่มต่า และเสียงเพิ่งดังขึ้น กล่องไม้ที่อยู่ในโกดังก็มีการเคลื่อนไหวแปลกๆเกิดขึ้น

เสี้ยววินาทีถัดมาเสียง “ปังๆๆ” ก็ดังขึ้นไม่หยุด กล่องไม้แต่ละอันถูกบางอย่างดัน กระเด็นออกมาจากด้านใน

หลังจากนั้น เราก็เห็นตัวคนร่างแล้วร่างเล่า ออกมาจากกล่องพวกนั้น

นี่ นี่มันสาวกสํานักชั่ว พวกมันแอบซ่อนตัวอยู่รอบๆ เป็นการป้องกันล่วงหน้า หรือ เป็นการซุ่มโจมตีกันแน่

สาวกพวกนี้เพิ่งปรากฏตัว แต่ละคนก็ครามออกมาทันที

“โฮก โฮกๆๆๆ……”

เสียงดังมาก มันสะท้อนก้องไปทั้งโกดังอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกวาดตามอง ภายในโกดังหลังนี้ มีกล่องที่เคลื่อนไหวผิดปกตินับร้อยใบ และสาวกสํานักชั่วก็ปรากฏตัวขึ้นคนแล้วคนเล่า

ต่อจากนั้น เราก็เห็นร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนไป

ขนสัตว์งอกออกมาอย่างรวดเร็ว กรงเล็บและเขี้ยวปรากฏขึ้น ดวงตาของพวกมัน ต่างเต็มไปด้วยเลือด

สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ในระหว่างนี้ ม่านตาของสาวกพวกนี้เปลี่ยนไป มันเปลี่ยน จากของมนุษย์เป็นของสัตว์

ผ่านไปไม่ถึง 10 วินาที สาวกพวกนั้น ก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ ใช่ทั้งคนและปีศาจ

และหลังจากที่เจ้าพวกนั้นเปลี่ยนเป็นสภาพนี้แล้ว ก็พุ่งเข้ามาหาพวกเรา ราวกับ สัตว์ร้าย
ไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้ตรงประตูโกดัง ยังมีคนวิ่งเข้ามาอีกหลายสิบคน

คนพวกนี้ล้วนใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัทหมิงโลจิสติกส์ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ คนพวกนี้แกล้งทํางานอยู่ข้างนอก แกล้งทําเป็นสาวกธรรมดา

หลังสาวกพวกนี้ปรากฏตัว พวกมันก็เหมือนสาวกที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ละคน ต่างคารามออกมา

แล้วร่างกายก็เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าดุร้าย ไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจ

และหลังจากที่พวกมันพุ่งเข้ามาแล้ว พวกมันก็ปิดประตูโกดังทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็ขมวดคิ้ว และมีความรู้สึกเหมือนโดนหลอกให้เข้ามาติดกับดัก ไม่ได้

แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว ! การมาที่นี่ของพวกเรา เป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาในช่วง เวลาสั้นๆ ตัดสินใจภายในวันนี้ และมาในทันที

อีกฝ่ายจะรู้ได้ยังไง ว่าพวกเราจะแอบเข้ามาที่นี่ และสังหารผู้นํา

ผมขมวดคิ้ว คิดว่ามีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือหลังจากครั้งก่อนที่ผมและอาจารย์แอบเข้ามา สานักสื่อเย่เฉินก็ได้มีการเต รียมการและป้องกันเพื่อเอาไว้แล้ว

พวกเขาให้คนพวกนี้แอบซุ่มอยู่รอบๆเตาเผา และแอบซ่อนอยู่ในกล่องนานแล้ว เพื่อปกป้องเตาเผาอันนี้

และป้องกันไม่ให้พวกเราแอบเข้ามาอีกครั้ง แล้วทําลายเตาเผา

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาล้อมเยอะขนาดนี้ ท่าทางสึกเหิมสุดๆ ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก กังวล

แต่ในช่วงเวลานี้ ท่านนักพรตหวัง ท่านนักพรตเฉิน ปู่หลิว และยายหูชี ได้เข้าไป ปะทะกับอีกฝ่ายแล้ว

นักพรตหวังและนักพรตเฉินก่าลังต่อสู้กับชายชุดดําที่โดนเรียกว่าท่านหลิง ส่วน ยายหูชี ปู่หลิว

ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์กําลังสู้กับบอร์ดี้การ์ดสี่คนนั้น

แต่ไม่รอให้พวกเราได้บุกไปข้างหน้า จู่ๆท่านนักพรตหวังก็พูดขึ้นมาว่า “เจ๋วเอ๋อร์ เด็กอย่างพวกเธอคอยป้องกันด้านนอก หยุดลูกสมุนปีศาจพวกนี้เอาไว้ รอให้ฉันฆ่า หัวหน้าพวกมันได้แล้ว ฉันจะออกไปช่วยฆ่าปีศาจพวกนั้น…..ที่ละตัวๆ !”

พอหยางเฉ่วได้ยินแบบนั้น ก็ขานรับทันที “ค่ะอาจารย์ลุง !”

“เสี่ยวจิงเจ้าก็ไปด้วย !” นักพรตเฉินเองก็พูดกับฉ่ยเฉิงจึง

ฉัยเฉิงจิงไม่กล้ารอช้า รีบตามออกไปทันที

สําหรับผมกับเหล่าเฟิง และยังมีเจ้าจิ้งจอกน้อยกับเหล่าฉิน ก็เข้าใจสถานการณ์ใน ตอนนี้ดี แม้จะไม่มีใครสั่งพวกเรา แต่พวกเราก็ตามไปปะทะกับลูกสมุนปีศาจนับร้อย

พวกนั้น

เพียงแค่พวกเราสิบกว่าคน สู้กับสาวกปีศาจนับร้อย มันเป็นอะไรที่ผมไม่กล้าคิดเล ยด้วยซ้ํา

ถึงจะคิดได้ แต่ใจผมก็ค่อนข้างสั่น และกลัวมาก

ต้องรู้ว่าครั้งก่อนตอนผมกับอาจารย์ เผชิญหน้ากับลูกสมุนปีศาจยี่สิบกว่าตัว เราก็ แทบสู้ไม่ไหว เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง

ตอนนี้เมื่อมาเผชิญหน้าเป็นร้อย แรงกดดันเลยมากกว่าเดิม

ถ้านักพรตหวัง นักพรตเฉิน และพวกอาจารย์ ไม่อาจจัดการตัวหัวหน้าและบอร์ดี้ การ์ดชายชุดด่าทั้งสี่คนนี้

แล้วใช้พลังอันทรงพลังพวกนั้นมาสนับสนุนพวกเราได้ทันเวลา

ไม่นานต่อจากนั้น พวกเราคงโดนสาวกปีศาจที่ไม่ใช่คนและปีศาจพวกนี้กัดตาย

แต่ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ได้แต่ตะโกนออกมา ทําใจกล้า ยกดาบไม้เข้าไปสังหารปีศาจที่พุ่งเข้ามาตัว
แรก……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset