ตอนที่ 490 บอกข่าว
ในใจมีความกังวลที่ไม่อาจอธิบายได้ผุดขึ้นมา เดิมคิดว่าเรื่องสํานักสื่อเย่จะสิ้นสุดลงชั่วคราว
แต่กลับไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันยังไม่จบ
พวกเราทุกคน โดนพิษปีศาจ ผ่านหมอกพิษของโอสถ โลหิตศพ ซึมเข้าร่างอย่างไม่รู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้น
คืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็มด้วย พิษเลยออกฤทธิ์ขึ้นมาดื้อๆ ทําให้พวกเราทุกคน ต้องตื่นตกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาหยางเจ่วแบบด่วนสุดๆ ผมอยากรู้ว่าเพื่อนทุกคนยังปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่า
เสียรอสายดังขึ้นพักนึงก่อนจะมีคนรับ ยังไม่รอให้ฝั่งนั้นได้พูด ผมก็รีบพูดออกมาว่า
“หยางเฉ่ว เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
เสียงเพิ่งเงียบลง หยางเจ๋วกลับตอบกลับมาด้วยน้ําเสียงเกียจคร้าน “ไม่เป็นไรนิ มีไรหรือเปล่า ?”
เห็นได้ชัดว่าหยางเจ๋วไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และท่าทางกําลังนอนหลับอยู่
เมื่อได้ยินหยางเนิ่วพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่ง
แบบนี้ แสดงว่าหยางเฉ่วไม่ได้กลายร่างเป็นปีศาจ เธอน่าจะไม่ได้โดนพิษปีศาจเข้าไป
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว !” ผมสบายใจขึ้นเยอะ
แต่หยางเฉวกลับงงหน่อยๆ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ดึกขนาดนี้แล้ว จู่ๆก็โทรมาหาฉัน ! หรือ นายฝันร้ายหรือไง ?”
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขึ้น ถ้าเป็นแค่ฝันร้ายก็คงดี
แต่มันกลับไม่ใช่ฝันร้าย ผมไม่ลังเลรีบเล่าเรื่องสั้นๆ ให้หยางเฉวฟังทันที
หลังฟังจบ หยางเฉวก็ตกใจมาก เธอดูจะตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที “ ถ้าอย่างงั้น พวกอาจารย์ลุงของฉัน
ก็อาจโดนพิษปีศาจนะซิ”
“ใช่ เธอรีบติดต่อทางนั้นเลย ตอนนี้ฉันจะโทรไปหาจุ่ยเฉิงจิง ดูว่าทางเธอเป็นอะไรไหม !” ผมพูดออกมาอีกครั้ง
หยางเจ่วก็คิดว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก จึงตอบกลับคนแค่ “อืมๆ” แล้วจากนั้นก็วางสายทันที
ต่อจากนั้น ผมก็โทรไปหาจุ่ยเฉิงจิง แล้วตามด้วยเหล่าเฟิง
ผลลัพธ์ผมพบว่า จุ่ยเฉิงจึงเองก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน
และในเวลานี้ยังเล่นเกมอยู่ พอรับสายแล้วเลยบ่นผมทันที บอกว่าเป็นการแข่งเลื่อนขั้น
ผมจะไปสนการแข่งเลื่อนขั้นอะไรของเธอละ ผมบอกสถานการณ์ในตอนนี้ให้เธอฟังตรงๆ และให้เธอลองเช็คตัวเองดูว่าติดพิษปีศาจหรือเปล่า
พวกเราคนปราบภูติผี ขอแค่เดินลมปราณอย่างละเอียดก็จะรู้สึกถึงกระแสพลังที่อยู่ด้านใน ทันที
นุ่ยเฉิงจึงเองก็ตกใจน่าดู เธอเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที เธอเป็นคนรักสวยรักงามมาก สภาพไม่ใช่คนและปีศาจแบบนั้น เธอรับไม่ได้แน่นอน
โชคดีที่นุ่ยเฉิงจังและหยางเจ๋วเหมือนกัน ต่างไม่เป็นอะไรทั้งคู่
ต่อจากนั้น ผมก็โทรไปหาเหล่าเฟิง
แต่คนที่รับสาย กลับไม่ใช่เหล่าเฟิง แต่เป็นหานเฉ่วเฟิง หรือพี่เฟิงแทน
เมื่อได้ยินเสียงพี่เฟิงผมก็ตกใจพอสมควร
แต่ไม่รอให้ผมทักทาย พี่เฟิงกลับพูดกับผมว่า “เจ้าขยะนี่ติดพิษปีศาจ คนที่บ้านนายคนนั้นกําลังช่วยขจัดพิษให้มันอยู่สบายใจได้ !”
น้ําเสียงของพี่เพิ่งดูหนักแน่นมาก ผมอึ้งไปพักหนึ่ง คนที่บ้านผมคนนั้น นี่เขาไม่ได้กําลังพูดถึงมู่หลงเหยียนเหรอ
เหล่าเฟิงมองเห็นมู่หลงเหยียนได้ไม่ชัด อย่างมากสุดก็มองเห็นเป็นภาพคนลางๆ
แต่มันไม่ได้แปลว่าพี่เฟิงจะมองไม่เห็น แต่พี่เฟิงไม่ได้ถามเรื่องนี้กับผมมาก่อน
ตอนนี้มู่หลงเหยียนไปบ้านเหล่าเฟิงแล้ว พี่เฟิงก็น่าจะจํามู่หลงเหยียนได้ ไม่อย่างงั้นคงไม่ให้มู่หลงเหยียนช่วยขจัดพิษให้เหล่าเฟิง
หรือจะพูดอีกอย่างว่า เมื่อม่หลงเหยียนไปบ้านเหล่าเฟิงแล้ว ทางด้านปู่หลิ่ว ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ต่อจากนั้น ผมและยายโม่ก็รีบเดินทางต่อทันที
แม้จะบอกทุกคนแล้ว แต่ระหว่างทางนี้ ผมก็ยังค่อนข้างกังวลอยู่ดี
ยายโม่ยังบอกผมว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้น บอกว่าเมื่อหาสาเหตุเจอแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ได้อย่างแน่นอน
เธอบอกให้ผมไม่ต้องกังวลทุกคนต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
ผมจึงพยักหน้าให้ยายโม่ แต่ในใจกลับไม่เป็นอย่างงั้น ผมกลั้นความรู้สึกเป็นห่วงพวกเพื่อน และอาจารย์เอาไว้ไม่อยู่
จากป่ากุยหม่าจนถึงตําบล ถ้าเป็นเวลาปกติต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หากเดินเร็วหน่อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
แต่ตอนนี้ผมกับยายโม่ ใช้เวลา 50 นาที ในการเดินกลับมาที่ตําบล
เพิ่งมาถึงตัวตําบล ผมและยายโม่ก็วิ่งไปที่ร้านไปฉาวต่อทันที
ไม่รอให้ผมเคาะประตู พี่เฟิงก็เปิดประตูร้านไป๋ฉ่าวรับผมแล้ว
“เสียวติง ! ผู้อาวุโส !”
พี่เฟิงทักทายผมและยายโม่ แต่ผมกลับรีบพูดต่อทันที “พี่เฟิง เหล่าเพิ่งเป็นยังไงบ้าง ?”
พี่เพิ่งเปิดทาง ส่งสัญญาให้พวกเราเข้าไปด้านใน “ยังพอได้ สามารถระงับไว้ได้ชั่วคราว
หลังฟังมาถึงตรงนี้ พวกเราก็เข้ามาอยู่ด้านในแล้ว
เพิ่งเข้ามาในบ้าน ผมก็พบว่าข้าวของในบ้านกระจัดกระจายไปหมด ยาสมุนไพรและของจิปาถะกระจายอยู่ทุกที่
ส่วนพี่เฟิง ตอนนี้กําลังนั่งอยู่กลางห้องโถง มู่หลงเหยียนทําเหมือนรักษาผม ตอนนี้น่าจะกําลังกระตุ้นพลัง
หยิน ช่วยรักษาเหล่าเพิ่งอยู่
แต่สถานการณ์ของเหล่าเฟิง จะร้ายแรงกว่าผมมากหน่อย
ตัวเขามีเล็บแหลมงอกออกมา บนหน้าและแขน มีร่องรอยของเนื้อที่แตกเป็นเกล็ดๆ
การกลายสภาพเป็นปีศาจแบบนี้ ร้ายแรงกว่าของผมเยอะ
พอเห็นถึงตรงนี้ คิ้วก็อดขมวดเข้าหากันไม่ได้
พี่เฟิงที่อยู่ด้านข้างกลับพูดกับผมว่า “ประมาณยามสื่อ ที่พิษปีศาจออกฤทธิ์ เจ้าขยะนี่ก็ไม่รีบปลุกฉันออกมาให้เร็วๆหน่อย รอจนเริ่มเนื้อแตก ถึงจะปลุกฉัน……”
พี่เฟิงบ่น เพราะการมีอยู่ของเหล่าเพิ่งและพี่เฟิงมีความพิเศษมาก ตอนนี้พวกเขายังใช้ร่างเดียวกัน
หากเกิดอะไรขึ้นกับร่างนี้ เหล่าเฟิงและพี่เฟิงก็ต้องตายทั้งคู่ และวิญญาณก็จะแตกสลาย
“แต่โชคดีที่คนบ้านนายคนนี้ หรือน้องสาวนายคนนี้มาทัน ไม่อย่างงั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายจนไม่กล้าคิด !” พี่เฟิงพูด แววตาเต็มไปด้วยคําขอบคุณที่มีต่อหลงเหยียน
แน่นอน น้องสาวที่พี่เฟิงพูดถึง ไม่ใช่น้องศพที่ผมเรียก
สําหรับเรื่องความสัมผัสของเราสองคน เขาเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่
เพียงแค่จมู่หลงเหยียนได้เท่านั้น รู้ว่ามู่หลงเหยียนคือวิญญาณคุ้มครองบ้านผม และโดนผมเรียกว่า “น้องสาว” ในช่วงเวลาสําคัญ ผมสามารถเรียกออกมาได้
สําหรับเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ได้อธิบาย เพียงพยักหน้าให้เท่านั้น “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ! แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์กับลุงตูจะเป็นยังไงบ้าง……”
ผมมองเหล่าเฟิงพร้อมพูดด้วยน้ําเสียงซีเรียส
ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง มู่หลงเหยียนก็ปะทับฝ่ามือลงไปแรงมาก “อัก” ทันใดนั้นเหล่าเฟิงก็กระอักเลือดสีแดงเข้มออกมา และฟื้นขึ้นมาทันที
ในเวลานี้มู่หลงเหยียนเองก็ระงับพลัง และก็ค่อยๆลุกขึ้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็รีบพูดขึ้นมาว่า “น้องศพ เหล่าเฟิงเป็นยังไงบ้าง ?”
มู่หลงเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เป็นอะไรมาก แต่อาการหนักกว่านายหน่อย ฉันใช้พลังขับพลังปีศาจส่วนใหญ่ในร่างออกมาแล้ว แต่ก็เป็นเหมือนนาย ในร่างยังเหลือยู่อีกนิดหน่อย ต้องหาทางขจัดพิษออกมา”
มู่หลงเหยียนค่อยๆพูด พอพี่เพิ่งที่อยู่ข้างๆได้ยินดังนั้น ก็รีบทํามือคารวะมู่หลงเหยียน แล้วพูดอย่างความเคารพสุดๆ “ขอบคุณแม่นางที่ช่วย ไม่อย่างงั้นฉันกับน้องชาย คงได้เจอกับผลลัพธ์ที่น่ากลัว”
มู่หลงเหยียนยิ้มให้พี่เฟิง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
ในวินาทีนั้น เหล่าเฟิงเองก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
เขาเองก็รู้ดีว่าใครเป็นคนช่วย ในเวลานี้จึงพยายามลุกขึ้น แล้วพูดกับ “ภาพเบลอๆ” ของมู่หลงเหยียนด้วยน้ําเสียงอ่อนแรง “บุญคุณช่วยชีวิต ยากจะลืมเลือน !”
มู่หลงเหยียนเห็นเหล่าเพิ่งพูดขอบคุณอีกคน เธอเลยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนของติงผ่านก็คือเพื่อนของฉัน ! ตอนนี้พวกเราควรฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน หาทางแก้พิษปีศาจนี่….”