ตอนที่ 489 อันตรายในการกลายร่างเป็นปีศาจ
ในวินาทีนั้น จู่ๆผมก็คิดถึง “โอสถโลหิตศพ” ที่อาจารย์เอาออกมาเม็ดนั้น และภาพสุดท้ายที่มันแตกกระจายบนพื้น
ผมยังจําได้อย่างชัดเจน วินาทีที่โอสถ โลหิตศพโดนทําลาย จู่ๆก็มีหมอกสีแดงกระจายตัวออก
มา
เจ้าหมอกนั่นกระจายตัวเร็วมาก ตอนนั้นพวกเราเองก็ถือว่าตอบสนองเร็วเช่นกัน แต่ยังไงก็น่าจะสัมผัสโดนบ้าง
เพียงสัมผัสโดนนิดหน่อยมันก็อาจซึมเข้าร่างพวกเรา
โอสถ โลหิตศพเม็ดนั้นแปลกมาก ด้านในมีของเหลวสีแดงอยู่ และยังแปลสภาพคล้ายคน แม้สุดท้ายจะสลายกลายเป็นของเหลวสีดําที่เหม็นมากก็ตาม
ตอนนั้นพวกเราไม่พบความผิดปกติใดๆ เรื่องนี้เลยโดนปล่อยผ่านไปทั้งแบบนั้น
หลังจากนั้น กลุ่มของพวกเราก็เดินทางออกมาจากโกดัง
และในวินาทีที่ออกมาจากโกดังนั่นแหละที่กลุ่มของพวกเราเริ่มมีอาการไอ
และเป็นเพราะรีบออกมา เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เหมือนตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมาพวกเราทุกคนก็เริ่มมีอาการไอเบาๆติดต่อกันมาเรื่อยๆ
พอเชื่อมโยงเรื่องพวกนี้ มาจนถึงการเปลี่ยนสภาพในคืนนี้ ผมก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ ชี้ไปที่โอสถโลหิตศพที่ยังหลอมไม่เสร็จเม็ดนั้น
พอคิดถึงตรงนี้ หน้าผมก็ถอดสีทันที
พูดกับมู่หลงเหยียนว่า “ฉันคิดออกแล้ว โอสถโลหิตศพ เป็นเพราะเจ้าโอสถโลหิตศพเม็ดนั้น”
“โอสถโลหิตศพ” มู่หลงเหยียนไม่เห็นเหตุการณ์นั้น จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เข้าใจ
แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาอธิบาย เพราะตอนนั้นไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ทุกคนอยู่ที่นั้นทั้งหมด
ถ้าผมโดน งั้นอาจารย์ ท่านนักพรตต์ เหล่าเฟิง หยางเฉ่ว ปู่หลิวและคนอื่นๆก็อาจเป็นเหมือนผม
หมอกแดงซึมเข้าร่างโดนพลังปีศาจแทรกซึมอยู่ในร่างโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นมันก็น่ากลัวจริงแล้วละ
ดังนั้น ผมเลยรีบพูดกับมู่หลงเหยียนด้วยน้ําเสียงตกใจ “แย่แล้ว ! นอกจากนั้นแล้วตอนนั้น ทุกคนก็อยู่ด้วยเกรงว่าทุกคนคงโดนหมอกของเจ้าโอสถโลหิตศพนั่นไปไม่มากก็น้อย…..”
ผมรีบพูดมู่หลงเหยียนและยายโม่กลับดูท่าไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ผมกลับไม่มีเวลามานั่งอธิบาย ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาคิดจะโทรหาอาจารย์
แต่หลังหยิบโทรศัพท์ออกมา ผมกลับพบว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณ
“เวรเอ๊ย !” ผมพูดอย่างหัวเสีย
“เจ้ากาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายเล่ามาหน่อยซิ” มู่หลงเหยียนถามต่อ
ผมเห็นโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณตอนนี้จึงได้แต่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้มู่หลงเหยียนฟัง
ตอนผมบอกว่า อาจเป็นเพราะหลังโอสถโลหิตศพโดนทําลาย แล้วมีหมอกแดงกระจายตัวออกมาทําให้พวกเราได้รับพลังปีศาจเข้าไปมู่หลงเหยียนก็อดทําหน้าเคร่งเครียดไม่ได้
ในเวลาเดียวกันก็พูดว่า “ถ้าอย่างงั้น นอกจากนายแล้ว ยังมีคนที่เป็นแบบนายอีก 11 คนซินะ”
“ ใช่ ตอนนั้นพวกเรายืนอยู่รอบๆ เจ้าหมอกนั่นกระจายตัวเร็วมากทุกคนอาจเป็นเหมือนฉัน
อาจกําลังกลายเป็นปีศาจ ตอนนี้ต้องรีบบอกทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตอบโต้หรือป้องกัน ก็จำเป็นทั้งนั้น ” ผมรีบพูด
หลังมู่หลงเหยียนฟังมาถึงตรงนี้ เธอก็พยักหน้าแรงๆ เธอเข้าใจแล้วว่าอยู่ในสถานกาณ์เร่งด่วน
ทางผมยังดีที่หาวิธีกําราบพลังปีศาจได้ทันเวลา
ถ้าทุกคนเป็นเหมือนผมจริงๆ มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน และไม่มีวิธีกําราบพลังปีศาจ สุดท้ายกลายเป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
มู่หลงเหยียนเองก็คิดถึงจุดนี้ได้ ในเวลานี้เธอไม่ลังเลเลยสักนิดรีบพูดกับผมว่า “ งั้นก็อย่ารอช้อยู่เลย
รีบออกไปจากที่นี่แล้วโทรศัพท์หาคนอื่นเถอะ ฉันจะไปบ้าน แล้วบอกให้อาจารย์นายรู้ผ่านทางป้ายวิญญาณ
ผมทําหน้าขมขึ้น “อาจารย์ไม่อยู่บ้าน เขาอยู่โรงแรมในเมือง !”
มู่หลงเหยียนเล็กคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ผมก็ชิงพูดต่อ “ใช่แล้วน้องศพพอเธอไปบ้านฉันแล้ว ช่วยไปศาลเจ้าหลักเมืองในตําบล บอกเรื่องนี้กับปู่หลิวและยายหู อ่อแล้วก็หูเหมยด้วย ฉันเองก็จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ ถ้ามีสัญญาณแล้วฉันจะรีบโทรหาพวกเขาเลย……”
หลังจากพูดจบ ผมก็ไม่สนใจอย่างอื่น เริ่มวิ่งออกไปข้างนอกทันที
ม่หลงเหยียนไม่ได้ห้าม เธอพูดออกมาตรงๆ “ได้ ! ฉันจะไปเดียวนี้แหละ ! ยาย ยายตามติงผ่านไป”
“เจ้าค่ะคุณหนู !” ยายโม่พูดด้วยความเคารพ จากนั้นก็หายตัว รีบตามผมมาติดๆ
ส่วนมู่หลงเหยียนกลับประสานมือตัวสั่น เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปจากที่นี่แล้ว
เสี้ยววินาทีต่อมา กระแสควันสายหนึ่งก็เริ่มลอยออกมาจากป้ายวิญญาณน้องศพที่อยู่ในบ้านของผม ต่อจากนั้นมันก็รวมตัวเป็นร่างของมู่หลงเหยียน เธอพุ่งออกจากบ้านทันทีตรงไปที่ศาลเจ้าหลักเมือง
ส่วนผมเริ่มวิ่งออกมาจากจวนมู่หลงอย่างกับลมกรด
ผ่านไปไม่นานผมก็มาถึงป่าด้านนอกจวนมู่หลง แต่ที่นี่ก็ยังไม่มีสัญญาณอยู่ดี
ผมเร่งความเร็วกว่าเดิม ส่วนยายโม่ก็คอยตามผมมา
ผ่านไปอีกประมาณ 10 นาทีกว่าๆ ผมก็วิ่งออกมาด้านนอกสุสานไร้ญาติแล้ว
และแล้วฉากที่น่าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้น ผมพบว่าวันนี้พระจันทร์กลมเป็นพิเศษ
นี่อาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทําให้พลังปีศาจในร่างผมทํางาน ผมจําได้ตอนนั้นก็เพราะค่ําคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ จางเทาดันลืมเอาเลือดพกติดตัวมาด้วย และยังโดนเพื่อนคนนึงเห็นตอนเขากําลังกลายร่าง
เขาเลยฆ่าเพื่อนคนนั้นตาย
และเมื่อตอนที่ผมกลายร่างเป็นปีศาจ ก็เพิ่งเข้ายามจอพอดี
สัญญาณทั้งหมดบ่งบอกว่า พวกเราโดนพลังปีศาจซึมเข้าร่าง อาจเป็นเพราะในช่วงเวลานี้ พลังปีศาจในร่างโดนกระตุ้นทําให้เราเริ่มกลายร่างเป็นปีศาจขึ้นมา
พอคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็เริ่มกังวลยิ่งกว่าเดิม
แต่สัญญาณที่นี่ไม่ค่อยคงที่บางครั้งมีบางครั้งไม่มี
ผมเลยได้แต่กัดฟัน แล้ววิ่งต่อไปเท่านั้น
แต่ในใจ กลับกําลังกังวลสุดๆ ผลที่ตามมาหลังกลายร่างเป็นปีศาจแล้วไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะรับไหว
ถ้าเป็นแบบผม หยุดได้ก่อนก็คงดี
แม้ตอนนี้จะยังกําจัดพลังปีศาจในร่างออกมาไม่หมด เหลืออยู่ในร่างอีกน้อยนิด แต่อย่างน้อยพอควบคุมแล้วร่างกายตัวเองก็ไม่เปลี่ยนไป
แต่หากกลายร่างเป็นปีศาจสําเร็จ เช่นร่างกายมีคุณสมบัติเหมือนสัตว์ หรือพลังปีศาจในร่างหยั่งรากลึก
งั้นก็จบเห่จริงๆแล้ว
เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็จะกลายเป็นตัวประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งคนและปีศาจเหมือนพวกสํานักสื่อเย่จริงๆ……
ขณะหอบใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ผมก็วิ่งไปต่อได้อีกสองสามนาที ในที่สุดผมก็เห็นว่ามีสัญญาณสองขีด ผมไม่คิดอะไรมากรีบโทรหาอาจารย์ทันที
ผมโทรติดเร็วมาก “ตุ๊ดๆๆ” เสียงรอสายตดังขึ้นพักใหญ่ แต่ไม่มีคนรับสักที
ผมทั้งวิ่งและรอให้อีกฝ่ายรับสายอย่างร้อนใจ ภาวนาให้อาจารย์รีบรับสายเร็วๆ
ท้ายที่สุด หลังเสียงรอสายดังมาพักใหญ่ทางนั้นก็รับสาย
เพิ่มติดต่อไป ผมก็ได้ยินเสียงร้อง “โอ๊ย” อย่างทรมาน
ผมเครียดขึ้นมาทันที รีบพูดกับออกมาว่า “อาจารย์ ตอนนี้อาจารย์เป็นไงบ้าง……”
“ไม่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ! เจ็บ เจ็บมาก ร่าง ร่างกายของ ฉันกับเหล่า กําลังเปลี่ยนเป็นปีศาจอ้า…… อาจารย์พูดต่อเขาดูต้องใช้ความพยายามมาก เหมือนกําลังทรมานและเจ็บปวดสุดๆ
ในขณะที่ทางนั้นตอบกลับ นอกจากอาจารย์แล้ว ยังมีเสียงกรีดร้องของลุงตูดังขึ้นเป็นครั้งคราว
ผมใจสั่น เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
อาจารย์และลุงตู้ก็สัมผัสกับมัน และเป็นเพราะเข้าช่วงยามซื้อที่พระจันทร์เต็มดวง พวกเขาเลยกําลังกลายร่างเป็นปีศาจเช่นกัน
และพวกเขา ยังไม่รู้วิธีควบคุมการกลายร่างเป็นปีศาจ เลยได้แต่ทนกลับความเจ็บปวด
ผมไม่ได้พูดไร้สาระ รีบพูดต่อทันที “อาจารย์กับลุงตู รีบเดินลมปราณ กําราบพลังปีศาจ มันจะช่วยชะลอการกลายร่าง ผมจะรีบไปหา พวกอาจารย์ทนเอาไว้ก่อนนะ……”
พออาจารย์ได้ยินถึงตรงนี้ เขาก็พยายามขานรับว่า “ได้”
ต่อจากนั้น เขาก็ไม่วางสายด้วยซ้ํา รีบนั่งเดินลมปราณทันที
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกระทันกัน พวกเราไม่ได้เตรียมตัวรับมือเลยสักนิด
นอกจากพวกอาจารย์แล้ว หยางเฉ่ว นุ่ยเฉิงจิง เหล่าเฟิงและคนอื่นๆก็อาจมีพลังปีศาจแฝงอยู่ในร่าง
และกําลังกลายร่างเป็นปีศาจ
ด้วยเหตุนี้ หลังบอกวิธีแก้กับพวกอาจารย์แล้ว ผมก็รีบวางสาย วิ่งต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็โทรติดต่อ
หยางเจ่วและคนอื่นๆ……