ตอนที่ 479 ขอความช่วยเหลือ
ม่หลงเหยียนออกมาปรากฏตัวในช่วงเวลาสําคัญ เมื่อเห็นร่างดุจเทพเซียนของเธอผมก็อดใจเต้นไม่ได้
ผมตะโกนเรียกมู่หลงเหยียนทันที “น้องศพ !”
มู่หลงเหยียนค่อยๆหันมา หลังเห็นสภาพของผมแล้ว เธอก็อดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “นายบาดเจ็บเหรอ ?”
น้ําเสียงของมู่หลงเหยียนฟังดูโมโหหน่อยๆ ผมกลับฉีกยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไร แผลเล็กน้อย !”
แต่สีหน้าของมู่หลงเหยียนกลับดูโมโหยิ่งกว่าเดิม “ฮิ! นอกจากฉันแล้ว ใครก็ทําร้ายนายไม่ได้ทั้งนั้น
ฝีมือเจ้าตัวประหลาดไม่ใช่คนไม่ใช่ปีศาจพวกนี้ใช่ไหม ? ”
พอเห็นมู่หลงเหยียนโมโหเพราะเห็นผมบาดเจ็บ ในใจผมก็มีความอบอุ่นที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้
แต่ไม่รอให้ผมได้ตอบกลับ เจ้าหัวโจกที่ชื่อหลิงเทียนคนนั้นกลับพูดกับมู่หลงเหยียน ด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา “เธอเป็นใคร ?”
ม่หลงเหยียนจ้องหลิงเทียน แล้วตอบกลับเพียงสามค่าอย่างเย็นชา “มู่หลงเหยียน”
ค่าพูดนี้เพิ่งดังขึ้น เจ้าคนที่ชื่อหลิงเทียนคนนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เธอ เธอก็คือหุ่นรบรุ่นแรกขององค์กรตาผี”
“ฮ! รู้เยอะดีน” มู่หลงเหยียนพูดออกมาอีกครั้ง เธอตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่เย็นชาเช่นเคย
และเสียงเพิ่งเงียบลง มู่หลงเหยียนก็เริ่มลงมือแล้ว
ทันใดนั้นคลื่นพลังยินที่หนาวเหน็บและทรงพลังก็สาดซัดไปทุกหนทุกแห่ง
นอกจากหัวโจกหลิงเทียนคนนั้นแล้ว สาวกปีศาจที่ยืนล้อมพวกเราอยู่ ก็โดนซัดให้ถอยออกไปหลายก้าว
และในตอนนี้ มู่หลงเหยียนก็เผยร่างจริงให้ผมเผ่าจิ้งจอก และอาจารย์ผมเห็นเท่านั้น
ในสายตาของเหล่าเฟิง ท่านนักพรตต์นุ่ยเฉิงจิง หยางเจ่วและคนอื่นๆ ต่างเห็นเพียงร่างที่ลางเลือน
มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจน
แต่พวกเขาล้วนรู้ดีว่านี้ก็คือวิญญาณคุ้มครองครอบครัวผม ส่วนเรื่องอื่นผมไม่เคย พูด พวกเขาเลยไม่รู้
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สําคัญ สิ่งที่สําคัญคือในขณะที่มู่หลงเหยียนลงมือ ตะขอเหล็กในมือหลิงเทียน
ก็พุ่งตรงเข้ามาหามู่หลงเหยียน
มู่หลงเหยียนยกมือขึ้น ทันใดนั้นดาบทรงใบหลิวที่เป็นเสมือนภาพลวงตาก็ปรากฎขึ้น มันพุ่งเข้าไปปะทะกับตะขอเหล็กทันที
“ปัง” เสียงปะทะของพลังที่ต่างกันดังขึ้น พร้อมกันนั้นพลังที่มหาศาลก็ระเบิดออกมาทันที
พวกเราทุกคน ต่างต้านพลังอันมหาศาลนี้ไม่ไหว ถึงกับโดนแรงกระแทกให้ถอยออกไปทันที
ส่วนสาวกที่อยู่นอกวงต่อสู้พวกนั้น ก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน
แต่ละคนครามออกมายกกรงเล็บขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาหาพวกเราอีกครั้ง
นุ่ยเฉิงจิงและหยางเจ๋วพาท่านผู้อาวุโสทั้งสองคนมาอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขาโดนล้อมเอาไว้ตรงกลาง
ท่านนักพรตเฉินจื่ออี้แห่งสํานักเหมาชานสลบไปนานแล้ว ส่วนท่านนักพรตหวังเฉิงกานแห่งสํานักอู่ตั้งกําลังหอบหายใจ มือเท้าสั้นถึงจะ
ยังมีสติอยู่ แต่ก็ไม่อาจพูด ออกมาได้ง่ายๆ ถือได้ว่าสูญเสียกําลังสู้ไปแล้ว
ตอนนี้เมื่อเห็นพวกสาวกกําลังพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ทุกคนก็ยกดาบไม้ขึ้นเตรียมสู้
นี่ก็คือภาระกิจและหน้าที่ของผู้ฝึกตน หรือคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเรา
ผมทําหน้าจริงจัง ปนเย็นชา เมื่อเห็นสาวกพวกนี้พุ่งเข้ามา ผมก็พูดกับปู่หลิ่วและยายหูชีว่า
“เซียนทั้งสอง ขอยืมเลือดจิ้งจอกหน่อยได้หรือไม่ ศิษย์จะอัญเชิญนางพญามาสถิตร่าง”
ผมพูดถึงขนาดนี้แล้ว และมู่หลงเหยียนผู้แข็งแกร่งก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
แม้จะไม่ใช่ร่างจริง แต่ดูจากท่าทางของมู่หลงเหยียนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถสู้กับเจ้าหัวโจกหลิงเทียนคนนั้นได้
ถ้านางพญามาเยือนที่นี่ได้จริงๆ งั้นโอกาสชนะของพวกเราก็มีเยอะขึ้นแล้ว
ปู่หลิ่วและยายหูชีหันมามองหน้ากัน แล้วพยักหน้ารับตรงๆ ต่อจากนั้นผมก็เห็นปู่หูคิ้วกัดนิ้วตัวเอง
“ชูหม่าเชิญใช้ตามสบายเลยขอรับ”
ผมเองก็ไม่รอช้า รีบจุดธูปหอมสั้นพิเศษ
หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วที่เปื้อนเลือดจิ้งจอก ประสานมืออย่างรวดเร็ว พร้อมท่องคาถาอัญเชิญเซียน
เสียงไม่จัดว่าดังมาก แต่ก็ไม่เบามาก
ตามหลักแล้ว ปกติตั้งแต่ตอนผมประสานมือจนถึงเชิญเซียน ต้องใช้เวลาประมาณ 4 นาที
ครั้งก่อนตอนอยู่เขาเขี้ยวหมาป่า ความเร็วที่สุดที่ผมเชิญนางพญาจิ้งจอกได้อยู่ที่ 3 นาที
แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปพอสมควร ผมเพิ่งท่องคาถาเชิญเซียนได้ประมาณ 30 วินาที่ ผมก็รู้สึกได้ลางๆ
ว่าตัวเองติดต่อกับนางพญาได้แล้ว
นี่มันเป็นอะไรที่เร็วมาก เร็วจนไม่อยากจะเชื่อ
ถึงจะเป็นของมู่หลงเหยียน ผมก็ยังทําไม่ได้แบบนี้
ผมลังเลอยู่พักหนึ่งหลังจากตรวจสอบให้มั่นใจสามครั้งแล้ว ผมก็มั่นใจว่าตัวเอง ติดต่อได้แล้วจริงๆ
ผมจึงไม่ลังเลใดๆ มือทั้งสองเปลี่ยนท่า และทําท่าสุดท้ายในทันที
จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ศิษย์ติงฝาน ขออัญเชิญนางพญาจิ้งจอก”
ขณะเสียงของผมดังขึ้น ธูปหอมอันนั้นก็ไหม้อย่างรวดเร็ว พร้อมปล่อยควันที่เยอะกว่าเดิมออกมา
และต่อจากนั้นก็เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ควันพวกนั้นขึ้นมารวมตัวที่หน้าผากของผมและกลายเป็นหัวจิ้งจอกขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ก็ยึดผมเป็นตัวกลาง ระเบิดพลังปีศาจที่ทรงพลังออกมา
พลังปีศาจพวกนั้นเหมือนสามารถทะลุผ่านทุกอย่างไปได้ทั้งโกดัง “ฮๆๆ” และยังมีสายลมที่รุนแรงพัดไปรอบๆ
หลังหัวจิ้งจอกอันนั้นปรากฏขึ้น จู่ๆดวงตาคู่นั้นก็มีแสงจ้าออกมา แล้วมันก็อ้าปากมาทางผม และพุ่งเข้ามาทันที
หลังหัวจิ้งจอกอันนี้เข้ามาใกล้ผม มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกลืนหายเข้าไปในร่างผมแล้วอย่างงั้น
ต่อจากนั้น ผมก็มีความรู้สึกเหมือนโดนคนอื่นมาควบคุมร่างกาย ร่างกายค่อยๆสูญเสียการควบคุม
มือ เท้า ล่าตัว หรือแม้แต่หัว แล้วสุดท้ายผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนขังไว้ในห้องเล็กๆ ไม่มีความรู้สึกใดๆ
มีเพียงดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนสถิตร่าง ผมจึงเข้าใจและรู้ดีว่าตอนนี้กําลังเกิดอะไรขึ้น
นางพญาเข้ามาอยู่ในร่างของผมแล้ว ประสาทสัมผัสต่างๆได้ถูกควบคุมและรับรู้โดยนางพญา
ในระหว่างนี้ ปู่หลิ่วและยายหูชีที่คอยคุ้มกันผมอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจแล้วรีบพูดกับผมว่า
“จิ้งลิ่ว ( หูชี) คารวะเจ้าแม่”
เสียงเพิ่งเงียบลง นางพญาก็ควบคุมร่างผม และพูดด้วยเสียงของผม “ลุกขึ้นเถอะ”
นางพญาโบกมือ จากนั้นก็กวาดสายตามองรอบๆหนึ่งรอบ
ส่วนผมก็รีบพูดกับนางพญาจากในร่าง “นางพญา นี่คือฐานของเจ้าสานักสื่อเย่นั้นครั้งนี้พวกเราพาผู้อาวุโสแห่งสํานักทั้งสองมาด้วย เดิมที่คิดจะทําลายที่นี่ให้สิ้นซากแต่กลับตกอยู่ในอันตรายแทน ผมถูกบีบจนไม่มีทางเลือก จนต้องเชิญท่านออ กมาช่วย !”
เสียงเพิ่งเงียบลง นางพญาจิ้งจอกก็พูดว่า “จินถงไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อข้ามาแล้วก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน”
คําพูดนี้เพิ่งดังขึ้น ทันใดนั้นนางพญาก็แหงนหน้าขึ้นบนฟ้า และครามออกมาทันที่ “โฮก”
ทันใดนั้น พลังปีศาจก็ระเบิดออกไปรอบๆ พวกสาวกที่อยู่ห่างจากพวกเราสามสีเมตร โดนซัดกระเด็นออกไปทันที
เมื่ออยู่ต่อหน้านางพญาจิ้งจอกที่บําเพ็ญตบะมานับพันปี เจ้าพวกนี้เป็นเด็กที่เพิ่งเกิดไม่กี่วัน มีแค่เขียวและขนงอกออกมา ไหนเลยจะสามารถต้านทานไฟโทสะของปีศาจตัวจริงได้
ผลลัพธ์เพียงแค่การระเบิดพลังครั้งนี้ สาวกปีศาจ 5-6 คนที่อยู่รอบๆก็โดนซัดกระเด็นออกไป
มีตัวหนึ่งกระอักเลือดออกมา แล้วล้มลงกับพื้นทันที
เห็นได้ชัดว่าเดิมที่ร่างกายของเจ้าหมอนั้นก็แย่มากอยู่แล้ว หลังอวัยวะภายในแหลกละเอียด มันก็ตายในทันที
หลังนางพญาครามออกมา เธอก็กลอกตา หันไปจ้องหัวโจกสํานักสื่อเย่เฉินหรือเจ้าหลิงเทียนที่กําลังสู้กับ
มู่หลงเหยียนอยู่
มู่หลงเหยียนรู้อย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร
แต่ในเวลานี้ นางพญาเปลี่ยนคลื่นพลังปีศาจที่มหาศาล ให้กลายเป็นสายฟ้าในรูปแบบของมนุษย์เรา
หรือแม้แต่ยังไม่รอให้เจ้าหลิงเทียนคนนั้นได้เตรียมตัวรับมือ นางพญาก็ควบคุมร่างผม เอาฝ่ามือเข้าไปตบเขาแล้ว
นางพญาเคลื่อนไหวเร็วมาก เร็วจนเกือบถึงจุดที่เรียกว่าเป็นไปไม่ได้
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปัง” ผู้นําสานักชั่วที่เพิ่งลงมือลงเท้ากับผู้อาวุโสทั้งสองเมื่อกี้กรีดร้องโหยหวนออกมาทันที
แค่ฝ่ามือเดียวของนางพญาก็ทําให้เขาโดนซัดกระเด็นออกไปแล้ว……