ตอนที่ 486 มีดปลิดวิญญาณ
พูดตามตรง ผมช็อกจริงๆ
มีดสั้นที่ดูสนิมเขรอะกลับเป็นมีดที่สามารถฟันโต๊ะหินที่หนากว่า 15 เซนติเมตรได้ความคมระดับนี้เป็นอะไรที่ชัดเจนมาก
ส่วนตัวมีด กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าวัตถุดิบมีดเล่มนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
แต่มู่หลงเหยียนยังบอกว่า นี่ไม่ใช่ส่วนที่ร้ายกาจที่สุดของมีดสั้นเล่มนี้ ส่วนที่ร้ายที่สุดคือ “ดูดซับวิญญาณ” อะไรสักอย่าง
ผมตะลึงในทันที “ดูดซับวิญญาณ ?”
มู่หลงเหยียนพยักหน้าเบาๆ “มีดเล่มนี้สามารถดูดซิบวิญญาณได้ทุกชนิด วิญญาณร้าย หรือแม้แต่วิญญาณปีศาจ……”
พระเจ้า ! มีดสั้นที่สามารถดูดซับวิญญาณได้ทุกชนิด นี่มันมีจิตวิญญาณไปแล้วหรือยังไง
“หรือว่า หรือว่าเจ้ามีดเล่มนี้จะมีจิตวิญญาณ ?” ผมค่อนข้างตกใจ นอกจากค่าอธิบายนี้แล้ว ผมก็นึกคําพูดอื่นไม่ออกอีกทําไมเจ้านี่ถึงสามารถมีพลังดูดซับวิญญาณได้
มู่หลงเหยียนกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้น เจ้ามีดสั้นเล่มนี้เป็นอาวุธต่อสู้อย่างหนึ่ง ส่วนเรื่องทําไมถึงดูดซับวิญญาณได้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นอกจากมีดปลิดวิญญาณจะดูดซับวิญญาณได้แล้วที่เด็ดที่เลิศที่สุดของมันคือหลังการดูดซับวิญญาณไปแล้ว ส่วนน้อยนิดจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วเติมเต็มให้กับผู้ที่มือมีด !”
ม่หลงเหยียนดูจริงจัง เธอค่อยอธิบายเรื่องนี้ทีละนิดๆ
แต่หลังจากที่ผมได้ยินมาจนถึงประโยคสุดท้ายผมก็ม็นไปในทันที
เจ้า เจ้าคุณสมบัตินี่ ไม่เหมือนกับ “ดาบดื่มเลือด” หรือพวกคทาดูดเลือดฝั่งั้นเหรอ
หากเป็นอย่างที่มู่หลงเหยียนพูดจริงๆ งั้นเจ้านี่ก็เพี้ยนสุดๆไปเลย
พลังวิญญาณเป็นสิ่งที่พวกเรานักฝึกตนบนโลกเรียกอีกอย่างว่า “ลมปราณ”
หากให้พูดอย่างชัดเจน คนอย่างพวกเรา ก็คือผู้ที่ฝึกพลังลมปราณ
เดินลมปราณสร้างความแข็งแกร่งในกล้ามเนื้อภายใน
และเจ้าลมปราณนี่ ก็ถูกพวกเราใช้ผ่านการกําหนดลมหายใจขับเคลื่อนพลังฟ้าดินแล้วสุดท้ายถึงจะเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียน
เมื่อถึงเวลาต้องใช้วิชาอาคม หรือต่อสู้ เราก็จะเปิดใช้พลัง ใช้ลมปราณพวกนี้ในการต่อสู้
จุดตันเถียนของแต่ละคนล้วนมีขนาดจํากัด อยู่ในตําแหน่งที่แตกต่างกันไป และมีลมปราณที่เก็บเอาไว้ไม่เหมือนกัน
นี่ก็คล้ายกับการบริโภค เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ต้องหยุดและหาของใหม่มาเพิ่ม
หากมีดปลิดวิญญาณเป็นอย่างที่มู่หลงเหยียนพูดจริงๆ มันก็เทพสุดๆไปเลยละ
ขอแค่ใช้มีดเล่มนี้ ก็จะสามารถสู้ไป เพิ่มพลังวิญญาณไปได้พร้อมๆกัน หรือก็คือลมปราณของตัวเอง
เรื่องนี้ไม่เพียงยืดระยะเวลาการต่อสู้ได้เท่านั้น แต่มันยังทําให้การร่ายคาถาหรือวิชาต่างๆที่ต้องใช้พลังมี
อนุภาพมากขึ้นอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้น ผมไม่คิดดูถูกมีดเล่มนี้อีก และเริ่มคิดว่าเจ้านี่เป็นสมบัติล้ําค่าขึ้นมาจริงๆ
เจ้าของสิ่งนี้เป็นอาวุธวิเศษที่คนปราบภูติผีหรือแม้แต่ผู้ที่ฝึกตนทุกคนใฝ่ฝัน
เพราะในการต่อสู้ การใช้วิชาที่ทรงพลังเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง อาจเปลี่ยนสถา นการณ์เป็นตายได้
“พระเจ้า ! บนโลกมีอาวุธที่ร้ายกาจขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ !” ผมพูดด้วยความตกใจ
มู่หลงเหยียนคลี่ยิ้ม “ตอนนี้ฉันยกมีดปลิดวิญญาณเล่มนี้ให้นาย ตอบแทนที่นายเอาน้ําลี่ลั่วและหินลี่ลั่วมาให้พวกเรา และช่วยรักษาชีวิตของสหายพวกเราได้หลายร้อย…..”
หลังได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็รีบส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่ได้หรอก เจ้านี้มีค่าเกินไป เธอเก็บเอาไว้เถอะ ถ้าไปอยู่กับฉัน แล้วก็หายขึ้นมาแบบนั้นมันจะได้ไม่คุ้มเสียเอานะ !”
ผมปฏิเสธไม่กล้าดถูกเจ้ามีดสั้นเล่มนี้อีก
แต่มู่หลงเหยียนกลับพูดต่อ “อย่าเพิ่งปฏิเสธ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ฉันยังมีความปรารถนาอีกอย่าง !”
“ความปรารถนา ?” ผมทําหน้าสงสัยหน่อยๆ
ม่หลงเหยียนพยักหน้า “ใช่ ฉันกับโจวหยุนตายแล้ว สานักศพตกอยู่ในมือของพวกเรา ตอนนี้ไม่ผู้สืบทอดถึงมีดปลิดวิญญาณจะร้ายกาจขนาดไหน แต่มันก็ไร้ประโย ชน์ต่อผีอย่างพวกเรา หากอยู่ในมือพวกเรามันไม่เพียงไร้ค่า แต่ยังอาจโดนมีดปลิดวิญญาณดูดกลืนได้ง่ายอีกด้วย เราจะเสียพลังวิญญาณไปเปล่าๆ”
“ ดังนั้น ที่ฉันยกมีดปลิดวิญญาณให้นาย หนึ่งเพื่อตอบแทน สองคือ ฉันเชื่อใจนาย และถ้ามีวันไหน
ที่นายแข็งแกร่งขึ้นแล้ว นายก็จะสามารถช่วยทําให้สํานักศพกลับมามีที่ยืนอีกครั้งหรือบางที่อาจหาคนอื่นมารับช่วงมีดปลิดวิญญาณต่อ ฉันไม่อยากให้สํานักศพของพวกเราต้องถูกทําลายในมือของพวกฉัน……
มู่หลงเหยียนพูดได้จริงจังมาก เธอพูดความปรารถนาของตัวเองออกมา
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็ลังเลไปพักหนึ่ง
ผมมองตามู่หลงเหยียน มู่หลงเหยียนเองก็จ้องผม คิ้วขมวดเป็นปม ภายในดวงตา ที่งดงามเต็มไปด้วยความหวัง
ผมลังเลครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่หลายนาที
ท้ายที่สุด ผมก็ยอมพยักหน้าให้มู่หลงเหยียน “ได้ ฉันรับปากเธอ ถ้าเป็นไปได้ ฉันยอมตั้งสํานักศพของพวกเธอขึ้นมาใหม่ ถ้าทําไม่ได้ ต่อไปฉันจะยกของชิ้นนี้ให้คนอื่น ไม่ปล่อยให้สํานักศพโดนทําลาย….”
หลังจากพูดจบผมก็รับมีดปลิดวิญญาณมาถือไว้มู่หลงเหยียนที่ขมวดคิ้วอยู่นั้น ได้คลายออกทันที “ขอบใจนายมากติงฝาน !”
จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนเรียกผมว่าติงฝานผมเลยทําตัวไม่ถูกขึ้นมาในทันที
เนื่องจากการปรับเข้าโหมดอ่อนโยนของเธอ มันยากกว่าการเข้าโหมดที่ผิดขั้วของเธอมาก
“ ที่จริงนะ ! ไม่ต้องขอบคุณฉันก็ได้ เธอช่วยฉันมาตั้งเยอะขนาดนั้น ฉันทําเรื่องเล็กๆแค่นี้ให้เธอ
ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ! ”
มู่หลงเหยียนมองทาที่ที่อึดอัดของผม แต่ทันใดนั้นเองเธอก็หัวเราะออกมาสั้นๆ “ฮ่าๆ” “ตกลง ! นายเก็บมีดปลิดวิญญาณก่อนเถอะ คือใช่ ได้ยินยายบอกว่า คราวก่อนนายหาบางอย่างที่ทําให้เจอวิชาฝึกพลังอย่างนึ่งนิ ไหนเล่ามาซิ มันคือวิชาอะไรตอนนี้ฝึกไปถึงไหนแล้ว !”
จ่ๆก็ได้ยินม่หลงเหยียนพูดถึงเรื่องนี้ ผมเลยอดยิ้มแห้งออกมาไม่ได้ “ เจ้าวิชานี้เรียกว่าวิชาเฟินเทียนกง
เป็นวิชาที่ตกทอดกันมาของสายฉัน”
“ แต่อักษรที่อยู่บนนั้น พวกเราไม่รู้จักกันสักตัว แต่ฉันก็ฝึกจากภาพได้อยู่ แต่ภาพแผ่นแรกมีถึง 38 จุด
และก็ฝึกยากมาก ตอนนี้ฉันยังฝึกแผ่นแรกไม่จบเลย……
พอได้ยินถึงตรงนี้มู่หลงเหยียนก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม เธอเลยคุยกับผมเรื่องนี้ต่อ
เพราะอักษรบนนั้นมีอยู่ไม่มาก และผมก็จ่าพวกมันได้ทั้งหมดนานแล้ว
ดังนั้น ผมเลยเขียนอักษรพวกนั้นออกมา
ผมอยากให้มู่หลงเหยียนลองดู ว่าเธอรู้จักบ้างไหม
มู่หลงเหยียนพยักหน้าเบาๆ หลังรอผมเขียนเสร็จ เธอก็เข้ามาดูอย่างละเอียด
ก็นะ ในฐานะที่มู่หลงเหยียนเป็นผู้สืบทอดของสํานักศพ และยังเคยเป็นหุ่นเชิดขององค์กรตาผีกว่าร้อยปี
เธอเลยรู้จักอักษรโบราณพวกนี้สองสามตัวจริงๆ
เธอกวาดสายตามองสองสามรอบ แล้วสุดท้ายถึงพูดกับผมว่า “อักษรโบราณพวกนี้เก่าแก่มาก เมื่อก่อนฉันเคยเห็นมันสลักอยู่บนผนังถ้ําในสํานัก และในวิหารขององค์ กรตาผีฉันเคยเห็นแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น พวกมันมีความหมายว่า สงครามศักดิ์สิทธิ์ หกดินแดน และกิเลน”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็ชี้ตัวอักษรทั้งสามที่เธอรู้จัก
แม้อักษรสามค่านี้จะมีอยู่ทั่วหน้ากระดาษ โบราณและค่อนข้างเล็ก
แต่เนื้อหาของสามค่านี้ กลับน่าตื่นตกใจพอสมควร
สงครามศักดิ์สิทธิ์ หกดินแดน และกิเลน แต่ละคําเป็นคําที่ฟังดูยิ่งใหญ่ทั้งนั้น
ผมสัมผัสได้ลางๆ ว่าอักษรโบราณพวกนี้ ไม่ใช่เคล็ดวิชาฝึกพลังธรรมดา แต่เป็นการอธิบายถึงเรื่องราวบางอย่าง
ผมคิดในใจแบบนี้ แต่มีเพียงอักษรแค่สามค่า ดังนั้นจึงได้แต่เดาเท่านั้น ส่วนข้อความทั้งหมดนี้จะหมายถึงอะไร ผมยังไม่มีทางเข้าใจได้
แต่เพิ่งคิดถึงตรงนี้ จู่ๆมู่หลงเหยียนก็พูดขึ้น “ ค่าพวกนี้ปรากฏอยู่ในเคล็ดวิชา และ ปรากฏอยู่ในถ้ําของสํานักศพของพวกเรา และยังอยู่ในวิหารขององค์กรตาผีด้วย ฉันว่ามันอาจจะบันทึกเรื่องราวที่คนไม่รู้เอาไว้
และเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว”
“สํานักของพวกเราถูกทําลายแล้ว พวกเราเองก็ไม่มีทางหาความรู้เกี่ยวกับอักษรพวกนี้ได้ แต่พวกสํานักใหญ่ กลับอยู่มาจนถึงตอนนี้ ถ้าไปหาพวกศิษย์ หรือผู้อาวุโสในสํานักใหญ่ๆพวกนั้นมาแปลให้ นายอาจจะได้รู้เรื่องราวหรือความลับที่ถูกบันทึกเอาไว้ในนั้นก็ได้…..