ตอนที่ 50 เฟิงเฉ่วหาน
จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็พูดออกมาแบบนั้น จึงทำให้ผมที่อยู่ข้างๆถึงกับมึนงง
เดิมทีก็ไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าเฟิงเฉ่วหานกำลังทำอะไร แต่ไม่รอให้ผมถามต่อ
เฟิงเฉ่วหานก็นำยาเม็ดสีดำที่อยู่ในมือ เข้าไปในปากทันที
ไม่เพียงเท่านี้ ยาพึ่งเข้าไปในปากเท่านั้น เฟิงเฉ่วหานก็เปลี่ยนไปทันที
วินาทีนั้นเขาเผยท่าทางเจ็บปวดทรมานออกมา แต่นี่มันยังไม่จบ จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็สูดหายใจรัวๆ
ตอนนั้นผมยังคิดว่ามันก็เหมือนอาการกำเริบโดยทั่วไป เพียงแค่หายใจอย่างบ้าคลั่งก็เท่านั้น
เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหานเป็นแบบนี้ ผมก็รีบตบหลังให้เขาทันที จากนั้นก็พูดว่า “เฟิงเฉ่วหาน นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม! นายกินยาผิดรึป่าว ตอนกลางวันนายกินยาขวดสีขาวไม่ใช่เหรอ”
แต่เฟิงเฉ่วหานทั้งหายใจ และตอบผมในเวลาเดียวกัน “ฉัน ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยว เดี๋ยวนายจะได้เจอเขา อย่า อย่าพูด พูดถึงชื่อฉันเด็ดขาด……”
เฟิงเฉ่วหานรีบพูด จากนั้นเสียงของเขาก็ขาดหายไป “พรึบ” ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พลิกกลับ
ดวงตาขาวโพน ร่างกายกระตุก และพ่นฟองน้ำลายสีขาวออกมา
ดูจากใบหน้าของเขา มันทำให้คนตกใจกลัวสุดๆเลยละ
เฟิงเฉ่วหานทำให้ผมมึนงง ไม่รู้ว่าเฟิงเฉ่วหานกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
แถมยังบอกไม่ให้เรียกชื่อ ถ้างั้นเขาจะเป็นใครได้ละ ทำไมถึงเรียกชื่อเขาไม่ได้
“เฟิงเฉ่วหาน เฟิงเฉ่วหาน!” ผมใช้มือเขย่าเฟิงเฉ่วหาน
เมื่อเห็นไม่มีการตอบสนองใดๆ และยังหายใจเข้าน้อย หายใจออกมา
แวบแรกผมคิดว่า เจ้านี้กินยาผิดแล้วอาการกำเริบรึเปล่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้านี้ต้องตายแน่
เพราะตอนนี้เป็นเวลาเร่งด่วน ดังนั้นผมจึงคิดว่าไปหายาขวดสีขาวในกระเป๋า เอาให้เจ้านี้กิน จากนั้นถ้าเขาดีขึ้นแล้วค่อยว่ากันอีกที
แต่ใครจะไปรู้ ผมพึ่งหยิบยาขวดขาวออกมาจากกระเป๋าคาดเอวของเฟิงเฉ่วหาน และยังไม่ทันได้เปิดขวด
ร่างกายที่เคยกระตุก และฟองน้ำลายที่ไหลออกมาของเฟิงเฉ่วหานกลับหยุดลง เขาดันตัวลุกขึ้นมานั่งที่พื้นอย่างรุนแรง อาการผิดปกติก่อนหน้านี้หายไปจนหมด
เมื่อจู่ๆก็เห็นเฟิงเฉ่วหานได้สติ ผมจึงดีใจขึ้นมาทันที “เหล่าเฟิง นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
แต่เสียงพึ่งจางหาย เขากลับแสดงท่าทางผิดปกติออกมาอีกครั้ง
แววตาของเฟิงเฉ่วหานเปลี่ยนไป ราวกับเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้เป็นคนละคน
ไม่รอให้ผมถาม เฟิงเฉ่วหานก็จ้องมาที่ผม จากนั้นก็แสดงท่าทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาใช้น้ำเสียงนักเลงนิดหน่อยและปนไปด้วยความไม่พอใจพูดกับผมว่า “เหล่าเฟิงอะไร เรียกพี่ซิวะ!”
ผมมึนงงทันที เจ้านี้คงไม่ได้ตากลมจนโง่ไปแล้วมั้ง
“เฟิงเฉ่วหาน นายแน่ใจนะว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรน่ะ กินยาอีกเม็ดดีไหม” ตอนนั้นผมคิดว่า เฟิงเฉ่วหานคงอาการกำเริบ
แต่ใครจะไปรู้ผมพึ่งยกขวดยาสีขาวขึ้นมาเท่านั้น “พรึบ” สีหน้าของเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาแสดงความโกรธออกมา
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เขานำมือข้างหนึ่งตรงเข้ามาปัดขวดยานั้น “เอามาให้ข้า!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ปัดขวดยาที่อยู่ในมือผมกระเด็นออกไปทันที จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น
สำหรับยาขวดสีขาว ได้ลอยเข้าไปอยู่ในทะเลเพลิงเรียบร้อย
“เฟิงเฉ่วหาน นายเป็นอะไร” ผมแปลกใจมาก ภาพทั้งหมดมันไม่เหมือนกับที่ตัวเองคิดไว้เลยสักนิด ราวกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
แต่ใครจะไปรู้ “เฟิงเฉ่วหาน” สามคำนี้พึ่งออกจากปากผม ทันใดนั้นเจ้านี้ก็ดึงหน้าใส่ผม
กำหมัดข้างหนึ่งขึ้น และต่อยเข้ามาที่คอของผมทันที
“เฟิงเฉ่วหาน นายจะทำอะไร!” ผมตกใจ เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ต่างจากเฟิงเฉ่วหานก่อนหน้านี้ลิบลับ
แต่ผมพึ่งคิดถึงตรงนี้ จู่ๆเจ้านั้นก็พูดกับผมว่า “ไอ้เด็กน้อย จำชื่อของข้าเอาไว้ หานเฉ่วเฟิง ไม่ใช้เจ้าขยะเฟิงเฉ่วหาน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ผลักผมอย่างแรง ผมคิดว่านี้มันพลังประหลาดอะไรทำไมถึงมหาศาลแบบนี้ จากนั้นตัวผมก็ล้มลงไปกับพื้นทันที
ทันใดนั้น ผมก็ต้องตกตะลึง
เพราะช่วงเวลานั้นผมคิดถึงสิ่งที่เขาบอกว่าตัวเองมีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ แถมเมื่อกี้ยังบอกว่าอีกเดี๋ยวจะได้เจอ “เขา” และห้ามเรียกชื่อของเขาเด็ดขาด
เมื่อผมนำทุกอย่างมารวมกัน ถ้านี่ไม่ใช่โรคจริงๆ
งั้นในร่างกายของเฟิงเฉ่วหาน ก็ต้องมี “เขา” อีกหนึ่งคนหรือมีการ “ผูกวิญญาณ” อีกหนึ่งดวง
“ผูกวิญญาณ” นี่เป็นเรื่องเล่าของเอเชีย ทางฝั่งเอเชียมักมีชื่อเสียงเรื่องไสยศาสตร์ เลี้ยงผี เชิญเทพมาสามประเภทหลักๆ
และเจ้า “ผูกวิญญาณ” นี่ก็คือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเชิญเทพมาประทับร่างของคนเอเชีย
บอกว่าวางทารกแฝดแรกเกิดในภาชนะพิเศษ จากนั้นตัดเส้นเลือดของทารกหนึ่งคน เมื่อเลือดสดๆไหลออกมา ก็นำไปให้เด็กอีกคนหนึ่งกิน และสุดท้ายก็ค่อยปล่อยให้ทารกอีกคนตาย
หลังจากนั้นก็นำศพทารกไปใส่ในโลง และใช้ยันต์ปิดผนึกวิญญาณไว้
แล้วก็ทำพิธีกรรมพิเศษบางอย่าง ถ้าทารกที่อยู่ในภาชนะสามารถมีชีวิตได้หนึ่งวัน เขาก็จะมีวิญญาณอีกหนึ่งดวงในร่าง
และวิญญาณดวงนี้ ก็คือทารกที่ตายในภาชนะนั้นเอง
ทารกที่ตายไปจะสิงสถิตและมีชิวิตอยู่ในร่างของเด็กอีกคน อยู่และตาย เติบโตไปพร้อมๆกัน
ถ้าเจอกับเรื่องอันตราย วิญญาณดวงนั้นก็จะคอยเป็นคนปกป้อง
เมื่อก่อนตอนที่ผมได้ยินอาจารย์พูดเรื่องนี้ ผมรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก
แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ผมคิดว่าสถานการณ์ของเฟิงเฉ่วหาน ดูคล้ายกับมีวิญญาณอยู่อีกดวงมาก
หรือพูดได้ว่า ตอนนี้หานเฉ่วเฟิงที่อยู่ตรงหน้า ก็คือวิญญาณที่อยู่ในร่างของเฟิงเฉ่วหาน และไม่ใช่
เฟิงเฉ่วหานคนเดิมอีกต่อไป
แต่ตอนนี้พวกเรากำลังติดกับดัก และยังไม่มีใครมาช่วย
ดังนั้นนี่คงเป็นทางเลือกสุดท้ายของเฟิงเฉ่วหาน เขาถึงกินยาเม็ดสีดำนั้นเข้าไป ขับวิญญาณในร่างออกมา ให้ช่วยพวกเราหนีจากภัยร้ายนี้
ทันที ที่ผมคิดเรื่องเหล่านี้ออก ความรู้สึกประหลาดใจก็ปะทุออกมาทันที
คิดไม่ถึงว่าวิธีผูกวิญญาณของคนเอเชีย ผมจะได้มาเห็นในประเทศของตัวเอง และยังเป็นคนใกล้ชิดอีกด้วย
ระหว่างที่ผมกำลังอ่ำอึ้ง จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็หันมามองผม “ไอ้เด็กน้อย นายเป็นอะไรกับเฟิงเฉ่วหาน”
เห็นได้ชัดว่าเจ้านี้แข็งแกร่งกว่าเฟิงเฉ่วหานมาก และยังมีแสดงท่าทางเป็นศัตรู แถมยังเป็นวิญญาณ
ดังนั้นผมจึงไม่รอช้า รีบพูดทันที “พวกเราเป็นเพื่อนกันครับ ไม่ทราบว่าพี่เฟิง คุณเป็นอะไรกับเขาเหรอครับ……”
ผมถามด้วยความสงสัย และอยากยืนยันความคิดของตัวเองให้มากกว่าเดิม
แต่เสียงพึ่งขาดหาย หานเฉ่วเฟิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉันเป็นพี่ของมัน! ในเมื่อแกเป็นเพื่อนกับเจ้าขยะ งั้นข้าจะปล่อยแกไป!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมก็แสดงสีหน้าอึดอัดใจออกมา
แต่ในใจกำลังหวาดกลัวแบบสุดๆ ฉันเดาถูกจริงๆด้วย
หานเฉ่วเฟิงที่อยู่ตรงหน้า เป็นวิญญาณพี่น้องของเฟิงเฉ่วหาน ผีที่คุ้มครองตัวเขาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ตอนนี้ผมเข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่ายแล้ว จึงไม่ถามอะไรไร้สาระอีก ย้อนกลับมาเรื่องผีบังตาอีกครั้ง
จากนั้นผมก็พูดกับหานเฉ่วเฟิงว่า “พี่เฟิง พวกเราเจอผีร้ายเล่นงาน ตอนนี้กำลังถูกผีบังตา คุณลองดูหน่อยว่าควรทำลายมันยังไงดี!”
หายเฉ่วเฟิงพูด ฮึ จ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่รอบๆและพูดว่า “ไอ้ขยะนี้ เรื่องเล็กขนาดนี้ก็ยังจัดการไม่ได้!”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็หันไปอีกทางด้านหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว
ท้ายที่สุดเพียงชั่วพริบตาร่างของเขา ก็พุ่งตัวออกไป ราวกับมิสไซล์ ที่ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รอให้ผมได้ตอบสนองใดๆ ร่างของเขาก็เข้าไปในกองไฟเรียบร้อย และยังเหยียดมือออกไป กางกรงเล็บและข่วนไปที่อากาศที่ว่างป่าว
จากนั้นเสียงกรีดร้อง “โอ๊ย…” ก็ดังขึ้น เงาของใครบางคน ถูกฉีกออกมาจากกลางอากาศ
เมื่อมองดูดีๆ มันก็คือผีผูกคอตายที่หนีตามผีชั่วออกมานั่นเอง
แต่ตอนนี้ ใบหน้าของผีร้ายตนนั้นกำลังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับกลัวจนเสียสติ
หลังจากหานเฉ่วเฟิงเพิ่มแรงที่มือ เขาก็ตะคอกออกไปทันที “ไสหัวไป!”
ขณะที่พูด เขาก็จับผีตนนั้นโยนเข้ามา
เจ้าผีชั่วตนนั้นกรีดร้องออกมาอีกครั้ง “โอ๊ย…” จากนั้นร่างของมันก็หล่นลงมาตรงหน้าของผม
ไม่หยุดเพียงเท่านั้นหานเฉ่วเฟิงไล่ตามมาทันที ไม่รอให้ผีผูกคอได้มีโอกาสลุกขึ้น เขาต่อยไปข้างหน้ารัวๆ มือต่อยเท้าเตะ นอกจากนี้เขายังขี้โกงทั้งต่อยไปด่าไปอีกด้วย “ไอ้เหี้ย ไอ้หมาโง่ ความสามารถแค่นี้ยังกล้าออกมาทำร้ายคนอีก ไอ้โง่ไร้สมอง……”
ดูเหมือนตอนนี้เจ้าผีร้ายจะไม่มีพลังต่อต้านเลยสักนิด ขณะที่หานเฉ่วเฟิงต่อยมันก็กรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ร้องด้วยความหวาดกลัวครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนวินาทีที่หมูโดนฆ่า ที่มันจะเจ็บปวดทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนนี้ ไม่มีทีท่าว่าต้องการความช่วยเหลือจากผมเลยสักนิด และไม่มีโอกาสให้ผมได้ลงมือด้วยซ้ำ
ฉากนั้นมันทำให้ผมตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ทำได้แต่ยืนมองดูอยู่โง่ๆ
พวกคุณก็รู้ดีว่า นี่คือผีผูกคอตายที่กลายเป็นผีร้ายตนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ กลับถูกหานเฉ่วเฟิงอัดจนแม่มันยังจำไม่ได้เลย
นอกจากเสียงกรีดร้องโหยหวน ในสถานที่แห่งนี้ยังเลือดไหลนองจนน่าตกใจ ช่วงเวลานั้นมันทำให้ผมเป็นใบ้ในทันที……